PDA

View Full Version : สุโขทัย - ตามเส้นทางที่ไม่มีใครไป


ลัก...ยิ้ม
12-10-2012, 17:16
สุโขทัย - ตามเส้นทางที่ไม่มีใครไป
เรื่องเล่าโดย พระองค์เจ้าหญิงวิภาวดีรังสิต
ธรรมทานโดย ท่านมุนินโท

https://public.blu.livefilestore.com/y1p42XpI3LJ-Zpd106TqHnYlniBGWw2KEN5vGiwozL5NagTV03uqvzPwbtDPKvu2YmX0DmCCr_MB5Inz6HMwwCHhQ/100_0613.JPG?psid=1


ด้วยประโยคที่ว่า "ของคุณต้องเดินไป.." จึงได้ยินยอมลำบากอีกครั้งกับประสบการณ์ในป่ากว้าง ภูเขาสูงชัน แมกไม้หลากพันธุ์ สัตว์ป่าชุกชุม ซึ่งทำให้ได้บันทึกมาอีก ๑ เล่มเล็ก ๆ (ยังไม่เคยเผยบันทึก) รวมถึงเรื่องของพระองค์เจ้าหญิงวิภาวดีรังสิต ครั้งเมื่อเดินไปเมืองลับแลแม่สาน.. มาเป็นของแถมพิเศษ

https://public.blu.livefilestore.com/y1pVHfC8w2XDtb4lDxjs1xWh0TTr66nwg7CTDUdzdMh4-9WUwVDvhNMbMBv0eos_TWqR0C12MoLig1IMUl99oyI3w/100_0594.jpg?psid=1

ลัก...ยิ้ม
12-10-2012, 17:18
https://public.blu.livefilestore.com/y1pSvu6tR-EUlwETcHSWpIKjJCsbGw0VcAQ-lpDmDpD3ayd9HuGLqX1DxsGNhQSbRQi4Mxlzu28kVqQVjKzMtMA9g/100_0597.JPG?psid=1

https://public.blu.livefilestore.com/y1p42XpI3LJ-ZqLxnw2Pt9mM8SFRLnh7Iv7reEZ6c96L_b_jU4j-_zgrgEd6Xf5tn3qhPa5vTKvB7q02j6UCt5LGQ/100_0614.jpg?psid=1

ลัก...ยิ้ม
12-10-2012, 17:20
ยิ้มยังอยากจะได้เล่มนี้อยู่นะคะ..หนังสืออนุสรณ์ในการพระราชทานเพลิงศพคุณอ๋อย ที่แต่งโดยท่านเจ้ากรม พล.อ.ท.ม.ร.ว.เสริม ศุขสวัสดิ์



หนังสืออนุสรณ์ในการพระราชทานเพลิงศพคุณอ๋อย ที่แต่งโดยท่านเจ้ากรม พล.อ.ท.ม.ร.ว.เสริม ศุขสวัสดิ์
สุขสวัสดิ์ :4672615:

ของเดิมถูกต้องแล้วครับ เพราะเป็นราชสกุลซึ่งเนื่องมาแต่ พลโท พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดี กรมหลวงอดิศรอุดมเดช เป็นองค์ต้นราชสกุลครับ

http://i117.photobucket.com/albums/o58/LordSri/Prince_Sukhasawasdee2.jpg
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดี กรมหลวงอดิศรอุดมเดช

มุนินโท
15-10-2012, 06:04
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18234&stc=1&d=1350255561

ในกระทู้ "พระองค์เจ้าหญิงวิภาวดีรังสิต" ผมคิดว่าตัวอักษรน่าจะอยู่ได้นานกว่ารูป เลยพิมพ์มาให้ครับ หวังว่าจะช่วยไม่มากก็น้อยนะครับ (อ่านในเว็บมานานแล้ว เลยอยากทำอะไรให้เว็บบ้าง ถ้าที่พิมพ์มีจุดผิดพลาดก็ขออภัยด้วยครับ)

วันนี้ข้าพเจ้าจะขอเล่าเรื่องการเดินทางของข้าพเจ้าไปยังสุโขทัยให้ท่านฟัง แต่ไม่ใช่ไปในฐานะนักศึกษา นักประวัติศาสตร์ หรือนักล่าของเก่า สุโขทัย ไม่ใช่สุโขทัยในอดีต ไม่ใช่สุโขทัยเมืองหลวงในศตวรรษที่ ๑๓ ซึ่งหมดความเจริญรุ่งเรืองไปแล้ว กษัตริย์ของสุโขทัยในอดีตได้เป็นที่เลื่องลือในความดีงาม ความกล้าหาญ อัจฉริยภาพ และความสูงส่ง ข้าพเจ้าจะไม่กล่าวเกี่ยวกับโบราณสถานอันสง่างาม แต่จะขอเล่าเรื่อง "สุโขทัย-ตามเส้นทางที่ไม่มีใครไป"

มุนินโท
15-10-2012, 06:10
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18235&stc=1&d=1350256396

ข้าพเจ้าได้เข้าไปเยี่ยมหมู่บ้านที่ห่างไกลที่สุดของสุโขทัย ซึ่งไม่ปรากฏในแผนที่ นายอำเภอต้องวาดแผนที่เอง เพื่อให้ข้าพเจ้ารู้ว่าจะไปทางไหน แต่ก่อนที่จะเริ่มเรื่องของข้าพเจ้าซึ่งเกี่ยวกับป่าที่ศรีสัชนาลัย ข้าพเจ้าขอเล่าประวัติสั้น ๆ ของสุโขทัยและศรีสัชนาลัยราชอาณาจักร ซึ่งมีเมืองแฝดคือสุโขทัยและศรีสัชนาลัยนั้น ตั้งอยู่ทางเหนือของพื้นที่ราบส่วนกลางตอนบนของแม่น้ำยม อาณาเขตของราชอาณาจักรนี้

มุนินโท
16-10-2012, 05:35
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18238&stc=1&d=1350340934

ปกคลุมไปถึงพิษณุโลก น่าน ตาก กำแพงเพชร และนครสวรรค์

ราชอาณาจักรนี้ก่อตั้งขึ้นโดยพ่อขุนบางกลางท่าว ซึ่งภายหลังทรงพระนามว่าพ่อขุนศรีอินทราทิต พระองค์ท่านและวีรบุรุษคนอื่น ๆ ได้ขับไล่พวกเขมรซึ่งครอบครองประเทศของเราออกจากเมืองแฝด และทรงเป็นกษัตริย์พระองค์แรกในราชวงศ์พระร่วงแห่งสุโขทัย หลักศิลาจารึกที่มีชื่อเสียงของสมัยนั้นซึ่งสร้างขึ้นโดยพระโอรสคือพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ได้กล่าวถึงความเจริญรุ่งเรืองของสุโขทัยในรัชสมัยกษัตริย์แห่งสุโขทัยว่า

มุนินโท
18-10-2012, 05:29
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18242&stc=1&d=1350513344



