เถรี
23-08-2015, 18:17
ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายและถนัดของตนเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกทั้งหมดไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจออกมา ให้ใช้คำภาวนาที่เราถนัดมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ วันนี้จะกล่าวถึงเรื่องของการภาวนาของเราว่า ถ้าการภาวนานั้นประกอบไปด้วยวิตก วิจาร ปีติ สุข และเอกัคตารมณ์ การภาวนานั้นจึงนับว่าเป็นสมาธิอย่างแท้จริง ถ้าองค์ประกอบเหล่านี้มีไม่ครบ ก็เป็นได้แค่ขณิกสมาธิหรือสมาธิเล็กน้อย และอุปจารสมาธิหรือสมาธิใกล้จะทรงฌานเท่านั้น
วิตก คือ การที่เราคิดนึกตรึกอยู่ว่าเราจะภาวนา คล้าย ๆ กับการเตรียมพร้อม การตั้งท่า วิจาร ก็คือ การที่เรากำหนดคำภาวนาพร้อมกับลมหายใจ ลมหายใจจะแรง เบา ยาว สั้น คำภาวนาว่าอย่างไรเราก็รู้อยู่
ปีติ คือ การที่มีอาการต่าง ๆ ปรากฏขึ้น แตกต่างกันไปอยู่ ๕ อย่าง ได้แก่ ขณิกาปีติ จะมีอาการขนลุกเป็นพัก ๆ บางคนก็ขนลุกทั้งตัว ลุกอยู่นานเป็นนาทีก็มี ขุททกาปีติ มีน้ำตาไหล พออารมณ์ใจมาถึงตรงจุดนี้ ถ้าไม่หักห้ามเอาไว้น้ำตาก็จะไหลพราก แต่ก็ไม่ควรที่จะห้ามเอาไว้ ปีติทุกอย่างเราควรที่จะตามดูตามรู้เฉย ๆ ปล่อยให้เกิดขึ้นจนเต็มที่แล้วก้าวผ่านไป ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าเราไปหักห้ามเอาไว้ ถึงเวลาสมาธิเริ่มทรงตัว ปีติก็จะปรากฏ ไม่สามารถที่จะผ่านไปได้สักที
โอกกันติกาปีติ ร่างกายมีอาการโยกโคลงไปมา บางทีก็เต้น บางทีก็สั่นเหมือนกับเจ้าเข้า บางคนก็ตบหน้าขาตัวเองหรือว่ากระแทกหน้าอกตัวเองจนช้ำเขียวไปเลยก็มี แต่ว่าต้องปล่อยให้เป็นอย่างนั้น บางท่านก็หกคะเมนตีลังกาไปเลยก็มี แต่ไม่ว่าจะออกท่าออกทางโลดโผนอย่างไรก็ตาม ถ้าเรารู้จักสังเกตจะเห็นว่ากำลังใจนั้นสงบนิ่งอยู่ข้างใน อาการเป็นแต่เพียงร่างกายเท่านั้นเอง ถ้าเราไม่อาย ไม่กลัว ปล่อยให้เป็นเต็มที่ก็จะเลิก ถ้าไม่เต็มที่ก็จะเป็นอยู่อย่างนั้น
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ วันนี้จะกล่าวถึงเรื่องของการภาวนาของเราว่า ถ้าการภาวนานั้นประกอบไปด้วยวิตก วิจาร ปีติ สุข และเอกัคตารมณ์ การภาวนานั้นจึงนับว่าเป็นสมาธิอย่างแท้จริง ถ้าองค์ประกอบเหล่านี้มีไม่ครบ ก็เป็นได้แค่ขณิกสมาธิหรือสมาธิเล็กน้อย และอุปจารสมาธิหรือสมาธิใกล้จะทรงฌานเท่านั้น
วิตก คือ การที่เราคิดนึกตรึกอยู่ว่าเราจะภาวนา คล้าย ๆ กับการเตรียมพร้อม การตั้งท่า วิจาร ก็คือ การที่เรากำหนดคำภาวนาพร้อมกับลมหายใจ ลมหายใจจะแรง เบา ยาว สั้น คำภาวนาว่าอย่างไรเราก็รู้อยู่
ปีติ คือ การที่มีอาการต่าง ๆ ปรากฏขึ้น แตกต่างกันไปอยู่ ๕ อย่าง ได้แก่ ขณิกาปีติ จะมีอาการขนลุกเป็นพัก ๆ บางคนก็ขนลุกทั้งตัว ลุกอยู่นานเป็นนาทีก็มี ขุททกาปีติ มีน้ำตาไหล พออารมณ์ใจมาถึงตรงจุดนี้ ถ้าไม่หักห้ามเอาไว้น้ำตาก็จะไหลพราก แต่ก็ไม่ควรที่จะห้ามเอาไว้ ปีติทุกอย่างเราควรที่จะตามดูตามรู้เฉย ๆ ปล่อยให้เกิดขึ้นจนเต็มที่แล้วก้าวผ่านไป ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าเราไปหักห้ามเอาไว้ ถึงเวลาสมาธิเริ่มทรงตัว ปีติก็จะปรากฏ ไม่สามารถที่จะผ่านไปได้สักที
โอกกันติกาปีติ ร่างกายมีอาการโยกโคลงไปมา บางทีก็เต้น บางทีก็สั่นเหมือนกับเจ้าเข้า บางคนก็ตบหน้าขาตัวเองหรือว่ากระแทกหน้าอกตัวเองจนช้ำเขียวไปเลยก็มี แต่ว่าต้องปล่อยให้เป็นอย่างนั้น บางท่านก็หกคะเมนตีลังกาไปเลยก็มี แต่ไม่ว่าจะออกท่าออกทางโลดโผนอย่างไรก็ตาม ถ้าเรารู้จักสังเกตจะเห็นว่ากำลังใจนั้นสงบนิ่งอยู่ข้างใน อาการเป็นแต่เพียงร่างกายเท่านั้นเอง ถ้าเราไม่อาย ไม่กลัว ปล่อยให้เป็นเต็มที่ก็จะเลิก ถ้าไม่เต็มที่ก็จะเป็นอยู่อย่างนั้น