เถรี
26-03-2012, 20:08
อบรมพระที่เกาะพระฤๅษี ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๐
ไม่รู้ว่าพวกเราลงชื่อพระจำพรรษากันหรือยัง ? สมัยก่อน ๒ ปีแรกมีชื่อเดียวคือตัวผมเอง พองานทุกอย่างเสร็จ ปีที่สามพวกคุณถึงมาอยู่กันเยอะ เป็นเรื่องแปลก..เหมือนกับต้องให้ผมเหนื่อยเอง พอทำงานเสร็จแล้วถึงมีคนมาคอยช่วย... เคยสังเกตหนังไทยสมัยก่อนไหม ? พระเอกตีกับผู้ร้ายจะเป็นจะตาย ตำรวจไม่มาเลย พอพระเอกชนะตำรวจมาพอดีทุกที แล้วจะมาทำอะไรตอนนั้น..?
วันนี้ก็เป็นวันพระ ขึ้น ๘ ค่ำเดือน ๙ ถ้านับกันแบบคร่าว ๆ ก็เข้าพรรษามา ๓ อาทิตย์ อีกอาทิตย์เดียวก็จะผ่านไป ๑ เดือน เท่ากับ ๑ ใน ๓ แล้ว
ช่วงที่ผ่านมาก็ถือว่าพวกเราอยู่ด้วยกันด้วยความสงบ ต่างคนต่างมีความสุขเฉพาะของตน การที่เราบวชเข้ามา สมบัติของเราคือ ศีล สมาธิ ปัญญา* ศีลทุกคนมีสมบูรณ์พร้อม เหลือแต่สมาธิที่ได้มากน้อยต่างกันไป
เรื่องของปัญญาก็ได้มากได้น้อยต่างกันไป แต่ว่าทุกคนได้..เพราะเป็นสิ่งที่ต้องขวนขวายเอา ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างได้ จะทำแทนกันก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น..เราทุกคนต้องตั้งอยู่ในความไม่ประมาทอยู่เสมอ อย่าไปคิดว่ายังเหลือเวลาอยู่ตั้ง ๒ เดือนกว่า เดี๋ยวจะแย่เสียก่อน สิ่งต่าง ๆ ที่เราต้องทำมีอยู่มาก
พระใหม่ต้องเตรียมสอบ ก่อนออกพรรษาครึ่งเดือนเขาจะสอบกัน ถ้ามัวแต่ประมาทอยู่ หนังสือหนังหามีเยอะ เดี๋ยวจะเรียนไม่ทัน ศึกษาไม่ทัน โดยเฉพาะพรุ่งนี้ พวกเราต้องออกไปงานอบรมพระนวกะประจำปี ๒๕๕๐ ผมก็คงไม่ได้อยู่พาพวกคุณไป เพราะว่าต้องเข้ากรุงเทพฯ ตั้งแต่วันนี้แล้ว การบ้านก็ยังเหลืออีก ๒ วิชาที่ทำไม่เสร็จ พรุ่งนี้ต้องส่งด้วย...
งานอบรมพระนวกะ พอไปแล้วอยากให้ทุกคนสังเกตตรง ศีล สมาธิ ปัญญา ไม่ต้องไปสังเกตเรื่องอื่น เราจะเป็นนักบวชหรือไม่เป็นก็อยู่ตรงนี้ ที่ให้สังเกตก็คือว่า จากสิ่งที่บางทีเรารู้สึกว่าแย่ ๆ แต่เมื่อไปเปรียบเทียบกับที่อื่นแล้วเป็นอย่างไร ? แรก ๆ เขาจะดัดจริตนั่งนิ่งได้ประเดี๋ยวเดียว เพราะว่าจิตเขาไม่สงบอย่างแท้จริง
แล้วอีกไม่นาน ต่อให้พระผู้ใหญ่กำลังพูดอยู่ เขาก็เดินกันให้พล่าน คนโน้นจะไปห้องน้ำ คนนี้จะไปสูบบุหรี่ เผลอหน่อยเดียวไปดูของที่ร้านค้าอีกแล้ว สมัยผมบวชใหม่ ๆ เข้าไปในตลาด พ่อค้าแม่ค้าทุกคนจะถามว่า “อยู่วัดท่าซุง**ใช่ไหม ?”