“เมืองสุโขทัยนี้ดีหนักหนา
ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว
ไพร่ฟ้าหน้าใส”


พ่อขุนรามคำแหงมหาราชได้จารึกไว้ด้วยว่า ราชอาณาจักรของพระองค์ขยายกว้างไปถึงแหลมมลายู แต่ ถึงที่ใดแน่ไม่ได้แจ้งไว้ อิทธิพลทางด้านการเมืองของพระองค์แผ่ไปถึงทางใต้ของพม่าในปัจจุบันก็เป็นที่รู้กันดี แต่เรามีกษัตริย์เอกราชของสุโขทัยเพียงห้าพระองค์เท่านั้นองค์สุดท้ายคือพระเจ้าลิไทซึ่งสวรรคตใน ค.ศ. ๑๓๗๐ หลังจากนั้นสุโขทัยได้กลายเป็นเมืองขึ้นของราชอาณาจักรใหม่แห่งอยุธยา แม้จะยังคงมีกษัตริย์ราชวงศ์พระร่วงครองเมืองอยู่

มุนินโท
19-10-2012, 07:57
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18249&stc=1&d=1350604938

http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18250&stc=1&d=1350604938



รู้กันน้อยมาก

เรื่องราวของสุโขทัยนั้นมีกล่าวถึงน้อยมาก ในสมัยอยุธยาช่วงระยะเวลาราว ๔๐๐ ปี เมื่ออยุธยาถูกพม่าโจมตีใน ค.ศ. ๑๗๐๗ สุโขทัยก็ถูกทำลาย ดังนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงทรงย้ายพระพุทธรูปที่เป็นที่สักการะมากที่สุดบางองค์จากเมืองสุโขทัย ซึ่งได้กลายเป็นป่าไป ลงมากรุงเทพฯ พระพุทธรูปที่สำคัญที่สุดที่ทรงย้ายมากรุงเทพฯ คือ พระศรีศากยมุนีซึ่งประดิษฐานอยู่ที่วัดสุทัศน์ แต่ฐานอิฐใหญ่ซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปนั้นยังมีเหลือให้เห็นอยู่ที่วัดมหาธาตุ ซึ่งปัจจุบันสลักหักพังและอยู่ใกล้พิพิธภัณฑ์สุโขทัย


ทีนี้จะขอกล่าวถึงปัจจุบัน ตามที่ท่านทั้งหลายทราบดี สุโขทัยเป็นจังหวัดทางทิศเหนืออยู่ห่างจากกรุงเทพฯ:875328cc:

มุนินโท
21-10-2012, 06:11
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18260&stc=1&d=1350775134


ถ้าจะขับรถไปก็ใช้เวลาราว ๖ ชั่วโมงครึ่ง หรือถ้าจะนั่งรถไฟไปก็ราว ๑๐ ชั่วโมง คือเป็นระยะทางราวสองในสามส่วนของทางจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ศรีสัชนาลัยเมืองแฝดนั้น ปัจจุบันเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดสุโขทัย

บัดนี้ ข้าพเจ้าจะขอพาท่านไปยังป่าของศรีสัชนาลัย ซึ่งเมื่อ ๗๐๐ ปีก่อนเคยเป็นเช่นใด ปัจจุบันก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ต้นไม้ล้วนแต่สูงใหญ่ห้าคนโอบไม่รอบ เพื่อจะไปที่นี่ ท่านจะต้องเดินข้ามทิวเขาไปมากมาย ท่านคงสงสัยว่าเหตุใดเล่าข้าพเจ้าจึงเลือกไปยังที่แห่งนี้ ที่ซึ่งชาวสุโขทัยเองไม่รู้จักและไม่มีในแผนที่ ที่ซึ่งไม่มีผู้ว่าราชการจังหวัดแห่งสุโขทัยคนใดเคยไปเยี่ยมเยียนนอกจากเมื่อปีที่แล้วโดยเครื่องเฮลิคอปเตอร์ เพราะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถเสด็จที่นั่น จากเชียงใหม่เพื่อเยี่ยมเยียนราษฎรและเปิดโรงเรียน

ข้าพเจ้าจะเล่าให้ท่านฟังว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างไร เรื่องราวนั้นเหมือน เรื่องไพด์ ไพเปอร์ แห่งแฮมลิน ซึ่งเริ่มขึ้นด้วยหนู หนูเป็นจำนวนมาก แต่มันไม่ได้สู้กับสุนัขหรือฆ่าแมวหรือกัดทารกในเปล ไม่หรอก มันไม่ร้ายถึงขนาดนั้น

มุนินโท
22-10-2012, 05:39
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18261&stc=1&d=1350859583


เรื่องเกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อนโดยไม่คาดฝัน วันหนึ่ง เพื่อนของข้าพเจ้าได้โทรศัพท์มาหาและถามว่า จะขอส่งนายอำเภอศรีสัชนาลัยมาหาข้าพเจ้าได้หรือไม่ เมื่อมาถึงนายอำเภอไม่รู้จักข้าพเจ้าแต่ก็เคยได้ยินชื่อข้าพเจ้ามาก่อน เขามีฎีกาเปิดที่อยากจะถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะเคยนำเรื่องไปร้องทุกข์ที่อื่นแต่ไม่ได้ผล พวกเขาจะต้องทำอะไรสักอย่างโดยเร็ว เขากล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นความหวังสุดท้ายของพวกเขา

มุนินโท
24-10-2012, 05:46
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18268&stc=1&d=1351032840


กองทัพหนู


เรื่องมันเป็นดังนี้ เขาเล่าว่า คืนวันหนึ่งเมื่อสอง สามอาทิตย์ก่อน กองทัพหนูได้บุกเข้ามาในหมู่บ้านป่า ๔ หมู่บ้านในเขตอำเภอของเขา และกินข้าวที่กำลังจะเก็บเกี่ยวหมดเกลี้ยงไม่เหลือสักเมล็ด เมื่อข้าพเจ้าถามว่า รู้ได้อย่างไรว่าเป็นหนูและไม่ใช่อย่างอื่น เช่น ตั๊กแตน เขารีบเอาภาพถ่ายหลายใบมาให้ดู แสดงให้เห็นรอยทางเดินของหนูที่มีตัวใหญ่หลายตัวนอนตายอยู่กลางทุ่งนา ซึ่งอาจถูกเหยียบตายในขณะที่มีการตื่นตูมขึ้น เพื่อตัดเรื่องยาวให้สั้นขึ้น หลังจากการตรวจสอบโดยตำรวจตระเวณชายแดน ซึ่งยืนยันรายงานของนายอำเภอ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงได้ทรงโปรดเกล้าฯ ส่งหน่วยพระราชทานซึ่งเป็นหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ส่วนพระองค์ เดินทางไปยังถิ่นที่เกิดเหตุ โดยมีข้าพเจ้าเป็นหัวหน้าหน่วยซึ่งประกอบด้วยตำรวจตระเวณชายแดน แพทย์ พยาบาลและเลขานุการ ตำแหน่งละ ๑ คน รวมทั้งข้าหลวงของข้าพเจ้าและข้าวอีกหลายตัน เกลือและสิ่งจำเป็นอื่น ๆ รวมทั้งยารักษาโรคด้วย

