PDA

View Full Version : เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕


เถรี
08-08-2012, 08:53
ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตัวจ้ะ ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติสมาธิทั้งหมดให้อยู่เฉพาะหน้า หายใจเข้า..เอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..เอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ที่เราเคยทำถนัดมาแต่ดั้งเดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕ ตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ หลัง เป็นวันเข้าพรรษา ญาติโยมหลายคนอาจจะสงสัยว่าเข้าพรรษาแล้ว พระออกจากวัดมาได้อย่างไร ? ถ้าว่ากันโดยพระบรมพุทธานุญาต คือ ถ้ามีกิจจำเป็นที่พระองค์ท่านระบุเอาไว้ สามารถออกจากวัดได้ แต่ต้องไปไม่เกิน ๗ วัน เรียกว่าสัตตาหกรณียะ การมารับสังฆทานและสอนกรรมฐานนี้ เป็นไปเพื่อการเจริญศรัทธา ตรงกับพระบรมพุทธานุญาตข้อสุดท้ายพอดี

แต่ที่อยากจะกล่าวถึงในที่นี้ก็คือว่า ในช่วงเข้าพรรษานั้น ญาติโยมจำนวนมากต่อมากด้วยกัน ตั้งใจว่าเป็นช่วงเวลาของการทำความดี อย่างเช่น บางท่านที่ดื่มสุราเมรัยเป็นปกติ ตั้งใจว่าจะงดดื่มสุราเมรัยเพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เป็นต้น

ในเมื่อญาติโยมทั่ว ๆ ไปยังตั้งใจอาศัยเวลาในการเข้าพรรษานี้ เป็นระยะเวลาของการเสริมสร้างความดีให้แก่ตัวเอง พวกเราทั้งหลายที่ถือว่าเป็นนักปฏิบัติ ก็ควรจะอาศัยระยะเวลานี้ เร่งรัดการปฏิบัติของตนเองให้เข้มข้นขึ้นไปอีก

อย่างที่เมื่อครู่ได้กล่าวถึงเรื่องของลุงบู๊ไปแล้ว ว่าลุงบู๊นั้น แม้จะปรารถนาพระโพธิญาณ และอยู่ในระดับแค่อุปบารมีเท่านั้น ยังมีการปฏิบัติที่เข้มข้นกว่าพวกเราหลายเท่า พวกเราที่หวังความหลุดพ้นที่จะไปพระนิพพาน ซึ่งเป็นกำลังใจในระดับปรมัตถบารมี สมควรที่จะต้องทำให้เข้มข้นยิ่งกว่า แต่ถ้าหากว่ากำลังใจของเราไม่พอ ไม่สามารถที่จะทอดทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างมาเพื่อปฏิบัติภาวนาแบบลุงบู๊ได้ ก็ให้เรากำหนดระยะเวลาที่แน่นอน

อย่างเช่นว่าตอนเช้าเราจะภาวนาให้ได้ ๑ ชั่วโมง ตอนเย็นเราจะภาวนาให้ได้ ๑ ชั่วโมง เป็นต้น อย่าลืมว่าระยะเวลาทั้งกลางวันกลางคืนรวมแล้ว ๒๔ ชั่วโมง ถ้าเราสามารถฝืนต่อต้านกิเลสได้ เช้า ๑ ชั่วโมง เย็น ๑ ชั่วโมง ก็แปลว่าอีก ๒๒ ชั่วโมงนั้น เราขาดทุนมาโดยตลอด

เถรี
09-08-2012, 04:53
ดังนั้น..ในเรื่องของการปฏิบัติ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ว่า เมื่ออารมณ์ใจของเราเริ่มทรงตัวเป็นสมาธิระดับใดระดับหนึ่งแล้ว เราต้องประคับประคองรักษาความทรงตัวของอารมณ์นั้นเอาไว้ ให้อยู่กับเราให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ เพื่อที่ถึงเวลาแล้ว กำลังใจของเราที่ค่อย ๆ เคยชินกับความไม่มีกิเลส เกิดความผ่องใสมากขึ้น ก็จะมีดวงปัญญาที่ชัดเจนแจ่มใส มองตลอดไปถึงความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเราให้ยึดถือมั่นหมายในร่างกายนี้ แล้วถอนจิตออกมาจากการยึดมั่นถือมั่น เราก็จะสามารถหลุดพ้นไปพระนิพพานได้

การที่เราจะอาศัยช่วงเวลาของการเข้าพรรษา ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติความดีนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องประกอบไปด้วยบารมี ก็คือสัจจบารมี ความมั่นคงแน่วแน่ เมื่อกำหนดใจลงไปแล้วว่าเราจะทำอะไร ก็ทำตามนั้นอย่างจริงจัง ต้องอาศัยวิริยบารมี คือความพากเพียร ทำไปให้ได้ตามเป้าหมายที่ตนเองกำหนดไว้

ต้องอาศัยขันติบารมี คือความอดทนอดกลั้น ที่จะต่อสู้กับความเหนื่อย ความหิว และสิ่งที่มายั่วยุ เพื่อให้เราเลิกละการปฏิบัตินั้น อย่างน้อย ๆ บารมีทั้ง ๓ ข้อนี้ เราจะต้องมีทรงเอาไว้ในใจ ไม่เช่นนั้นแล้ว เราจะมีกำลังไม่พอในการสู้กับกิเลส

จึงขอให้ญาติโยมทั้งหลายฉวยโอกาสในวาระที่เป็นบุญ เป็นกุศลนี้ พยายามสร้างเสริมความดีให้แก่ตัวเรา ตลอดระยะเวลา ๓ เดือนในช่วงเข้าพรรษา ให้ทุกคนตั้งความหวังไว้ว่า จะปรารถนาสิ่งหนึ่งประการใดในการปฏิบัติธรรมของเรา อย่างเช่นว่า จะพยายามภาวนาให้ทรงอัปปนาสมาธิขั้นใดขั้นหนึ่ง อย่างเช่น ฌาน ๑ ฌาน ๒ ฌาน ๓ ฌาน ๔

หรือท่านใดกำลังใจเข้มข้นมาก ตั้งใจว่าพรรษานี้ เราจะทรงสมาบัติ ๘ ให้ได้ ก็เป็นได้ หรือท่านทั้งหลายที่ไม่นิยมการเกิดแล้ว ตั้งใจว่าในพรรษานี้ เราจะพากเพียรปฏิบัติเพื่อเข้าถึงความเป็นพระโสดาบันให้ได้ เป็นต้น

เถรี
10-08-2012, 08:35
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อเราตั้งใจแล้ว ก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติไป โดยไม่เบื่อหน่าย ไม่เกียจคร้าน มีความอดทน มีความพากเพียร มีความจริงจังจริงใจ ไม่ท้อถอยโดยง่าย ถ้าท่านทั้งหลายทำได้ดังนี้ ความสำเร็จตามที่ตนเองตั้งเป้าหมายไว้ ก็เป็นสิ่งที่ไม่เกินความหวังของเรา

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านกำหนดการภาวนา หรือพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๕
(ถอดจากเสียงเป็นตัวอักษรโดยเถรีและทาริกา)

ชินเชาวน์
21-12-2013, 15:10
สามารถรับชมได้ที่

http://www.sapanboon.com/vdo/demo.php?filename=2555-08-03

ป.ล.
- สามารถชมบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้
- ห้ามคัดลอกไฟล์ไปเผยแพร่ที่อื่นเด็ดขาด !