เถรี
01-03-2014, 09:32
ให้ทุกคนนั่งในท่าถนัดและสบายของตัวเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกตรงหน้า หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมด ไหลตามลมหายใจออกมา จะกำหนดกี่ฐานก็อยู่ที่เรามีความชอบใจ จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ตามที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๗ เป็นการปฏิบัติธรรมต้นเดือนของเราเป็นวันสุดท้าย วันนี้มีญาติโยมจำนวนมากไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้ง เนื่องเพราะว่าเกรงจะมีอันตรายเกิดขึ้นแก่ตน การที่เราเกรงจะมีอันตรายเกิดขึ้นแก่ตน โดยเฉพาะถึงแก่ชีวิตนั้น ถือว่าเป็นความดีคือไม่ประมาท
แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วทั้งหมดที่ไม่ไป เป็นเพราะกลัวตายทั้งนั้น อย่าลืมว่าการที่เรากลัว ทุกอย่างมีสาเหตุมาจากความกลัวตายทั้งสิ้น กลัวถูกทำร้าย ถ้าทำร้ายหนัก ๆ เป็นอย่างไร ? ก็ตาย กลัวว่าจะมีการปะทะกัน พอมีการปะทะกันเราอาจจะโดนลูกหลง โดนลูกหลงแล้วเป็นอย่างไร ? อาจจะตาย
ถ้าเราดูไปแล้วจะเห็นว่า จริง ๆ แล้วความกลัวทุกอย่าง มีพื้นฐานมาจากความกลัวตายทั้งหมด แม้กระทั่งการกลัวสัตว์เล็ก ๆ อย่างจิ้งจกหรือแมลงสาบก็เกิดจากความกลัวตาย ก็คือเราเกลียด ขยะแขยง ถ้ามันกระโดดใส่เรา เราอาจจะทนความขยะแขยงไม่ได้ถึงขนาดขาดใจตาย ท้ายสุดทุกอย่างลงตรงตายหมด
ฉะนั้น..การที่เราปฏิบัติ เมื่อกำลังใจของเราทรงตัวแล้ว ต้องพิจารณาให้เห็นว่า ธรรมดาของความตายย่อมมาถึงมนุษย์และสัตว์ทุกรูปทุกนาม ไม่สามารถที่จะล่วงพ้นไปได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า “สัตว์โลกทั้งหลายเกิดเท่าไรตายหมดเท่านั้น” แต่เนื่องจากว่าการเกิดนั้นใช้ระยะเวลาแค่ ๙ - ๑๐ เดือน กว่าจะถึงเวลาตายถ้าเป็นไปตามอายุขัยก็หลายสิบปี เราจึงเห็นการเกิดมากกว่าได้เห็นความตาย
แต่กระนั้นก็ตาม บุคคลที่มีปัญญา ย่อมเห็นว่าทุกคนจะต้องตายแน่นอน ในเมื่อความตายต้องมาถึงเราเป็นปกติ เราก็ต้องใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นให้ได้ว่า ธรรมดาของร่างกายนี้มีความเกิดในเบื้องต้น มีความแปรปรวนไปในท่ามกลาง เสื่อมสลายตายพังไปในที่สุด
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๗ เป็นการปฏิบัติธรรมต้นเดือนของเราเป็นวันสุดท้าย วันนี้มีญาติโยมจำนวนมากไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้ง เนื่องเพราะว่าเกรงจะมีอันตรายเกิดขึ้นแก่ตน การที่เราเกรงจะมีอันตรายเกิดขึ้นแก่ตน โดยเฉพาะถึงแก่ชีวิตนั้น ถือว่าเป็นความดีคือไม่ประมาท
แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วทั้งหมดที่ไม่ไป เป็นเพราะกลัวตายทั้งนั้น อย่าลืมว่าการที่เรากลัว ทุกอย่างมีสาเหตุมาจากความกลัวตายทั้งสิ้น กลัวถูกทำร้าย ถ้าทำร้ายหนัก ๆ เป็นอย่างไร ? ก็ตาย กลัวว่าจะมีการปะทะกัน พอมีการปะทะกันเราอาจจะโดนลูกหลง โดนลูกหลงแล้วเป็นอย่างไร ? อาจจะตาย
ถ้าเราดูไปแล้วจะเห็นว่า จริง ๆ แล้วความกลัวทุกอย่าง มีพื้นฐานมาจากความกลัวตายทั้งหมด แม้กระทั่งการกลัวสัตว์เล็ก ๆ อย่างจิ้งจกหรือแมลงสาบก็เกิดจากความกลัวตาย ก็คือเราเกลียด ขยะแขยง ถ้ามันกระโดดใส่เรา เราอาจจะทนความขยะแขยงไม่ได้ถึงขนาดขาดใจตาย ท้ายสุดทุกอย่างลงตรงตายหมด
ฉะนั้น..การที่เราปฏิบัติ เมื่อกำลังใจของเราทรงตัวแล้ว ต้องพิจารณาให้เห็นว่า ธรรมดาของความตายย่อมมาถึงมนุษย์และสัตว์ทุกรูปทุกนาม ไม่สามารถที่จะล่วงพ้นไปได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า “สัตว์โลกทั้งหลายเกิดเท่าไรตายหมดเท่านั้น” แต่เนื่องจากว่าการเกิดนั้นใช้ระยะเวลาแค่ ๙ - ๑๐ เดือน กว่าจะถึงเวลาตายถ้าเป็นไปตามอายุขัยก็หลายสิบปี เราจึงเห็นการเกิดมากกว่าได้เห็นความตาย
แต่กระนั้นก็ตาม บุคคลที่มีปัญญา ย่อมเห็นว่าทุกคนจะต้องตายแน่นอน ในเมื่อความตายต้องมาถึงเราเป็นปกติ เราก็ต้องใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นให้ได้ว่า ธรรมดาของร่างกายนี้มีความเกิดในเบื้องต้น มีความแปรปรวนไปในท่ามกลาง เสื่อมสลายตายพังไปในที่สุด