มุนินโท
25-10-2012, 21:00
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18279&stc=1&d=1351174095


เรามีผู้เชี่ยวชาญทางเกษตรเดินทางไปกับเราด้วย พร้อมทั้งเมล็ดพันธุ์พืชชนิดโตเร็วเพื่อช่วยชาวบ้าน และขจัดให้ความอดอยากและทุพภิกขภัยหมดสิ้นไปโดยเร็ว โครงการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีนโยบายช่วยชาวบ้านให้ช่วยตัวเองได้เสมอ

ที่ศรีสัชนาลัยมีหมู่บ้านที่อดอยากอยู่ ๔ หมู่บ้าน บ้านป่าคาและบ้านหอกตะเคียน ตำบลแม่แก่น ชาวบ้านเป็นคนไทย ส่วนหมู่บ้านที่ ๓ และ ๔ นั้นชาวบ้าน เป็นชาวเขากะเหรี่ยงแดง ที่ว่าแดงนั้นไม่ใช่เพราะเขาเป็นคอมมูนิสต์ แต่เพราะพวกผู้หญิงชอบสวมเสื้อผ้าสีแดง เราเดินทางไปสุโขทัยโดยรถยนต์และค้างคืนแรกที่ศรีสัชนาลัย

มุนินโท
26-10-2012, 05:59
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18286&stc=1&d=1351206423



ขึ้น เราออกเดินทางแต่เช้าโดยรถแลนด์โรเวอร์ ไปยังหมู่บ้านแรกซึ่งอยู่ไกลออกไปราว ๕๒ กิโลเมตร แต่เราใช้เวลาเดินทางตั้ง ๑๐ ชั่วโมง เพราะถนนนั้นไม่น่าเรียกว่าถนนเลย ไม่มีสะพานอะไรทั้งสิ้น รถแลนด์โรเวอร์ต้องบุกลงไปในลำธารหลายแห่ง และครั้งหนึ่งก็กลับขึ้นมาไม่ได้เพราะฝั่งลำธารสูง ชันและลื่น เราจึงต้องส่งสัญญาณ เอส.โอ.เอส. ไปให้ควาญช้างที่มีช้างทำงานอยู่ไม่ไกลนักมา ช่วยฉุดขึ้น หลังจากนั้นเราจึงเดินทางต่อไปได้

เมื่อมาถึงหมู่บ้านแรก แพทย์ของเราก็เริ่มทำงานงานโดยใช้โรงเรียนของหมู่บ้านเป็นคลินิก ประชาชนจากหมู่บ้านที่สองก็มาด้วย เราเริ่มแจกสิ่งของพระราชทาน ซึ่งเป็นที่ปลาบปลื้มสำหรับทุกคน

สำหรับการอาบน้ำ เราเดินไปที่น้ำพุร้อนและเย็นซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก การใช้ไฟฟ้าเป็นแสงสว่างนั้น ยังไม่มีใครเคยรู้จัก เขาจึงทำเชิงเทียนอันใหญ่ด้วยไม้ไผ่อย่างสวยงามพอที่จะปักเทียนได้ ๒ โหล แล้วตั้งไว้ที่โต๊ะซึ่งวาง

มุนินโท
27-10-2012, 19:32
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18297&stc=1&d=1351338057



อยู่ที่ระเบียงบ้านครูโรงเรียน ด้วยแสงสว่างจากเชิงเทียนไม้ไผ่ซึ่งตั้งอยู่ข้างหน้าเรา เราก็วางแผนการเยี่ยมเยียนกับชาวบ้าน ในวันรุ่งขึ้นเรากะจะไปเยี่ยมหมู่บ้านที่สามและที่สี่ หมู่บ้านหนึ่งชื่อบ้านห้วยหยวก ส่วนอีกหมู่บ้านเป็นหมู่บ้านชาวเขาเช่นเดียวกันชื่อบ้านแม่สาน ตำบลแม่สาน ซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบสูง แต่ก่อนที่เราจะไปถึงที่ราบสูงนั้น เราจำต้องปีนข้ามทิวเขาหลายลูกไปราว ๑๒ กิโลเมตร แล้วเดินต่อไปอีกสองกิโลเมตรจึงถึงหมู่บ้าน มีทางที่จะไปได้สองทาง

มุนินโท
28-10-2012, 05:21
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18299&stc=1&d=1351373412



ต้องเดินไปทั้งสองทาง เขาให้ข้าพเจ้าเลือกว่าจะไปทางช้างเดินหรือจะไปตามทางเดินของหมี ทีแรกข้าพเจ้าคิดว่าเขาพูดเล่น แต่กลายเป็นว่าเขาพูดกันอย่างจริงจัง ทางช้างเดินนั้นไม่สู้สูงชันแต่เป็นป่าทึบ เราต้องตัดกิ่งไม้ไปตามทางเพื่อผ่านไป ข้าพเจ้าคิดดูแล้วก็เลือกเส้นทางเดินของหมี ซึ่งอาจไม่สู้มีอันตรายมากนัก ชาวเขาที่อยู่ที่นั้นก็ไปตามทางเดินของหมีซึ่งใช้ได้เฉพาะในหน้าแล้ง ในฤดูฝนทางนี้จะกลายเป็นน้ำตกเล็ก ๆ และมีน้ำเชี่ยว ฉะนั้นหมู่บ้านบนที่ราบสูงนั้นจึงถูก ตัดขาดจากโลกภายนอกเป็นเวลาราวห้าถึงหกเดือนต่อปี

มุนินโท
28-10-2012, 21:54
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18307&stc=1&d=1351433006


เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เฮลิคอปเตอร์ของตำรวจตระเวนชายแดนซึ่งผู้ช่วยของข้าพเจ้าขอให้มาจากตากก็มาถึง เพื่อมาช่วยขนส่งกระสอบข้าว เกลือและสิ่งของหนัก ๆ อย่างอื่น สำหรับของส่วนตัวของเรา เราจ้างชาวเขา ๒๐ คน มาช่วยหาบของ ส่วนอาหารกลางวันและน้ำดื่มเราหิ้วไปเอง เมื่อเราทำงานที่หมู่บ้านที่สามเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็พร้อมที่จะออกเดินทาง

หลังจากกล่าวอำลากลุ่มชาวบ้านแล้ว เราก็ออกเดินทางอย่างสง่าผ่าเผยโดยสะพายเป้ไว้บนหลัง และกระติกน้ำไว้ข้าง ๆ ตัว แต่เราไม่ดูสง่างามอยู่นาน หลังจากข้ามลำธารสามหรือสี่ครั้ง และหกล้มลงครั้งหรือสองครั้ง ตามทางเดินที่ลื่น เราก็เปียกปอนและเปื้อนโคลนไปตาม ๆ กัน

มุนินโท
29-10-2012, 06:11
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18309&stc=1&d=1351462785 http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18310&stc=1&d=1351462785


