เถรี
18-01-2013, 20:52
ให้ทุกคนขยับตัวนั่งในท่าที่ตนเองถนัด เอาความรู้สึกของเราผูกติดอยู่กับลมหายใจ หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เราถนัดมาแต่เดิม
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานรับปีใหม่วันที่สองของพวกเรา
เมื่อครู่ก่อนกรรมฐานได้กล่าวถึงพระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่อยู่ในลักษณะของอัปปมัญญาคือไม่มีประมาณ สงเคราะห์ทุกคนโดยเสมอหน้ากัน พูดง่าย ๆ ก็คือในความรู้สึกของพระองค์ท่านนั้น ไม่มีการแบ่งสี ไม่มีการแบ่งฝ่าย ไม่มีการแบ่งเชื้อชาติ ไม่มีการแบ่งศาสนา ทุกคนก็คือพสกนิกรที่พระองค์ท่านต้องปกครองดูแล ช่วยให้พวกเราได้อยู่ดีกินดี มีความร่มเย็นเป็นสุขโดยเสมอหน้ากัน สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับพวกเรา ในการที่จะปฏิบัติในพรหมวิหาร ๔
พรหมวิหาร ๔ นั้นเป็นกรรมฐานใหญ่มาก ในกรรมฐาน ๔๐ แยกพรหมวิหาร ๔ ออกเป็น ๔ กองด้วยกัน ทั้ง ๆ ที่น่าจะนับเป็นกองเดียว ก็เพราะความยิ่งใหญ่ละเอียดลออของกรรมฐานทั้งหลายเหล่านี้ พรหมวิหาร ๔ นั้นประกอบไปด้วย เมตตาคือความรักผู้อื่นเสมอด้วยตนเอง กรุณาคือความสงสาร อยากเห็นผู้อื่นเขาพ้นจากความทุกข์ มุทิตาคือความพลอยยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นอยู่ดีมีสุข อุเบกขา ในเมื่อช่วยเหลือจนสุดความสามารถแล้วไม่สามารถที่จะช่วยได้ ก็ต้องปล่อยวาง ยอมรับว่าเป็นกฎของกรรม แต่การปล่อยวางนั้น ก็ยังอยู่ในลักษณะที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา ถ้ามีโอกาสเมื่อไร ก็จะทำการช่วยเหลือใหม่
พรหมวิหาร ๔ นั้นเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจให้แช่มชื่นเบิกบาน มีความอยากจะปฏิบัติธรรม เพราะเห็นว่าธรรมะนั้นเป็นสิ่งที่ดีเลิศ เป็นสิ่งที่ประเสริฐยิ่ง เรายิ่งทำมากเท่าไร ยิ่งอนุเคราะห์สงเคราะห์บุคคลอื่นได้มากเท่านั้น จิตใจที่แช่มชื่นเยือกเย็นก็จะทำให้กรรมฐานต่าง ๆ ทรงตัวได้ง่าย และพรหมวิหาร ๔ ยังเป็นตัวประคับประคองศีลให้บริสุทธิ์ไปโดยปริยาย
ในเมื่อเรารักเขาสงสารเขา เราก็ไม่คิดที่จะเข่นฆ่าทำร้ายใคร ในเมื่อเรารักเขาสงสารเขา เราก็ไม่คิดที่จะไปลักขโมยผู้ใด ในเมื่อเรารักเขาสงสารเขา เราก็ไม่ไปแย่งชิงสิ่งที่เขารัก คนที่เขารัก ในเมื่อเรารักเขาเราสงสารเขา เราก็ไม่ไปโกหกหลอกลวงผู้อื่น ในเมื่อเรารักคนรอบข้างและตนเอง เราก็ไม่ไปกินเหล้าเมายาซึ่งทำลายทั้งสุขภาพของตนเอง และทำให้คนรอบข้างเขาเดือดร้อนเพราะการกระทำของเรา
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานรับปีใหม่วันที่สองของพวกเรา
เมื่อครู่ก่อนกรรมฐานได้กล่าวถึงพระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่อยู่ในลักษณะของอัปปมัญญาคือไม่มีประมาณ สงเคราะห์ทุกคนโดยเสมอหน้ากัน พูดง่าย ๆ ก็คือในความรู้สึกของพระองค์ท่านนั้น ไม่มีการแบ่งสี ไม่มีการแบ่งฝ่าย ไม่มีการแบ่งเชื้อชาติ ไม่มีการแบ่งศาสนา ทุกคนก็คือพสกนิกรที่พระองค์ท่านต้องปกครองดูแล ช่วยให้พวกเราได้อยู่ดีกินดี มีความร่มเย็นเป็นสุขโดยเสมอหน้ากัน สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับพวกเรา ในการที่จะปฏิบัติในพรหมวิหาร ๔
พรหมวิหาร ๔ นั้นเป็นกรรมฐานใหญ่มาก ในกรรมฐาน ๔๐ แยกพรหมวิหาร ๔ ออกเป็น ๔ กองด้วยกัน ทั้ง ๆ ที่น่าจะนับเป็นกองเดียว ก็เพราะความยิ่งใหญ่ละเอียดลออของกรรมฐานทั้งหลายเหล่านี้ พรหมวิหาร ๔ นั้นประกอบไปด้วย เมตตาคือความรักผู้อื่นเสมอด้วยตนเอง กรุณาคือความสงสาร อยากเห็นผู้อื่นเขาพ้นจากความทุกข์ มุทิตาคือความพลอยยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นอยู่ดีมีสุข อุเบกขา ในเมื่อช่วยเหลือจนสุดความสามารถแล้วไม่สามารถที่จะช่วยได้ ก็ต้องปล่อยวาง ยอมรับว่าเป็นกฎของกรรม แต่การปล่อยวางนั้น ก็ยังอยู่ในลักษณะที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา ถ้ามีโอกาสเมื่อไร ก็จะทำการช่วยเหลือใหม่
พรหมวิหาร ๔ นั้นเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจให้แช่มชื่นเบิกบาน มีความอยากจะปฏิบัติธรรม เพราะเห็นว่าธรรมะนั้นเป็นสิ่งที่ดีเลิศ เป็นสิ่งที่ประเสริฐยิ่ง เรายิ่งทำมากเท่าไร ยิ่งอนุเคราะห์สงเคราะห์บุคคลอื่นได้มากเท่านั้น จิตใจที่แช่มชื่นเยือกเย็นก็จะทำให้กรรมฐานต่าง ๆ ทรงตัวได้ง่าย และพรหมวิหาร ๔ ยังเป็นตัวประคับประคองศีลให้บริสุทธิ์ไปโดยปริยาย
ในเมื่อเรารักเขาสงสารเขา เราก็ไม่คิดที่จะเข่นฆ่าทำร้ายใคร ในเมื่อเรารักเขาสงสารเขา เราก็ไม่คิดที่จะไปลักขโมยผู้ใด ในเมื่อเรารักเขาสงสารเขา เราก็ไม่ไปแย่งชิงสิ่งที่เขารัก คนที่เขารัก ในเมื่อเรารักเขาเราสงสารเขา เราก็ไม่ไปโกหกหลอกลวงผู้อื่น ในเมื่อเรารักคนรอบข้างและตนเอง เราก็ไม่ไปกินเหล้าเมายาซึ่งทำลายทั้งสุขภาพของตนเอง และทำให้คนรอบข้างเขาเดือดร้อนเพราะการกระทำของเรา