ผมก็สงสัยว่า เอ๊ะ..หน้าผมติดคำว่าวัดท่าซุงไว้หรือ ? ไปไหนเขาถึงได้รู้ พอพรรษาที่ ๓ ผมต้องเป็นพี่เลี้ยงพาพระใหม่ไปสอบธรรมชั้นนวกภูมิ ปรากฏว่าผมมองเข้าไปแล้ว ผมรู้เลยว่าทำไมเขาถึงรู้ว่าผมอยู่วัดท่าซุง เพราะว่าพระใหม่ของเรา เวลาไปยืนรวมกลุ่มกับวัดอื่นเขา จะต่างกันกับพระวัดอื่นอย่างชัดเจนมาก
อิริยาบถการเคลื่อนไหวต่าง ๆ จะยืน เดิน นอน นั่ง แม้เราจะรู้สึกว่ายังใช้ไม่ได้ แต่ก็ต่างจากสำนักอื่นเขาอย่างเห็นได้ชัด ต่างกันเหมือนกับเอานกยูงไปไว้ฝูงไก่เลย มองไปอย่างไรก็เห็นพระของเราชัดเจน ผมถึงได้เข้าใจว่า ทำไมเวลาญาติโยมเขาถามผม ถึงได้ถามว่า “อยู่วัดท่าซุงใช่ไหม ?”
หมายเหตุ :
*ที.ปา. ๑๑/๒๒๘/๒๓๑ ; องฺ.ติก. ๒๐/๕๒๑/๒๙๔
*วัดจันทาราม(ท่าซุง) เลขที่ ๖๐/๓ หมู่ที่ ๑ ตำบลน้ำซึม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ๖๑ - ๐๐๐
ไม่รู้ว่าพวกเราลงชื่อพระจำพรรษากันหรือยัง ? สมัยก่อน ๒ ปีแรกมีชื่อเดียวคือตัวผมเอง พองานทุกอย่างเสร็จ ปีที่สามพวกคุณถึงมาอยู่กันเยอะ เป็นเรื่องแปลก..เหมือนกับต้องให้ผมเหนื่อยเอง พอทำงานเสร็จแล้วถึงมีคนมาคอยช่วย... เคยสังเกตหนังไทยสมัยก่อนไหม ? พระเอกตีกับผู้ร้ายจะเป็นจะตาย ตำรวจไม่มาเลย พอพระเอกชนะตำรวจมาพอดีทุกที แล้วจะมาทำอะไรตอนนั้น..?