เราทุกคนต้องถือไม้เท้าที่ทำจากไม้ไผ่ตัดสด ๆ มิฉะนั้น เราจะหกล้มกันทุกครึ่งนาที

หลังจากเดินมาจากหมู่บ้านราวครึ่งชั่วโมง ป่าก็ทึบมากจนทำให้เรานึกถึงคบไฟ แม้จะเป็นเวลากลางวันแสก ๆ เพราะทางนั้นมืดและชื้นจนน่ากลัว ข้าพเจ้าทราบทันทีว่าจะต้องรีบไปให้ถึงหรือหันหลังกลับ จะรั้งรออยู่ไม่ได้ เพราะเราอยู่ในป่าดงดิบเดินอยู่ตามทางของหมี ซึ่งแคบ ลื่นและอันตราย ข้างหนึ่งเป็นเขาสูงชัน และอีกข้างหนึ่งเป็นหน้าผาสูง

เราต้องเดินกันเป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยบุกลำธารซึ่งมีน้ำไหล หรือปีนไปตามโขดหินสูงชัน เป็นการเดินทางที่ขรุขระและลำบากมาก ข้าพเจ้าคิดว่าคงไม่มีใครที่จะสนุกกับการเดินทางเช่นนี้ ผู้ช่วยของข้าพเจ้าอุตส่าห์ช่วยรับเอากระติกน้ำและถุงย่ามไปถือให้ เพราะดูเหมือนว่าของทั้งสองอย่างจะหนักเกินไปสำหรับข้าพเจ้า เราหยุดรับประทานข้าวกลางวัน แล้วในที่สุดก็เดินทางถึงจุดมุ่งหมายหลังจากเดินด้วยความลำบากมาราวหกชั่วโมง

มุนินโท
29-10-2012, 20:35
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18312&stc=1&d=1351514638

หลังจากผ่านทิวเขามาหลายทิวและมาถึงยอดเขาลูกสุดท้าย ข้าพเจ้ามีความรู้สึกที่วิเศษสุดที่มองลงไป
เห็นหมู่บ้านที่เป็นจุดมุ่งหมายของเรา แต่ก็ต้องรู้สึกผิดหวังอีกครั้งเพราะก่อนที่จะถึงหมู่บ้านนั้น เราต้องลงเขา ซึ่งเป็นการลงเขาที่ชันที่สุดที่เราได้ผ่านมา ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนว่าภูเขาลูกสุดท้ายนั้นมีลักษณะเหมือนตั้งฉาก

หลังจากเดินผ่านทุ่งนาข้าวเวลาที่มีแสงแดดแผด
ร้อนที่สุด อีกสองกิโลเมตร เราก็มาถึงจุดหมายปลายทาง ทุกคนรู้สึกเหนื่อยอ่อนและหมดกำลัง แต่มันก็คุ้มกับความยากลำบากทั้งหมดในโลก บ้านแม่สานเป็นหมู่บ้านชาวกะเหรี่ยงแดงที่ความเจริญยังเข้าไปไม่ถึง ถ้าไม่ใช่เพราะหนูพวกนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คงจะไม่ทรงทราบเกี่ยวกับหมู่บ้านนี้ ข้าพเจ้าก็คงไม่ได้ไปที่นั่น แล้วก็คงไม่มีใครมาเล่าเรื่องหมู่บ้านนี้ให้ท่านฟัง

แต่อย่างไรก็ดี สิ่งแรกที่เราสังเกตเมื่อขึ้นไปถึงที่
นั่นคือ ไม่ค่อยมีสัตว์ มีหมูผอมโกโรโกโสอยู่สองหรือสามตัว และสุนัขหงุดหงิดอีกสองตัว ชาวบ้านดูซูบผอมอิดโรย เด็ก ๆ ก็ดูน่าสงสาร ข้าวที่นายอำเภอส่งมาช่วยเมื่ออาทิตย์ก่อนก็หมดแล้ว ชาวบ้านกำลังขุดหาอาหารในดินกันอยู่

มุนินโท
30-10-2012, 05:35
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18316&stc=1&d=1351546982http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18317&stc=1&d=1351547002


ชาวบ้านยากจนอยู่ในกระท่อมเล็ก ๆ เสื้อผ้าทออย่างสวยงามแต่สกปรก เสื้อของเด็กสาวที่ควรเป็นสีขาว
ท่านคงนึกออกว่าเป็นสีอะไร ชาวบ้านเหล่านี้คงพอเลี้ยงตัวได้ถ้าไม่มีเรื่องหนู เขามีนาข้าว สัตว์ป่า ผลไม้ป่า ผัก และปลา ซึ่งชุกชุมในลำธารไว้กินเป็นอาหาร เขาปลูกมะพร้าวและกล้วยด้วย คืนนั้นเรานอนในกระท่อมหลังเล็กน่ารัก ซึ่งเขาปลูกขึ้นเป็นพิเศษให้เราที่ปลายหมู่บ้านข้างลำธาร เราทราบภายหลังว่าที่อยู่อันน่ารักของเรานั้นปลูกอยู่กลางป่าช้าของชาวกะเหรี่ยง เราได้อาบน้ำในลำธารใกล้ ๆ ซึ่งมีน้ำไหลรินและเย็นเจี๊ยบ

เราทำทุกอย่างที่สามารถจะทำได้ให้แก่หมู่บ้านนี้ รวมทั้งตั้งโรงเรียนชั่วคราวขึ้น เราเกือบจะหาครูให้ไม่ได้ แต่ข้าพเจ้าก็โชคดีด้วยเผอิญมาพบชายคนหนึ่งอายุราว ๔๐ ปี หน้าตาหมดจดและเคยเป็นครูอยู่ที่ศรีสัชนาลัยชื่อครูคล้อม หลังจากชักชวนกันอยู่นาน ข้าพเจ้าจึงจัดการให้เขามาอยู่แม่สานหนึ่งปีได้สำเร็จ ข้าพเจ้าสัญญาที่จะให้เงินรายปีและทุกสิ่งที่เขาต้องการ ส่วนเงินเดือนเขาจะได้รับจากผู้ว่าราชการจังหวัด เขาจึงยอมมาเป็นครูสอน

เป็นความสุขอย่างหนึ่งของข้าพเจ้าที่ได้เดินกลับ

มุนินโท
30-10-2012, 06:57
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18323&stc=1&d=1351551715 http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18324&stc=1&d=1351551715


ไปยังหมู่บ้านนี้อีกทุกปีตั้งแต่นั้นมา ข้าพเจ้าได้กลับไปที่นั่นเป็นครั้งที่ ๕ แล้วเมื่อต้นเดือนนี้เอง การพัฒนาหมู่บ้านนั้น ทำได้เร็วแทบไม่น่าเชื่อ ทั้งนี้เพราะครูคล้อมของข้าพเจ้านั่นเอง ตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านพูดไทยได้แล้ว เด็กนักเรียนพูดไทยชัดโดยไม่มีสำเนียงเหน่อเลย เวลาเจอเราก็สวัสดีและไหว้อย่างเรียบร้อย ชาวบ้านอยู่ในกระท่อมสะอาดและบริเวณบ้านก็เป็นระเบียบเรียบร้อย เขาพากันเลี้ยงสัตว์ เช่น วัว ควาย ม้าภูเขา หมู เป็ดและไก่

