PDA

View Full Version : เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๖


เถรี
08-09-2013, 06:03
ให้ทุกคนนั่งในท่าที่ถนัดของตนเอง สำคัญที่ว่าต้องตั้งกายให้ตรง กำหนดสติของเราไว้เฉพาะหน้า ก็คือเอาความรู้สึกทั้งหมดของเราตามดูลมหายใจ หายใจเข้า..เอาความรู้สึกแนบชิดติดกับลมหายใจเข้าไป หายใจออก..เอาความรู้สึกแนบชิดติดกับลมหายใจออกมา จะกำหนด ๑ ฐาน ๓ ฐาน ๗ ฐานอย่างไรก็ได้ ตามที่เรามีความถนัด จะใช้คำภาวนาก็ให้ใช้คำภาวนาที่เราเคยชิน สภาพจิตจะได้ยอมรับได้ง่าย

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ ระยะนี้ต้องบอกว่าฝนฟ้าตกเกินความต้องการ ทางด้านทองผาภูมินั้น ตกแบบนี้มาเป็นเดือน ๆ แล้ว ตกกันเช้ายันค่ำ ค่ำยันเช้า พระออกบิณฑบาตก็เปียกปอนกันเกือบทุกวัน ที่กล่าวถึงจุดนี้เพื่อที่จะบอกแก่ญาติโยมว่า ฝนตกเป็นเรื่องของธรรมชาติ ในเมื่อฝนตกเป็นเรื่องของธรรมชาติ ถ้าเราเอากำลังใจไปฝืนธรรมชาติ เราก็จะมีแต่ความทุกข์

แต่ว่าการที่เราจะยอมรับว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นธรรมชาตินั้น เราก็ต้องเห็นจริงและปล่อยวางได้ระดับหนึ่ง ซึ่งถ้าใครทำได้ ก็จะเป็นการวัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติของตนเองได้เป็นอย่างดี ว่าสิ่งที่เราทำมาทั้งหมดนั้น เราเอามาใช้ในชีวิตจริงได้หรือไม่ ถึงเวลาฝนตกหลาย ๆ วัน ทำอะไรก็ไม่สะดวก ตากผ้าก็ไม่แห้ง เรามีความหงุดหงิดกลัดกลุ้มหรือไม่ ? ถ้ามีความหงุดหงิดกลัดกลุ้มก็แปลว่าสิ่งที่เป็นธรรมชาติ เป็นปกติธรรมดาแท้ ๆ เรายังไปฝืนใจไม่ยอมรับ ทำให้เกิดโทษ คือจิตใจของตนเองเศร้าหมอง

แต่ขณะเดียวกันสำหรับบางท่าน เมื่อเห็นฝนตกอาจจะดีใจ อย่างเช่น ท่านที่ทำไร่ทำนา แล้วต้องอาศัยน้ำฝน เมื่อฝนตกก็ย่อมดีใจเป็นธรรมดา ในลักษณะของความดีใจ ก็คือความยินดี ความพอใจ เป็นอิฏฐารมณ์ เป็นส่วนของราคะ ความไม่พอใจเป็นโทสะ ความพอใจเป็นราคะ แปลว่าเราจะยินดีหรือยินร้ายก็ตาม เราขาดทุนทั้งขึ้นทั้งล่อง

ดังนั้น..ในแต่ละวัน เมื่อมีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้น จะเป็นฝนตกแดดออก รถติดอย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เราต้องรักษากำลังใจของเรา ไม่ให้หวั่นไหวไปตามสถานการณ์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า อย่าไปยินดียินร้ายกับสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น เพราะความยินดียินร้าย ล้วนแต่สร้างโทษให้แก่จิตใจของเรา เนื่องจากเป็นส่วนของกิเลสใหญ่ ก็คือทั้งราคะและโทสะนั่นเอง

ถ้าเรามีสติปัญญาที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติ ก็จะมองเห็นสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ แล้วค่อย ๆ ปล่อยวางลงได้ ยอมรับได้ ถ้าเรายอมรับ อย่างภาษาโบราณที่ว่า อยู่ใต้ฟ้าต้องไปกลัวอะไรกับฝน เราก็จะไม่เกิดความรู้สึกหนักใจ เสื้อผ้าเปียกก็สามารถที่จะตากแห้งหรือไม่ก็อบแห้งได้ เพราะสมัยนี้เครื่องอำนวยความสะดวกมี ร่างกายเปียกปอนมา ก็คิดเสียว่าอาบน้ำเพิ่มขึ้นมาอีกรอบหนึ่งก็แล้วกัน

เถรี
10-09-2013, 08:45
ถ้าเห็นเป็นปกติธรรมดาอย่างนี้ หรือปล่อยวางได้ลักษณะว่า ธรรมดา..ช่างมันเถอะ หลีกเลี่ยงได้ก็หลีกเลี่ยง หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็เผชิญหน้าไปตามปกติ ถ้าเป็นอย่างนั้นจิตของเราก็จะไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงขณะของวัน ถ้าเช่นนั้นก็เป็นการวัดผลได้อย่างชัดเจนว่า การปฏิบัติธรรมของท่านไม่เสียเปล่า เพราะสามารถเอาไปใช้ในชีวิตจริงได้ โดยเฉพาะเอาไปวัดผลการปฏิบัติของเราได้ ว่าเรายังยินดียินร้ายกับสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจหรือไม่

ถ้ารู้ตัวว่าเรายังยินดียินร้ายอยู่ อันดับแรก ก็พยายามสร้างสมาธิของเราให้เข้มข้น ให้ทรงตัวมากกว่านี้ เพื่อที่กำลังของสมาธิจะกด รัก โลภ โกรธ หลง ให้ดับลงชั่วคราว ความยินดียินร้ายต่าง ๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น หรือว่าใช้ปัญญาพิจารณาเห็นความเป็นปกติ เป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติของสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น แล้วปล่อยวางลงได้ ก็จะไม่กระทบกระทั่งกับสิ่งอื่น ๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ ญาติโยมทั้งหลายก็จะสามารถใช้การกระทบกระทั่งกับสิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายในแต่ละวัน เป็นตัววัดผลการปฏิบัติของเราได้เป็นอย่างดี

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่าน กำหนดการภาวนาหรือพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกาและเถรี)

ชินเชาวน์
22-02-2014, 18:09
สามารถรับชมได้ที่

http://www.sapanboon.com/vdo/demo.php?filename=2556-08-02

ป.ล.
- สามารถชมบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้
- ห้ามคัดลอกไฟล์ไปเผยแพร่ที่อื่นเด็ดขาด !