โอรส
12-06-2012, 00:11
ถาม : ช่วงหลวงพ่อวัดท่าซุงมรณภาพ พระอาจารย์ได้อยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุงไหมครับ ?
ตอบ : ก็ยังอยู่..จัดงานครบ ๑๐๐ วันเสร็จถึงออกมา
วันสุดท้ายก่อนท่านมรณภาพก็ไปกราบท่าน ท่านเห็นพระเยอะท่านเลยถามว่า "มาทำไม ?" กราบเรียนท่านว่า "มากราบหลวงพ่อครับ" ท่านว่า "เออ... ขอบใจนะ มีงานอะไรก็ไปทำกัน" พวกอาตมาเองทั้ง ๆ ที่เห็นว่าท่านจะไปแหล่มิไปแหล่แล้ว ก็ต้องถอยออกมา เพราะหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเห็น "คำว่างานสำคัญกว่าชีวิต" จำไว้ให้แม่น ๆ อย่างไร ๆ ก็ตาย ขอทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
เคยบอกกับพระเขาว่า "ผมเองเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ ก็ยังสวดมนต์บิณฑบาต เจริญกรรมฐานอยู่เป็นปกติ ไม่ได้ทำเพื่อจะอวดใคร ไม่ได้ทำเพราะอยากได้รับคำชมจากใคร แต่ที่ผมมาทำเพราะรู้ว่าความดียังไม่พอที่จะหนีนรก ผมบวชมาจนป่านนี้ ผมขาดสวดมนต์ทำวัตรแค่ ๔ ครั้ง เพราะป่วยจนลุกไม่ไหวจริง ๆ แต่เวลาพวกคุณสวดมนต์ทำวัตรอยู่ ผมก็พนมมือนึกว่าตามไปด้วย เพราะไปนั่งร่วมกับพวกคุณไม่ไหว แล้วคุณคิดดู..ผมทำขนาดนี้ ผมยังไม่มั่นใจว่าผมจะพ้นนรกได้ แล้วคุณคิดหรือว่าคุณจะพ้น ?"
ส่วนใหญ่ของเขา พอเหนื่อยหน่อย ง่วงหน่อยเขาก็ไม่เอาแล้ว อย่างนี้เป็นต้น ก็บอกกับเขาไปอย่างนั้นว่า ขนาดทำมาอย่างนี้แล้ว เราเองยังไม่มั่นใจว่าจะพ้นนรกได้ แล้วของพวกคุณล่ะ เจ็บนิด ป่วยหน่อย ง่วงหน่อย แล้วจะรอดได้อย่างไร บอกท่านว่าไม่ได้ตั้งใจจะมาอวดว่าเราทำความดีมากกว่า มีวัตรปฏิบัติที่เข้มข้นกว่า ไม่ได้จะมาเกทับกันว่าอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ที่ดีกว่า สำคัญอยู่ตรงจุดที่ว่า ผมสงสารคุณว่าจะไม่รอดนรกมากกว่า..!
บางครั้งก็ต้องว่าเขาหนัก ๆ เขาจะได้สติรู้ตัวบ้าง ที่จริงก็ไม่อยากจะยุ่งกับใคร ปล่อยเขาไป..ประเภทที่เรียกว่าสวรรค์มีทาง เจ้าไม่ไป นรกไร้ประตู ดันตะกายมา ก็ปล่อยเสียให้เข็ด..!
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๕
ตอบ : ก็ยังอยู่..จัดงานครบ ๑๐๐ วันเสร็จถึงออกมา
วันสุดท้ายก่อนท่านมรณภาพก็ไปกราบท่าน ท่านเห็นพระเยอะท่านเลยถามว่า "มาทำไม ?" กราบเรียนท่านว่า "มากราบหลวงพ่อครับ" ท่านว่า "เออ... ขอบใจนะ มีงานอะไรก็ไปทำกัน" พวกอาตมาเองทั้ง ๆ ที่เห็นว่าท่านจะไปแหล่มิไปแหล่แล้ว ก็ต้องถอยออกมา เพราะหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเห็น "คำว่างานสำคัญกว่าชีวิต" จำไว้ให้แม่น ๆ อย่างไร ๆ ก็ตาย ขอทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
เคยบอกกับพระเขาว่า "ผมเองเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ ก็ยังสวดมนต์บิณฑบาต เจริญกรรมฐานอยู่เป็นปกติ ไม่ได้ทำเพื่อจะอวดใคร ไม่ได้ทำเพราะอยากได้รับคำชมจากใคร แต่ที่ผมมาทำเพราะรู้ว่าความดียังไม่พอที่จะหนีนรก ผมบวชมาจนป่านนี้ ผมขาดสวดมนต์ทำวัตรแค่ ๔ ครั้ง เพราะป่วยจนลุกไม่ไหวจริง ๆ แต่เวลาพวกคุณสวดมนต์ทำวัตรอยู่ ผมก็พนมมือนึกว่าตามไปด้วย เพราะไปนั่งร่วมกับพวกคุณไม่ไหว แล้วคุณคิดดู..ผมทำขนาดนี้ ผมยังไม่มั่นใจว่าผมจะพ้นนรกได้ แล้วคุณคิดหรือว่าคุณจะพ้น ?"
ส่วนใหญ่ของเขา พอเหนื่อยหน่อย ง่วงหน่อยเขาก็ไม่เอาแล้ว อย่างนี้เป็นต้น ก็บอกกับเขาไปอย่างนั้นว่า ขนาดทำมาอย่างนี้แล้ว เราเองยังไม่มั่นใจว่าจะพ้นนรกได้ แล้วของพวกคุณล่ะ เจ็บนิด ป่วยหน่อย ง่วงหน่อย แล้วจะรอดได้อย่างไร บอกท่านว่าไม่ได้ตั้งใจจะมาอวดว่าเราทำความดีมากกว่า มีวัตรปฏิบัติที่เข้มข้นกว่า ไม่ได้จะมาเกทับกันว่าอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ที่ดีกว่า สำคัญอยู่ตรงจุดที่ว่า ผมสงสารคุณว่าจะไม่รอดนรกมากกว่า..!
บางครั้งก็ต้องว่าเขาหนัก ๆ เขาจะได้สติรู้ตัวบ้าง ที่จริงก็ไม่อยากจะยุ่งกับใคร ปล่อยเขาไป..ประเภทที่เรียกว่าสวรรค์มีทาง เจ้าไม่ไป นรกไร้ประตู ดันตะกายมา ก็ปล่อยเสียให้เข็ด..!
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๕