เป็ดและไก่มีให้เห็นอยู่ทั่วไป ครั้งสุดท้ายที่ข้าพเจ้าไปที่นั่นเมื่อสามสัปดาห์ก่อน คุณหมอของเรา หลังจากทำงานเสร็จกลับไปที่ห้องก็พบว่ามีใครเอาไข่ไก่ที่ออกใหม่ ๆ มาวางให้บนหมอน ๑ ฟอง

มุนินโท
31-10-2012, 05:47
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18345&stc=1&d=1351634038


การมาเยี่ยมเยียนของแพทย์


ที่หมู่บ้านนี้ มีคนสองคนเท่านั้นที่พูดภาษาไทยได้เพราะเป็นคนมาใหม่ เคยอยู่กับชาวเขาเผ่าที่ทันสมัยหน่อยมาก่อนที่อื่น ไม่มีโรงเรียนประจำหมู่บ้านแม้ว่าจะมีเด็กในวัยเรียนไม่ต่ำกว่า ๕๐ คน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีหมอมาเยี่ยมเยียนหมู่บ้าน พวกชาวบ้านปฏิเสธไม่ยอมปลูกฝี แต่เราก็สามารถปลูกฝีให้เด็ก ๆ ได้ โดยให้ลูกกวาดสีแดง
คนละ ๓ อันเป็นรางวัล ชาวบ้านเป็นโรคหลายอย่าง แต่ที่ร้ายที่สุดคือโรคคอพอก โดยเฉพาะคนสูงอายุ ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นการที่ต่อมไทยรอยด์ขยายใหญ่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อนเลย ผู้หญิงคนหนึ่งดูเหมือนมีลูกเทนนิสอยู่ในลำคอถึง ๓ ลูก คุณหมอบอกว่าแม้แต่เด็ก ๆ ก็เริ่มที่จะเป็นโรคนี้ คุณหมอและนางพยาบาลทำงานลำบากมากเพราะพูดกันไม่รู้เรื่อง มีคนพูดภาษาไทยได้เพียงสองคน คนหนึ่งต้องตามข้าพเจ้าไปเยี่ยมหมู่บ้านและอีกคนหนึ่งจึงต้องอยู่ช่วยแพทย์และพยาบาล

แพทย์ผู้นี้มีประสบการณ์แปลก ๆ ที่หมู่บ้านนี้ โดยอาชีพเขาเป็นหัวหน้าห้องพยาบาลฉุกเฉินอยู่ที่
โรงพยาบาลตำรวจ และคุ้นเคยกับเรื่องแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นกับคนไข้ แต่คราวนี้ถึงกับตะลึงงัน และกล่าวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เหนือประวัติการณ์ที่เกิดขึ้นในอาชีพของเขาที่โรงพยาบาลตำรวจ คนไข้คนหนึ่งถูกหมีกัดและ

มุนินโท
01-11-2012, 05:11
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18359&stc=1&d=1351718388


ถ้าแพทย์ของเราไม่ได้อยู่ที่นั้น ชายที่น่าสงสารผู้นั้นคงไม่รอดชีวิต ดังนั้นท่านควรจะเชื่อข้าพเจ้าเมื่อข้าพเจ้ากล่าวถึงทางของหมีหรือทางช้างเดิน

บางสิ่งที่เราพบที่บ้านแม่สานนั้นผิดธรรมดา ต้นไม้ที่นั่นใหญ่โตมาก ลูกมะพร้าวใหญ่เท่าลูกฟุตบอลและลูกหนึ่งมีน้ำมะพร้าวราวหกแก้ว มีกบขนาดใหญ่ด้วยเรียกว่ากบฑูตและอาศัยอยู่ตามลำธารที่มีน้ำไหลรินรอบ ๆ หมู่บ้าน ขนาดตัวมันใหญ่มากคือยาวราว ๑๘ นิ้ว เวลากระโดดลงน้ำทีใด น้ำจะแตกกระจายเป็นวงกว้าง

บ้านแม่สานเป็นที่ ๆ สวยงาม และควรจะประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อถึงเวลาที่เรากลับออกมาจากถิ่นที่น่าอัศจรรย์แห่งนี้ สตรีที่มีลูกเทนนิสในลำคอสามลูก ได้เข้ามาถามข้าพเจ้าว่า จะเดินทางไปกับเราได้ไหม เพื่อเอาลูกเทนนิสออก เราจึงนำเธอกลับมาด้วยทันทีและส่งไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลพิษณุโลก ป่านนี้คงกลับบ้านไปโดยไม่มีลูกเทนนิสแล้ว

มุนินโท
02-11-2012, 05:35
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18363&stc=1&d=1351806219

เป็นความรู้สึกที่สุขใจยิ่งนัก ที่ได้รับความไว้วางใจและความรักจากเขาเหล่านี้ การที่เรามาเยี่ยมเยียนได้กลายเป็นกิจวัตรประจำปี ปัจจุบันที่บ้านแม่สานมีโรงเรียนถาวรที่มีห้องเรียนสี่ห้องและครูสี่คน

http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18464&stc=1&d=1352810650


โดยมีครูคล้อมของข้าพเจ้าเป็นครูใหญ่ ไม่มีโรคคอพอกเพิ่มขึ้นอีก ทั้งนี้อาจเป็นเพราะเกลือพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เรานำมาแจก ชาวบ้านทำงานหนัก ผู้หญิงทอผ้าฝ้ายเป็นลายสวยงาม โดยผูกหูกทอผ้าไว้กับต้นไม้ใกล้กระท่อมของเขา ข้าพเจ้าจัดส่งเส้นด้ายทอผ้าให้ชาวบ้านย้อมตามที่ข้าพเจ้าสั่ง ดังนั้นข้าพเจ้าจึงหวังว่าผ้านั้นสีคงไม่ตก

มุนินโท
03-11-2012, 05:23
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18380&stc=1&d=1351891945


