เถรี
06-10-2013, 11:42
ให้ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายของตัวเอง หายใจเข้าออกยาว ๆ สัก ๒ - ๓ ครั้ง ระบายลมหยาบทิ้งให้หมดก่อน จะได้ไม่อึดอัดเมื่อสมาธิเริ่มทรงตัว หลังจากนั้นปล่อยลมหายใจให้เป็นปกติ เอาความรู้สึกทั้งหมดจดจ่ออยู่ที่ลมหายใจเข้าออกของเรา หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๖ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานวันสุดท้ายของเดือนกันยายนของพวกเรา วันนี้มีข่าวที่น่าเสียใจและน่าเสียดายก็คือว่าหลวงปู่สุภา กนฺตสีโล พระอาจารย์ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นที่พึ่งของญาติโยมจำนวนมากได้มรณภาพลง เมื่อก่อนเวลาปฏิบัติกรรมฐานของพวกเราแค่ครู่เดียวเท่านั้น หลวงปู่ท่านอยู่มาจนอายุ ๑๑๗ ปีแล้ว คาดว่ามีญาติโยมจำนวนมาก ที่จะต้องเสียใจและคร่ำครวญถึงขนาดขาดสติเลยก็มี
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ขอบอกกับทุกท่านว่า นั่นเป็นเพราะเรายึดเกาะในส่วนที่ผิด การยึดเกาะในส่วนที่ผิดก็คือ ไปเกาะกายสังขารของท่านว่าเป็นที่พึ่งของเรา เมื่อท่านมรณภาพไป ก็รู้สึกว่าตนเองขาดที่พึ่ง อาจจะต้องร่อนเร่เป็นสัมภเวสีไปสักระยะหนึ่ง จนกว่าจะหาครูบาอาจารย์ใหม่ที่ตนเองเคารพเลื่อมใสได้ ก็จะไปเกาะครูบาอาจารย์ใหม่อีก ถ้าท่านทั้งหลายทำดังนี้ ก็ต้องเสียใจอยู่ร่ำไป เพราะว่าครูบาอาจารย์ท่านไม่ได้อยู่ให้เราเกาะไปตลอดชาติ ถึงเวลาท่านก็มรณภาพไป ตามสภาพของแต่ละท่าน
ถ้าเราจะเกาะครูบาอาจารย์ ให้เกาะในส่วนของคุณความดี ให้เกาะในคำสอนของท่าน ว่าท่านสอนเราอย่างไร แล้วนำไปปฏิบัติ ถ้าเราสามารถทำอย่างนี้ได้ จึงได้ชื่อว่าเกาะในส่วนที่ถูกต้อง คือเราเกาะในสังฆคุณ ไม่ได้เกาะในอัตภาพร่างกายของท่าน ถึงแม้ท่านจะมรณภาพไป คุณความดีของท่าน ตลอดจนคำสอนของท่าน ก็ยังคงเป็นที่พึ่งที่ระลึก ที่ยึดถือปฏิบัติของเราอยู่ เราก็จะมีหลักให้ยึดโยงจิตใจของตนเอง ไม่ต้องล่องลอยไปตามกระแส โดยคิดว่าสิ้นครูบาอาจารย์แล้วเราจะไปพึ่งใคร
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๖ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานวันสุดท้ายของเดือนกันยายนของพวกเรา วันนี้มีข่าวที่น่าเสียใจและน่าเสียดายก็คือว่าหลวงปู่สุภา กนฺตสีโล พระอาจารย์ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นที่พึ่งของญาติโยมจำนวนมากได้มรณภาพลง เมื่อก่อนเวลาปฏิบัติกรรมฐานของพวกเราแค่ครู่เดียวเท่านั้น หลวงปู่ท่านอยู่มาจนอายุ ๑๑๗ ปีแล้ว คาดว่ามีญาติโยมจำนวนมาก ที่จะต้องเสียใจและคร่ำครวญถึงขนาดขาดสติเลยก็มี
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ขอบอกกับทุกท่านว่า นั่นเป็นเพราะเรายึดเกาะในส่วนที่ผิด การยึดเกาะในส่วนที่ผิดก็คือ ไปเกาะกายสังขารของท่านว่าเป็นที่พึ่งของเรา เมื่อท่านมรณภาพไป ก็รู้สึกว่าตนเองขาดที่พึ่ง อาจจะต้องร่อนเร่เป็นสัมภเวสีไปสักระยะหนึ่ง จนกว่าจะหาครูบาอาจารย์ใหม่ที่ตนเองเคารพเลื่อมใสได้ ก็จะไปเกาะครูบาอาจารย์ใหม่อีก ถ้าท่านทั้งหลายทำดังนี้ ก็ต้องเสียใจอยู่ร่ำไป เพราะว่าครูบาอาจารย์ท่านไม่ได้อยู่ให้เราเกาะไปตลอดชาติ ถึงเวลาท่านก็มรณภาพไป ตามสภาพของแต่ละท่าน
ถ้าเราจะเกาะครูบาอาจารย์ ให้เกาะในส่วนของคุณความดี ให้เกาะในคำสอนของท่าน ว่าท่านสอนเราอย่างไร แล้วนำไปปฏิบัติ ถ้าเราสามารถทำอย่างนี้ได้ จึงได้ชื่อว่าเกาะในส่วนที่ถูกต้อง คือเราเกาะในสังฆคุณ ไม่ได้เกาะในอัตภาพร่างกายของท่าน ถึงแม้ท่านจะมรณภาพไป คุณความดีของท่าน ตลอดจนคำสอนของท่าน ก็ยังคงเป็นที่พึ่งที่ระลึก ที่ยึดถือปฏิบัติของเราอยู่ เราก็จะมีหลักให้ยึดโยงจิตใจของตนเอง ไม่ต้องล่องลอยไปตามกระแส โดยคิดว่าสิ้นครูบาอาจารย์แล้วเราจะไปพึ่งใคร