เถรี
16-03-2013, 21:13
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติไว้เฉพาะหน้า คือเอาความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ตามอัธยาศัย
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ เมื่อครู่นี้ได้กล่าวถึงเรื่องบุคคลที่แต่งงานกันโดยบุพเพสันนิวาส ซึ่งบาลีกล่าวไว้ชัดว่า ปุพฺเพสนฺนิวาเสนะ ปจฺจุปฺปนฺน หิเตน วา เอวนฺตํ ชายเต เปมํ อุปลํ ว ยโถทเก คือการที่ได้เกื้อกูลกันมาแต่ปางก่อน ๑ การที่มาช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชาตินี้ ๑ ทำให้เกิดความรักความเห็นใจกันขึ้น เปรียบเหมือนกับอุบลคือดอกบัว ที่ขาดเสียซึ่งน้ำไม่ได้
เราทั้งหลายที่เป็นนักปฏิบัติ โดยเฉพาะคนหนุ่มคนสาว ก็ย่อมมีประสบการณ์อย่างนี้ และถ้าเป็นผู้ที่เห็นทุกข์เห็นโทษในวัฏสงสารจริง ๆ เมื่อมีประสบการณ์เช่นนี้ ก็ย่อมที่จะดิ้นรนอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้หลุดพ้นไปจากภาวการณ์อันไม่น่ายินดีในทางธรรม การที่เราดิ้นรนให้พ้นไปนั้น เป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่ง เพราะว่าเพศตรงข้ามย่อมเป็นเครื่องดึงดูดโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว
การที่เราจะหลีกหนีไปให้พ้น อันดับแรก ต้องใช้อานาปานสติกรรมฐานเป็นหลัก อานาปานสติกรรมฐานเป็นการยึดโยงกำลังใจของเราให้อยู่กับลมหายใจเข้าออก ทำให้เกิดกำลัง สามารถที่จะฝืน ต้านกระแสทางโลกได้ ในขณะที่ความรักหรือความใคร่ก็ตาม เกิดขึ้นท่วมท้นหัวใจของเรา ส่วนใหญ่แล้วสติสัมปชัญญะของเรา มีกำลังไม่เพียงพอที่จะไประงับยับยั้ง หักห้ามกำลังใจของตน
การที่จะให้สติสัมปชัญญะมีกำลังเพียงพอ ในการที่จะระงับยับยั้งกำลังใจของตนได้ ก็ต้องอาศัยอานาปานสติเป็นหลัก อย่างน้อย ๆ ต้องทรงถึงระดับปฐมฌานละเอียด หรือถ้าผู้ใดทรงฌาน ๔ ไปได้เลยยิ่งดี แต่ถึงแม้จะทรงฌาน ๔ ได้ ถ้าเผลอสติ เรื่องของวาระกรรมแทรกเข้ามา ก็อาจจะผิดพลาดได้ อย่างพระฤๅษีที่เหาะผ่านอุทยานของพระเจ้าแผ่นดิน พอเห็นพระมเหสีและนางสนมกำลังเล่นน้ำในสระ เผลอสติ..ฌานเสื่อม ตกลงไปเลย
เพราะฉะนั้น..อันดับแรกเราจึงต้องใช้อานาปานสติกรรมฐาน ในการเรียกคืนสติของตน และมีกำลังในการที่จะฝืนต้านกระแสโลกเอาไว้ให้ได้
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ เมื่อครู่นี้ได้กล่าวถึงเรื่องบุคคลที่แต่งงานกันโดยบุพเพสันนิวาส ซึ่งบาลีกล่าวไว้ชัดว่า ปุพฺเพสนฺนิวาเสนะ ปจฺจุปฺปนฺน หิเตน วา เอวนฺตํ ชายเต เปมํ อุปลํ ว ยโถทเก คือการที่ได้เกื้อกูลกันมาแต่ปางก่อน ๑ การที่มาช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชาตินี้ ๑ ทำให้เกิดความรักความเห็นใจกันขึ้น เปรียบเหมือนกับอุบลคือดอกบัว ที่ขาดเสียซึ่งน้ำไม่ได้
เราทั้งหลายที่เป็นนักปฏิบัติ โดยเฉพาะคนหนุ่มคนสาว ก็ย่อมมีประสบการณ์อย่างนี้ และถ้าเป็นผู้ที่เห็นทุกข์เห็นโทษในวัฏสงสารจริง ๆ เมื่อมีประสบการณ์เช่นนี้ ก็ย่อมที่จะดิ้นรนอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้หลุดพ้นไปจากภาวการณ์อันไม่น่ายินดีในทางธรรม การที่เราดิ้นรนให้พ้นไปนั้น เป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่ง เพราะว่าเพศตรงข้ามย่อมเป็นเครื่องดึงดูดโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว
การที่เราจะหลีกหนีไปให้พ้น อันดับแรก ต้องใช้อานาปานสติกรรมฐานเป็นหลัก อานาปานสติกรรมฐานเป็นการยึดโยงกำลังใจของเราให้อยู่กับลมหายใจเข้าออก ทำให้เกิดกำลัง สามารถที่จะฝืน ต้านกระแสทางโลกได้ ในขณะที่ความรักหรือความใคร่ก็ตาม เกิดขึ้นท่วมท้นหัวใจของเรา ส่วนใหญ่แล้วสติสัมปชัญญะของเรา มีกำลังไม่เพียงพอที่จะไประงับยับยั้ง หักห้ามกำลังใจของตน
การที่จะให้สติสัมปชัญญะมีกำลังเพียงพอ ในการที่จะระงับยับยั้งกำลังใจของตนได้ ก็ต้องอาศัยอานาปานสติเป็นหลัก อย่างน้อย ๆ ต้องทรงถึงระดับปฐมฌานละเอียด หรือถ้าผู้ใดทรงฌาน ๔ ไปได้เลยยิ่งดี แต่ถึงแม้จะทรงฌาน ๔ ได้ ถ้าเผลอสติ เรื่องของวาระกรรมแทรกเข้ามา ก็อาจจะผิดพลาดได้ อย่างพระฤๅษีที่เหาะผ่านอุทยานของพระเจ้าแผ่นดิน พอเห็นพระมเหสีและนางสนมกำลังเล่นน้ำในสระ เผลอสติ..ฌานเสื่อม ตกลงไปเลย
เพราะฉะนั้น..อันดับแรกเราจึงต้องใช้อานาปานสติกรรมฐาน ในการเรียกคืนสติของตน และมีกำลังในการที่จะฝืนต้านกระแสโลกเอาไว้ให้ได้