๒ ครั้งในวันนั้น เรือบินจากกรุงเทพฯ มาถึงแม่ฮ่องสอนก็ไม่มีคณะของข้าพเจ้า จากเชียงใหม่ก็ไม่มี คุณพงเดชนึกไม่ถึงว่าข้าพเจ้าจะใช้รถบุกไปจากแม่สะเรียง เพราะตอนนั้นถนนไปแม่ฮ่องสอนยังแย่มาก รถที่แล่นไปมามีแต่รถบรรทุกกับรถบูลโดเซ่อร์สำหรับทำถนนเท่านั้น เมื่อคณะเราไปถึงตัวจังหวัดนั้นเกือบค่ำแล้ว เพราะเราบุกกันทั้งวัน ฝุ่นเต็มตัว แต่ละคนมอมเกือบเท่าพวกแม้วที่ตัวจังหวัดแม่ฮ่องสอน หน่วยของเราไม่ได้ทำงานเพราะที่นั้นมีโรงพยาบาลศรีสังวาลย์ซึ่งใหญ่โตหรูหราไม่แพ้โรงพยาบาลดีๆ กรุงเทพฯ และมีหมอประจำอยู่แล้ว พวกชาวเขาที่นั่นก็มีมูลนิธิชีวิตใหม่ให้ความช่วยเหลือ เราจึงเป็นแขกทัศนาจรของจังหวัดซึ่งรับรองให้เราค้างคืนที่โรงพยาบาลศรีสังวาลย์ แล้วรุ่งขึ้นก็พาขึ้นนมัสการพระธาตุดอยกองมู และพระธาตุจอมกลางอย่างนักทัศนาจรทั้งหลายแล้วเราก็ลากลับเชียงใหม่ การเดินทางของเราครั้งนั้นใช้เวลา ๑๑ วันข้าพเจ้าก็ได้เล่าถึงตอนสนุกที่สุดให้ฟังจบสิ้นแล้ว ถ้าจะเล่าถึงตอนอื่น ๆ อีกก็จะจืดไม่มีรสมีชาติไป อีกประการหนึ่งข้าพเจ้าตั้งใจจะเล่าเรื่องสนุก ๆ สู่กันฟังไม่ได้จะเขียนจดหมายเหตุการเดินทางประจำวันของคณะเรา

ก่อนจบเรื่อง ข้าพเจ้าขออวดนิดหน่อยว่าพอมาถึงกรุงเทพ ฯ ไม่นาน ข้าพเจ้าก็ได้รับจดหมายจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งข้าพเจ้าลอกมาลงบางตอนต่อไปนี้ “ตามที่ฝ่าพระบาทได้เสด็จไปบำเพ็ญกรณียกิจเยี่ยมเยียนและแจกของพระราชทานสงเคราะห์ราษฎรชาวเขาจังหวัดแม่ฮ่องสอนนั้น จังหวัดฯขอขอบพระคุณที่

มุนินโท
04-11-2012, 05:23
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18386&stc=1&d=1351977809


ฝ่าพระบาทยังห่วงใยพสกนิกรที่มีฐานะยากจนและห่างไกลการคมนาคม ซึ่งยังความปลื้มปิติแก่ชาวเขาเป็นอย่างมาก” ซึ่งข้าพเจ้าก็ปิติเหมือนกันที่ท่านปลัดจังหวัดผู้รักษาการแทนผู้ว่าราชการเห็นความตั้งใจดีหน่วยพระราชทาน

ส่วนคณะของข้าพเจ้า แต่ละคนที่ไปช่วยกัน “ยังความปลื้มปิติแก่ชาวเขาเป็นอย่างมาก” ครั้งนั้น พอกลับมาถึงกรุงเทพ ลูกน้องฝ่ายหญิงคนที่หนึ่งของข้าพเจ้าก็ใส่เฝือกเดินกะโผลกกะเผลกถือไม้เท้าไปหลายวัน ได้ความจากหมอว่าเอ็นที่ข้อเท้าฉีกไปเอ็นหนึ่ง มีเลือดคั่งอยู่ข้างใน ส่วนคุณหมอสวัสดิ์ก็หัวเข่าบวม นิ้วเท้าบวมเป็นแผลไป ๒ นิ้ว ต้องสวมรองเท้าคีบ คุณดุสิตนั้นฝ่าเท้ากับส้นเท้าหนังหนาราวกับ “ตีนแร่ด” ตามที่คุณหมอสวัสดิ์ว่า เพราะเดิน ๆ ไปรองเท้าเกิดทรยศ เลยต้องสวมแต่ถุงเท้าเดิน ผู้ชายอีก ๒ คนในคณะก็เป็นหวัดงอมแงมไปคนหนึ่ง ส่วนนิ้วเท้าของทั้งคู่ก็มีตาปลาขนาดยักษ์เกิดขึ้นมาเต็มคนละ ๑๐ แห่ง มีแต่ลูกน้องฝ่ายหญิงคน ที่ ๒ นายประเทืองกับข้าพเจ้าเท่านั้น นอกจากน่องแข็งโป้งมีกล้ามขึ้นอยู่ไม่กี่วันก็หายเป็นปรกติ ทั้ง ๆ ที่ต่างคนต่างสะบักสะบอมเนื่องด้วยการขึ้นเขาของหน่วยพระราชทานครั้งนั้น ซึ่งนักมานุษยวิทยาหลายชาติก็เคยไปมาเช่นเดียวกัน แต่เขาใช้ช้างและใช้เวลาเดินทางกันเป็นอาทิตย์ ๆ พวกเราใช้เวลาเพียง ๓ - ๔ วันเท่านั้น แล้วใช้ขาตลอด ถึงกับมีคนหนึ่งในคณะร้องว่า โอ๊ย เข็ดจนตาย อีกคนหนึ่งร้องว่าเห็นจะต้องนอนพักนิ่ง ๆ สัก ๒ เดือนเป็นอย่างน้อย แต่พอข้าพเจ้าแกล้งเอ่ยถึงการเดินทางคราวต่อไปของข้าพเจ้าในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ทุก ๆ คนก็รีบสมัครอีกทันที

จบ..

มุนินโท
06-11-2012, 05:31
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18392&stc=1&d=1352151202

จากแหล่งที่มาเดียวกัน : เรื่องบันทึกโดย "ปรียนันทนา รังสิต"

มุนินโท
07-11-2012, 05:07
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18404&stc=1&d=1352236589

เมื่อข้าพเจ้ายังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ได้มีโอกาสกลับมาเยี่ยมบ้าน ช่วงหยุดเทอมหน้าหนาวในเดือนธันวาคม ๒๕๑๘ ซึ่งตรงกับกำหนดการที่แม่ต้องนำหน่วยพระราชทานไปสุโขทัยเป็นปีที่ ๔ ข้าพเจ้าจึงได้มีโอกาสติดตามไปด้วย เราออกเดินทางหลังวันเกิดพ่อ (ซึ่งตรงกับวันคริสมาส) ๑ วัน โดยรถตู้โฟล์กสวาเกนคันซื่อสัตย์ของแม่ จำไม่ได้ว่าทั้งคณะไปกันกี่คน แม่นั่งหน้าสุดข้างคนขับ ซึ่งเป็นที่นั่งประจำทุกครั้งที่แม่เดินทางโดยรถโฟร์กตู้ ก่อนถึงศรีสัชนาลัยอันเป็นจุดหมายปลายทางของเราวันนั้น เราได้หยุดรับประทานก๋วยเตี๋ยวเป็ดที่กงไกรลาศ ซึ่งแม่บอกว่าพลาดไม่ได้เลยเพราะอร่อยที่สุด เมื่อถึงศรีสัชนาลัย เราได้ค้างคืนกันที่บ้านพักของกรมศิลปากร ในบริเวณกรุงเก่า บ้านพักหลังนี้เป็นบ้านไม้เล็ก ๆ สองชั้น ตั้งอยู่ริมแม่น้ำยมใกล้โบราณสถาน แม่ชอบบ้านนี้มากและจะต้องขอยืมกรมศิลป์ฯ อยู่ทุกครั้งที่ขึ้นไปสุโขทัย เย็นวันนั้นข้าพเจ้าได้ไปเดินเล่น ดูพระอาทิตย์ตกกับแม่ ภาพพระอาทิตย์ตกในทุ่งราบศรีสัชนาลัย ซึ่งมีโบราณสถานกระจัดกระจายเป็นภาพที่งดงามติดตามาจนทุกวันนี้

