เถรี
25-02-2014, 18:28
ให้ทุกคนนั่งในท่าถนัดของตนเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติไว้เฉพาะหน้า เอาความรู้สึกทั้งหมดของพวกเราอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะจับลมหายใจเป็นฐานเดียว สามฐาน เจ็ดฐานก็ได้ ตามแต่ความถนัดของตน จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เราเคยชินมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ ญาติโยมหลายท่านก็วิตกกังวลว่าพรุ่งนี้จะไปเลือกตั้งอย่างไร ? ซึ่งความจริงแล้วการปฏิบัติกรรมฐานนั้น เรื่องความวิตก ความกังวลต่าง ๆ เราต้องตัดทิ้งให้หมด เพราะว่าเรื่องของพรุ่งนี้ยังมาไม่ถึง เราต้องเอาเรื่องของปัจจุบันคือตอนนี้ เดี๋ยวนี้ เท่านั้น เมื่อความรู้สึกอยู่กับลมหายใจเข้าออกเฉพาะหน้า นั่นคือการอยู่กับปัจจุบัน ถ้าเราอยู่กับลมหายใจเข้าออกจริง ๆ ความกังวลทั้งหมดก็จะหมดสิ้นไปเอง แล้วคอยระมัดระวังไว้อย่าให้นิวรณ์ ๕ กินใจของเราได้
คืออย่าให้มีกามฉันทะ ได้แก่ ความยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ตลอดจนถึงธรรมารมณ์ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับระหว่างเพศ เว้นจากพยาบาทคือการโกรธ เกลียด อาฆาตแค้นคนอื่น ความโกรธเป็นสิ่งที่มีได้ตามปกติ แต่อย่าเกลียดฝังใจ และอย่าไปอาฆาตแค้น เพราะว่าจะทำให้กลายเป็นไฟเผาใจเราอยู่ตลอดเวลา เป็นเหตุให้กิเลสเจริญงอกงามได้
ให้ละเว้นจากถีนมิทธะ คือความง่วงเหงาหาวนอน ขี้เกียจในการปฏิบัติ หลายต่อหลายท่านตั้งใจดี อยากจะปฏิบัติให้ดี แต่ด้วยเกียจคร้านไม่ตั้งหน้าตั้งตาประพฤติปฏิบัติจริง ๆ ก็ถือว่าโดนถีนมิทธะนิวรณ์ครอบงำอยู่ ให้ละเว้นจากอุทธัจจะกุกกุจจะ คือความหงุดหงิด กลัดกลุ้ม ฟุ้งซ่านรำคาญใจ เว้นจากวิจิกิจฉาคือความลังเลสงสัยในผลการปฏิบัติ
ถ้าระมัดระวังกำลังใจของเราอยู่กับลมหายใจเข้าออกจริง ๆ นิวรณ์ทั้ง ๕ ที่กล่าวมานี้ก็ไม่สามารถจะกินใจของเราได้ แล้วการปฏิบัตินั้นต้องเป็นคนจริงจัง จริงใจ มีสัจจะ ถ้าตั้งใจว่าเวลา ๑๕ นาทีนี้ ๒๐ นาทีนี้ หรือว่าครึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมงนี้เป็นเวลาในการปฏิบัติ เราก็ต้องทำให้ได้ครบตามนั้น
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ ญาติโยมหลายท่านก็วิตกกังวลว่าพรุ่งนี้จะไปเลือกตั้งอย่างไร ? ซึ่งความจริงแล้วการปฏิบัติกรรมฐานนั้น เรื่องความวิตก ความกังวลต่าง ๆ เราต้องตัดทิ้งให้หมด เพราะว่าเรื่องของพรุ่งนี้ยังมาไม่ถึง เราต้องเอาเรื่องของปัจจุบันคือตอนนี้ เดี๋ยวนี้ เท่านั้น เมื่อความรู้สึกอยู่กับลมหายใจเข้าออกเฉพาะหน้า นั่นคือการอยู่กับปัจจุบัน ถ้าเราอยู่กับลมหายใจเข้าออกจริง ๆ ความกังวลทั้งหมดก็จะหมดสิ้นไปเอง แล้วคอยระมัดระวังไว้อย่าให้นิวรณ์ ๕ กินใจของเราได้
คืออย่าให้มีกามฉันทะ ได้แก่ ความยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ตลอดจนถึงธรรมารมณ์ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับระหว่างเพศ เว้นจากพยาบาทคือการโกรธ เกลียด อาฆาตแค้นคนอื่น ความโกรธเป็นสิ่งที่มีได้ตามปกติ แต่อย่าเกลียดฝังใจ และอย่าไปอาฆาตแค้น เพราะว่าจะทำให้กลายเป็นไฟเผาใจเราอยู่ตลอดเวลา เป็นเหตุให้กิเลสเจริญงอกงามได้
ให้ละเว้นจากถีนมิทธะ คือความง่วงเหงาหาวนอน ขี้เกียจในการปฏิบัติ หลายต่อหลายท่านตั้งใจดี อยากจะปฏิบัติให้ดี แต่ด้วยเกียจคร้านไม่ตั้งหน้าตั้งตาประพฤติปฏิบัติจริง ๆ ก็ถือว่าโดนถีนมิทธะนิวรณ์ครอบงำอยู่ ให้ละเว้นจากอุทธัจจะกุกกุจจะ คือความหงุดหงิด กลัดกลุ้ม ฟุ้งซ่านรำคาญใจ เว้นจากวิจิกิจฉาคือความลังเลสงสัยในผลการปฏิบัติ
ถ้าระมัดระวังกำลังใจของเราอยู่กับลมหายใจเข้าออกจริง ๆ นิวรณ์ทั้ง ๕ ที่กล่าวมานี้ก็ไม่สามารถจะกินใจของเราได้ แล้วการปฏิบัตินั้นต้องเป็นคนจริงจัง จริงใจ มีสัจจะ ถ้าตั้งใจว่าเวลา ๑๕ นาทีนี้ ๒๐ นาทีนี้ หรือว่าครึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมงนี้เป็นเวลาในการปฏิบัติ เราก็ต้องทำให้ได้ครบตามนั้น