เถรี
19-10-2014, 14:40
ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตน ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติไว้ที่ลมหายใจเข้าออกของเรา หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา ใช้คำภาวนาที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม อย่าเปลี่ยนคำภาวนาบ่อย ๆ การเปลี่ยนคำภาวนาบ่อย สภาพจิตไม่เคยชิน จะทำให้อารมณ์ทรงตัวได้ยาก
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ วันนี้จะกล่าวถึงรากเหง้าของกิเลส ซึ่งประกอบไปด้วยโลภ โกรธ หลง ซึ่งรักหรือราคะนั้น ความจริงแล้วเป็นตัวเดียวกับความโลภ เพราะว่าเรารักใคร่ จึงอยากได้มา แต่คราวนี้ตัวรักหรือคำว่าราคะ เรามักจะเน้นเอาว่าเป็นความรู้สึกระหว่างเพศเท่านั้น
การปฏิบัติธรรมของเรานั้น ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ จะเป็นเครื่องทดสอบเราอยู่ตลอดเวลา เราต้องรู้เท่าทันว่าจะใช้อาวุธอย่างไรไปต่อสู้ เพื่อที่จะแก้ไขตนเองให้หลุดพ้นจากสภาพที่กิเลสกำลังเข้ามาต่อตีกับเรา
ตัวราคะนั้น ท่านบอกว่าให้พิจารณาอสุภกรรมฐานหรือกายคตาสติ อสุภกรรมฐานนั้นในปัจจุบันเป็นเรื่องที่หาดูได้ยาก หลายท่านอาจจะบอกว่าตามอินเตอร์เน็ตมีมากมาย อาตมาขอยืนยันว่าดูอย่างไรก็ไม่ใช่ของจริง เนื่องเพราะว่าของจริงนั้น ทันทีที่เราก้าวเข้าไปในบริเวณนั้น แค่เราได้กลิ่นเท่านั้น เราก็จะรู้แล้วว่านี่คือศพที่แท้จริง
ในเมื่อไม่สามารถที่จะหาดูจากของจริงได้ ก็จำเป็นต้องไปพิจารณากายคตาสติ คือดูให้เห็นความเป็นจริงของร่างกายนี้ว่า มีเพียงผิวหนังชั้นเดียวที่หลอกตาเราอยู่ พอลอกหนังออก ภายในก็เต็มไปด้วยเลือด ด้วยเนื้อ ด้วยเส้นเอ็น ด้วยตับไตไส้ปอด เครื่องจักรกลต่าง ๆ พยายามดูให้เห็นอย่างชัดเจน จิตใจของเราจะได้ไม่ใฝ่ไปทางกามราคะ
ในส่วนของความโลภนั้น ตัดได้ด้วยการให้ทาน ซึ่งพวกเราได้ทำกันเป็นปกติอยู่แล้ว
ในส่วนของโทสะ ให้แก้ไขด้วยการรักษาศีล และเจริญพรหมวิหารสี่ บางคนไม่ถนัด ถนัดแต่การภาวนา ก็ให้จับกสิณ ๔ อย่างคือ สีแดง สีเขียว สีเหลือง สีขาว อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นนิมิตในการภาวนา ซึ่งจะช่วยในการระงับโทสะได้
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ วันนี้จะกล่าวถึงรากเหง้าของกิเลส ซึ่งประกอบไปด้วยโลภ โกรธ หลง ซึ่งรักหรือราคะนั้น ความจริงแล้วเป็นตัวเดียวกับความโลภ เพราะว่าเรารักใคร่ จึงอยากได้มา แต่คราวนี้ตัวรักหรือคำว่าราคะ เรามักจะเน้นเอาว่าเป็นความรู้สึกระหว่างเพศเท่านั้น
การปฏิบัติธรรมของเรานั้น ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ จะเป็นเครื่องทดสอบเราอยู่ตลอดเวลา เราต้องรู้เท่าทันว่าจะใช้อาวุธอย่างไรไปต่อสู้ เพื่อที่จะแก้ไขตนเองให้หลุดพ้นจากสภาพที่กิเลสกำลังเข้ามาต่อตีกับเรา
ตัวราคะนั้น ท่านบอกว่าให้พิจารณาอสุภกรรมฐานหรือกายคตาสติ อสุภกรรมฐานนั้นในปัจจุบันเป็นเรื่องที่หาดูได้ยาก หลายท่านอาจจะบอกว่าตามอินเตอร์เน็ตมีมากมาย อาตมาขอยืนยันว่าดูอย่างไรก็ไม่ใช่ของจริง เนื่องเพราะว่าของจริงนั้น ทันทีที่เราก้าวเข้าไปในบริเวณนั้น แค่เราได้กลิ่นเท่านั้น เราก็จะรู้แล้วว่านี่คือศพที่แท้จริง
ในเมื่อไม่สามารถที่จะหาดูจากของจริงได้ ก็จำเป็นต้องไปพิจารณากายคตาสติ คือดูให้เห็นความเป็นจริงของร่างกายนี้ว่า มีเพียงผิวหนังชั้นเดียวที่หลอกตาเราอยู่ พอลอกหนังออก ภายในก็เต็มไปด้วยเลือด ด้วยเนื้อ ด้วยเส้นเอ็น ด้วยตับไตไส้ปอด เครื่องจักรกลต่าง ๆ พยายามดูให้เห็นอย่างชัดเจน จิตใจของเราจะได้ไม่ใฝ่ไปทางกามราคะ
ในส่วนของความโลภนั้น ตัดได้ด้วยการให้ทาน ซึ่งพวกเราได้ทำกันเป็นปกติอยู่แล้ว
ในส่วนของโทสะ ให้แก้ไขด้วยการรักษาศีล และเจริญพรหมวิหารสี่ บางคนไม่ถนัด ถนัดแต่การภาวนา ก็ให้จับกสิณ ๔ อย่างคือ สีแดง สีเขียว สีเหลือง สีขาว อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นนิมิตในการภาวนา ซึ่งจะช่วยในการระงับโทสะได้