วันรุ่งขึ้นเราออกเดินทางเป็นขบวนใหญ่แต่เช้าตรู่ โดยรถจิ๊บแลนด์โรเวอร์ และรถบรรทุกของตำรวจตระเวนชายแดน ข้าพเจ้าเลือกที่จะนั่งท้ายรถบรรทุกซึ่งใช้เวลา ๒ - ๓ ชั่วโมงเดินทางไปตามถนนที่เป็นโคลนและเต็มไปด้วยหลุมบ่อ กว่าจะถึงที่หมายก็เพลียเสียแล้ว ที่หมายคือต้นลำธารตรงจุดที่เราจะต้องบุกน้ำไปตาม “ทางเดินหมี” ของแม่ประมาณ ๒ - ๓ กิโล จนกว่าจะถึงหมู่บ้านแม่สาน เราหยุดพักสั้น ๆ เพื่อรับประทานอาหารกลางวันก่อนที่จะเริ่มบุกลำธาร เส้นทางเดินของหมีนั้นลำบากจริง ๆ ตามที่แม่ได้อธิบายไว้แล้ว ทั้งขรุขระ ทั้งลื่น ทั้งหนาว เพราะต้องเปียกน้ำเกือบถึงเอว แถมยังต้องคอยระวังว่ามีปลิงมาแอบเกาะหรือไม่ เวลานั้นข้าพเจ้าอายุยี่สิบกว่า มีสุขภาพดี แต่การเดินลุยลำธาร ขึ้นเขา ลงเขา เป็นระยะทางหลายกิโลนั้นเหนื่อยไม่ใช่เล่น ข้าพเจ้าต้อง

มุนินโท
08-11-2012, 05:33
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18411&stc=1&d=1352324612


หยุดพักบ่อย ๆ จึงตกอยู่ที่ทัพหลัง ส่วนแม่เดินไปได้เรื่อย ๆ นาน ๆ ทีจึงหยุดพักที แม่จึงเดินนำทัพหน้าไปตลอดทาง เมื่อถึงภูเขาลูกสุดท้ายและมองลงไปเห็นหมู่บ้านแม่สานในหุบเขาข้างล่างนั้น มีความรู้สึกดีใจอย่างล้นเหลือจริง ๆ ตามที่แม่ได้เล่าไว้ แต่ทางลงเขาชันมาก ๆ แทบจะดิ่งตรงจึงต้องเบรคหนักไปตลอดทาง กว่าจะถึงตีนเขา ก็รู้สึกว่ากล้ามเนื้อน่องขากลายเป็นก้อน ๆ ไปแล้ว

เราเดินไปถึงบ้านแม่สานเวลาบ่ายแก่ ๆ ชาวบ้านกะเหรี่ยงแดงออกมาต้อนรับกันทั้งหมู่บ้าน ที่พักและศูนย์อำนวยการของเราคือโรงเรียนบ้านแม่สาน โต๊ะ เก้าอี้นักเรียนถูกเก็บไปไว้ไหนไม่ทราบ เรามีห้องพักโล่ง ๆ แบ่งเป็นฝ่ายหญิง ฝ่ายชาย พอถึงได้สักครู่มีคนชวนไปดูถ้ำหินย้อย แม่เห็นว่ายังไม่มืดก็ชวนข้าพเจ้าไป แต่ข้าพเจ้าเดินอีกก้าวเดียวก็ไม่ไหวแล้วจึงนอนแผ่อยู่ที่โรงเรียน ปล่อยให้แม่เดินไปสำรวจถ้ำกับผู้ติดตามที่ยังคงมีแรงอยู่ นึก ๆ แล้วข้าพเจ้ายังเสียดายที่ไม่ได้ไปดูถ้ำด้วย

มุนินโท
09-11-2012, 06:08
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18427&stc=1&d=1352413069


คืนนั้น เรารับประทานอาหารเย็นบนโต๊ะและม้านั่งทำด้วยไม้ไผ่ ใช้แสงสว่างจากเชิงเทียนไม้ไผ่ ซึ่งชาวบ้านทำขึ้นเพราะเขารู้ว่าแม่ชอบ เวลานอน ทุกคนต้องนอนกับพื้นในถุงนอนซึ่งอุ่นพอใช้ ตามปกติแม่เป็นคนนอนหลับยาก ต้องมืดและเงียบสนิทจึงจะนอนหลับได้ เวลาเดินทางไปที่ทุรกันดารแม่จึงต้องเตรียมหน้ากากปิดตา (ชนิดที่แจกบนเครื่องบิน) และขี้ผึ้งอุดหู (ซื้อที่อังกฤษ) ไปด้วยทุกครั้งเพื่อกันแสงและเสียง ถ้าคืนไหนนอนไม่หลับ รุ่งเช้าแม่ก็จะทำงานได้ตามปกติโดยไม่บ่นว่าง่วงเลย นอกจากนั้นก่อนนอนแม่จะต้องอัญเชิญพระสัมฤทธิ์ดำสมัยอู่ทองสูงประมาณ ๓ นิ้ว มาตั้งที่หัวนอนทุกหนทุกแห่งที่แม่ไป ไม่ว่าจะเป็นบ้านนอกหรือเมืองนอก พระองค์นี้แม่บอกว่าเคยเป็นของเสด็จตา เป็นที่น่าพิศวงที่พระองค์นี้อันตรธานหายไปตั้งแต่วันที่แม่ถูกยิงบนเฮลิคอปเตอร์ :pg_27:

วันรุ่งขึ้น คณะของแม่เริ่มทำงานทั้งวัน คุณหมอและผู้ช่วยตรวจคนไข้ ฉีดยาปลูกฝี ฯลฯ แม่แจกสิ่งของพระราชทานแก่ชาวบ้าน ข้าพเจ้าก็ได้ช่วงส่งของให้แม่หรือแจกขนมให้เด็ก ๆ พอเมื่อยทีก็ไปดูผ้ากะเหรี่ยง ชาวกะเหรี่ยงแดงนั้นรู้จักทำมาค้าขายแล้วและหอบผ้าผ่อนมาขายเราเป็นพับ ๆ ข้าพเจ้าต้องยอมรับว่าตกใจมากครั้งแรกที่เห็นคนเป็นโรคคอพอก เพราะมีก้อนใหญ่กลม ๆ โป่งออกมาที่ลำคอ เวลานั้นชาวบ้านหลายคนยังเป็นโรคนี้อยู่ ข้าพเจ้ารู้สึกทั้งกลัว ทั้งสงสารและโล่งใจมากที่สุดเมื่อรู้ว่าไม่ใช่โรคติดต่อ

