เถรี
18-02-2014, 18:55
ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตัวเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดไว้ที่ลมหายใจของเรา หายใจเข้าออกยาว ๆ สัก ๒ - ๓ ครั้ง เพื่อไล่ลมหยาบออกให้หมดก่อน หลังจากนั้นก็ปล่อยลมหายใจให้เป็นไปตามปกติ หายใจเข้า..เอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..เอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ตามที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๓๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ ตรงกับวันตรุษจีน ก็คือวันนี้ตรงกับวันขึ้น ๑ ค่ำเดือนอ้ายของจีน แต่ว่าเป็นวันขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๓ ของไทย คือเดือนของจีนจะเดินช้ากว่าเดือนไทยอยู่ ๒ เดือน แต่ขณะเดียวกัน เรื่องของขึ้นแรมคนจีนนับ ๑ ค่ำ ถึง ๓๐ หรือ ๒๙ ส่วนคนไทยของเรามีขึ้น ๑๕ ค่ำ มีแรม ๑๔ หรือ ๑๕ ค่ำ แต่ว่าท้ายสุดก็จะต้องไปปัดเศษกลายเป็นเดือนเกิน ซึ่งของไทยจะมีเดือน ๘ อยู่ ๒ หน แต่ของจีนจะมีเดือน ๓ อยู่ ๒ หน ก็ถือว่าเป็นหลักเกณฑ์ในการคิดคำนวณทางจันทรคติที่คล้ายคลึงกัน
ในวันตรุษจีนโดยการนิยมแล้วจะไม่พูดคำหยาบ จะไม่พูดในสิ่งที่ไม่เป็นมงคล จะสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงเพื่อความเป็นมงคล เป็นต้น ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้ว ถ้าปีหนึ่งทำครั้งเดียวประโยชน์ก็จะน้อยเกินไป ถ้าเราสามารถควบคุมวาจาของเราได้ ไม่ให้พูดคำหยาบ ไม่ให้พูดส่อเสียด ไม่ให้พูดปด ไม่ให้พูดวาจาเพ้อเจ้อ ได้ตลอดทั้งปี จึงจะเป็นมงคลใหญ่ที่แท้จริง
ส่วนการสวมใส่เสื้อผ้าใหม่หรือเสื้อผ้าสีแดงนั้น ถือว่าเป็นแค่มงคลภายนอก ถ้าจะเอามงคลภายในจริง ๆ ก็ต้องประพฤติปฏิบัติในเรื่องของศีล สมาธิ ปัญญานั่นเอง ในส่วนของศีลนั้น เราต้องควบคุมในศีลของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ หรือศีล ๘ ก็ตาม ให้อยู่ในลักษณะที่บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ล่วงละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมผู้อื่นให้ละเมิดศีล และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล
ถ้าเราสามารถที่จะระมัดระวังได้ดังนี้ อำนาจของศีลก็จะก่อให้เกิดสมาธิ ถ้าเป็นสมาธิในเบื้องต้น เราก็สามารถตัดกิเลส เป็นพระโสดาบันกับพระสกทาคามีได้ ถ้าจะเอาจริง ๆ แน่นอนก็เป็นพระโสดาบัน เพราะว่ากำลังของพระสกทาคามีนั้น ถ้าไม่ได้มีความคล่องตัวในเรื่องของฌานจริง ๆ แล้ว บางทีปฐมฌานจะเอาไม่อยู่เหมือนกัน
เมื่อศีลก่อให้เกิดสมาธิ สมาธิก่อให้เกิดปัญญา เราก็ใช้ปัญญามาพิจารณาสภาพร่างกายของเรา ในเบื้องต้นก็คือจะต้องตายแน่นอน ถ้าเราเห็นเพิ่มเติมไปว่า ร่างกายนี้มีแต่ความสกปรกโสโครกเป็นปกติ ต้องคอยดูแลรักษา ขัดสี อบรม อยู่ตลอดเวลา ร่างกายของเราก็สกปรกเช่นนี้ ร่างกายคนอื่นก็สกปรกเช่นนี้ ร่างกายของสัตว์อื่นก็สกปรกเช่นนี้ ก็จะเกิดความเบื่อหน่าย ไม่มีความต้องการในร่างกายนี้ขึ้นมา อำนาจของศีล สมาธิ ก็จะส่งผลให้เราเกิดปัญญาในเบื้องกลาง สามารถตัดกิเลสเป็นพระอนาคามีได้