มุนินโท
10-11-2012, 05:07
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18436&stc=1&d=1352495479




ครั้งนั้นหน่วยพระราชทานปฏิบัติงานที่บ้านแม่สาน ๒ วัน เสร็จแล้วได้เดินทางต่อไปเยี่ยมหมู่บ้านอื่น ๆ รวมทั้งบ้านป่าคาด้วย เรากลับถึงศรีสัชนาลัยเมื่อเย็นวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๘ คืนนั้น แม่ได้จัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ที่บ้านพักเพื่อฉลองปีใหม่ มีอาหารอร่อยมากและแชมเปญด้วย เมื่อเที่ยงคืนแม่ได้ขอให้นายตำรวจตระเวนชายแดน ส่งสัญญาณวิทยุถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระตำหนักจิตรลดา ฯ โดยใช้รหัส “บุษราคัม” อันเป็นรหัสลับที่พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแม่เพื่อเป็นนามสื่อสาร มีใจความว่า “MISSION สำเร็จ กลับมาถึงศรีสัชนาลัยเรียบร้อยแล้ว บุษราคัมและคณะขอถวายพระพรปีใหม่แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้ทรงพระเจริญไชโย! ไชโย! ไชโย!”

ใครเล่าจะนึกว่านั้นเป็นปีใหม่สุดท้ายและครั้งสุดท้ายที่ข้าพเจ้าได้ไปเที่ยวในประเทศไทยกับแม่

ปรียนันทนา รังสิต


จบเรื่อง "ไปสุโขทัยกับแม่" โดย "ปรียนันทนา รังสิต"

แต่มีเรื่องบันทึกเกี่ยวเนื่องที่ต้องผ่าน "เส้นทางหมี"
ซึ่งไปสัมผัสและรับรู้มาด้วยตนเองอีก..:54bd3bbb:

มุนินโท
13-11-2012, 20:30
จบเรื่อง "ไปสุโขทัยกับแม่" โดย "ปรียนันทนา รังสิต"

แต่มีเรื่องบันทึกเกี่ยวเนื่องที่ต้องผ่าน "เส้นทางหมี"
ซึ่งไปสัมผัสและรับรู้มาด้วยตนเองอีก..:54bd3bbb:






http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18462&stc=1&d=1352810342 http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18463&stc=1&d=1352810342

:4672615: ผู้เดินนำ..

มุนินโท
14-11-2012, 19:33
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18469&stc=1&d=1352892472 http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18470&stc=1&d=1352892472


เส้นทางหมี..

http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18477&stc=1&d=1352980703 http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18471&stc=1&d=1352892472
แหงะไปเห็น ดำ ๆ ทะมึน ๆ แต่ไกล นึกว่าโดนแล้วเรา เหมาว่าเป็นหมี แต่พอเข้าไปใกล้เห็นว่าไม่ใช่ ก็ไปต่อ..

มุนินโท
15-11-2012, 20:40
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18478&stc=1&d=1352981156 http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18481&stc=1&d=1352981156
:6e45ec9e: ขาขึ้น ขึ้นอย่างเดียว..
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18479&stc=1&d=1352981156 http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18480&stc=1&d=1352981156
:1894c7a1: ขึ้นอย่างเดียว สูงติดต่อเนื่องกันขนาดไหนไม่รู้ ที่รู้คือผู้เดินนำยังต้องขอพัก.. :a47173954nr0:
:4672615: ขณะที่ผู้ตามรำพึงในใจว่า "ครั้งนี้เป็นการเดินทาง ที่รู้สึกเหนื่อยที่สุดในชีวิต !!!"

มุนินโท
16-11-2012, 19:51
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18489&stc=1&d=1353066989 http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18490&stc=1&d=1353066989

:6e45ec9e: ขาลง ก็ลงอย่างเดียว !
เดินวนอยู่นาน
:4672615: อ้อ.. ผู้เดินนำ พาหลง เห็นหมู่บ้านแม่สานอยู่เบื้องหน้าด้านล่าง แต่ลงไม่ถึงสักที

http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18491&stc=1&d=1353066989 http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18492&stc=1&d=1353066989

:4672615: ผู้เดินนำเจอพวกกัน ยืนคุยกันสบาย ๆ ทำการสอบถามทางไปแม่สาน
เมื่อเขาช่วยชี้ทางลงจากเขาเพื่อมุ่งสู่หมู่บ้านแม่สานให้ คราวนี้ก็ไปแน่ว.. :6e45ec9e:

มุนินโท
21-11-2012, 22:03
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18518&stc=1&d=1353510898


ผู้เดินนำ เดินนำพาไปบนคันนา เพื่อมุ่งไปสู่หมู่บ้านแม่สาน ที่ขณะไปเยือนนี้ รวงข้าวกำลังชูช่อออกรวงเริงร่า

http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18520&stc=1&d=1353511213

มุนินโท
22-11-2012, 05:16
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18522&stc=1&d=1353536906

มุนินโท
22-11-2012, 21:29
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18539&stc=1&d=1353595080

http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18540&stc=1&d=1353595080

http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18541&stc=1&d=1353595080

มุนินโท
23-11-2012, 05:23
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18543&stc=1&d=1353623700

http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18544&stc=1&d=1353623700



http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18545&stc=1&d=1353623700

http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18546&stc=1&d=1353624077

เก็บข้อมูลจาก "กระโถนข้างธรรมาสน์" ก่อนออกเดินทาง ขณะเดินทางก็หยิบมาดูเรื่อย :54bd3bbb:

เกือบเห็นยอดเขาที่มีสารปากนกแก้วและตรงที่เป็นแหล่งแร่เพรียงไฟ..

มุนินโท
24-11-2012, 06:58
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18560&stc=1&d=1353715375

http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18561&stc=1&d=1353715375

http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18562&stc=1&d=1353715375

http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18563&stc=1&d=1353715375

ตามแผนที่คู่มือเดินทางจาก "กระโถนข้างธรรมาสน์" บอกไว้ว่า "ต้องลุยสวนน้ำตกขึ้นไปจึงจะพบ..."

http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18564&stc=1&d=1353715375

มุนินโท
25-11-2012, 05:16
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18569&stc=1&d=1353796142


พระอาจารย์กล่าวว่า "ชีวิตที่ท่อง ไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำเป็นกำไรชีวิตมาก เพียงแต่ว่าเราจะรู้จักฉวยเอามาใช้งานได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง ประสบการณ์พวกนี้อยู่ในทำนองเดียวกับที่คนจีนเขาบอกว่า “เดินทางหมื่นลี้ ดีกว่าอ่านหนังสือหมื่นเล่ม” เพราะเป็นของจริงล้วน ๆ ไม่ใช่ไปจินตนาการเอาว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้"