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๓๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ ตรงกับวันตรุษจีน ก็คือวันนี้ตรงกับวันขึ้น ๑ ค่ำเดือนอ้ายของจีน แต่ว่าเป็นวันขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๓ ของไทย คือเดือนของจีนจะเดินช้ากว่าเดือนไทยอยู่ ๒ เดือน แต่ขณะเดียวกัน เรื่องของขึ้นแรมคนจีนนับ ๑ ค่ำ ถึง ๓๐ หรือ ๒๙ ส่วนคนไทยของเรามีขึ้น ๑๕ ค่ำ มีแรม ๑๔ หรือ ๑๕ ค่ำ แต่ว่าท้ายสุดก็จะต้องไปปัดเศษกลายเป็นเดือนเกิน ซึ่งของไทยจะมีเดือน ๘ อยู่ ๒ หน แต่ของจีนจะมีเดือน ๓ อยู่ ๒ หน ก็ถือว่าเป็นหลักเกณฑ์ในการคิดคำนวณทางจันทรคติที่คล้ายคลึงกัน
ในวันตรุษจีนโดยการนิยมแล้วจะไม่พูดคำหยาบ จะไม่พูดในสิ่งที่ไม่เป็นมงคล จะสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงเพื่อความเป็นมงคล เป็นต้น ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้ว ถ้าปีหนึ่งทำครั้งเดียวประโยชน์ก็จะน้อยเกินไป ถ้าเราสามารถควบคุมวาจาของเราได้ ไม่ให้พูดคำหยาบ ไม่ให้พูดส่อเสียด ไม่ให้พูดปด ไม่ให้พูดวาจาเพ้อเจ้อ ได้ตลอดทั้งปี จึงจะเป็นมงคลใหญ่ที่แท้จริง
ส่วนการสวมใส่เสื้อผ้าใหม่หรือเสื้อผ้าสีแดงนั้น ถือว่าเป็นแค่มงคลภายนอก ถ้าจะเอามงคลภายในจริง ๆ ก็ต้องประพฤติปฏิบัติในเรื่องของศีล สมาธิ ปัญญานั่นเอง ในส่วนของศีลนั้น เราต้องควบคุมในศีลของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ หรือศีล ๘ ก็ตาม ให้อยู่ในลักษณะที่บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ล่วงละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมผู้อื่นให้ละเมิดศีล และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล
ถ้าเราสามารถที่จะระมัดระวังได้ดังนี้ อำนาจของศีลก็จะก่อให้เกิดสมาธิ ถ้าเป็นสมาธิในเบื้องต้น เราก็สามารถตัดกิเลส เป็นพระโสดาบันกับพระสกทาคามีได้ ถ้าจะเอาจริง ๆ แน่นอนก็เป็นพระโสดาบัน เพราะว่ากำลังของพระสกทาคามีนั้น ถ้าไม่ได้มีความคล่องตัวในเรื่องของฌานจริง ๆ แล้ว บางทีปฐมฌานจะเอาไม่อยู่เหมือนกัน
เมื่อศีลก่อให้เกิดสมาธิ สมาธิก่อให้เกิดปัญญา เราก็ใช้ปัญญามาพิจารณาสภาพร่างกายของเรา ในเบื้องต้นก็คือจะต้องตายแน่นอน ถ้าเราเห็นเพิ่มเติมไปว่า ร่างกายนี้มีแต่ความสกปรกโสโครกเป็นปกติ ต้องคอยดูแลรักษา ขัดสี อบรม อยู่ตลอดเวลา ร่างกายของเราก็สกปรกเช่นนี้ ร่างกายคนอื่นก็สกปรกเช่นนี้ ร่างกายของสัตว์อื่นก็สกปรกเช่นนี้ ก็จะเกิดความเบื่อหน่าย ไม่มีความต้องการในร่างกายนี้ขึ้นมา อำนาจของศีล สมาธิ ก็จะส่งผลให้เราเกิดปัญญาในเบื้องกลาง สามารถตัดกิเลสเป็นพระอนาคามีได้