วันนี้ก็เป็นวันพระ ขึ้น ๘ ค่ำเดือน ๙ ถ้านับกันแบบคร่าว ๆ ก็เข้าพรรษามา ๓ อาทิตย์ อีกอาทิตย์เดียวก็จะผ่านไป ๑ เดือน เท่ากับ ๑ ใน ๓ แล้ว
ช่วงที่ผ่านมาก็ถือว่าพวกเราอยู่ด้วยกันด้วยความสงบ ต่างคนต่างมีความสุขเฉพาะของตน การที่เราบวชเข้ามา สมบัติของเราคือ ศีล สมาธิ ปัญญา* ศีลทุกคนมีสมบูรณ์พร้อม เหลือแต่สมาธิที่ได้มากน้อยต่างกันไป
เรื่องของปัญญาก็ได้มากได้น้อยต่างกันไป แต่ว่าทุกคนได้..เพราะเป็นสิ่งที่ต้องขวนขวายเอา ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างได้ จะทำแทนกันก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น..เราทุกคนต้องตั้งอยู่ในความไม่ประมาทอยู่เสมอ อย่าไปคิดว่ายังเหลือเวลาอยู่ตั้ง ๒ เดือนกว่า เดี๋ยวจะแย่เสียก่อน สิ่งต่าง ๆ ที่เราต้องทำมีอยู่มาก
พระใหม่ต้องเตรียมสอบ ก่อนออกพรรษาครึ่งเดือนเขาจะสอบกัน ถ้ามัวแต่ประมาทอยู่ หนังสือหนังหามีเยอะ เดี๋ยวจะเรียนไม่ทัน ศึกษาไม่ทัน โดยเฉพาะพรุ่งนี้ พวกเราต้องออกไปงานอบรมพระนวกะประจำปี ๒๕๕๐ ผมก็คงไม่ได้อยู่พาพวกคุณไป เพราะว่าต้องเข้ากรุงเทพฯ ตั้งแต่วันนี้แล้ว การบ้านก็ยังเหลืออีก ๒ วิชาที่ทำไม่เสร็จ พรุ่งนี้ต้องส่งด้วย...
งานอบรมพระนวกะ พอไปแล้วอยากให้ทุกคนสังเกตตรง ศีล สมาธิ ปัญญา ไม่ต้องไปสังเกตเรื่องอื่น เราจะเป็นนักบวชหรือไม่เป็นก็อยู่ตรงนี้ ที่ให้สังเกตก็คือว่า จากสิ่งที่บางทีเรารู้สึกว่าแย่ ๆ แต่เมื่อไปเปรียบเทียบกับที่อื่นแล้วเป็นอย่างไร ? แรก ๆ เขาจะดัดจริตนั่งนิ่งได้ประเดี๋ยวเดียว เพราะว่าจิตเขาไม่สงบอย่างแท้จริง
แล้วอีกไม่นาน ต่อให้พระผู้ใหญ่กำลังพูดอยู่ เขาก็เดินกันให้พล่าน คนโน้นจะไปห้องน้ำ คนนี้จะไปสูบบุหรี่ เผลอหน่อยเดียวไปดูของที่ร้านค้าอีกแล้ว สมัยผมบวชใหม่ ๆ เข้าไปในตลาด พ่อค้าแม่ค้าทุกคนจะถามว่า “อยู่วัดท่าซุง**ใช่ไหม ?”
ผมก็สงสัยว่า เอ๊ะ..หน้าผมติดคำว่าวัดท่าซุงไว้หรือ ? ไปไหนเขาถึงได้รู้ พอพรรษาที่ ๓ ผมต้องเป็นพี่เลี้ยงพาพระใหม่ไปสอบธรรมชั้นนวกภูมิ ปรากฏว่าผมมองเข้าไปแล้ว ผมรู้เลยว่าทำไมเขาถึงรู้ว่าผมอยู่วัดท่าซุง เพราะว่าพระใหม่ของเรา เวลาไปยืนรวมกลุ่มกับวัดอื่นเขา จะต่างกันกับพระวัดอื่นอย่างชัดเจนมาก
อิริยาบถการเคลื่อนไหวต่าง ๆ จะยืน เดิน นอน นั่ง แม้เราจะรู้สึกว่ายังใช้ไม่ได้ แต่ก็ต่างจากสำนักอื่นเขาอย่างเห็นได้ชัด ต่างกันเหมือนกับเอานกยูงไปไว้ฝูงไก่เลย มองไปอย่างไรก็เห็นพระของเราชัดเจน ผมถึงได้เข้าใจว่า ทำไมเวลาญาติโยมเขาถามผม ถึงได้ถามว่า “อยู่วัดท่าซุงใช่ไหม ?”
หมายเหตุ :
*ที.ปา. ๑๑/๒๒๘/๒๓๑ ; องฺ.ติก. ๒๐/๕๒๑/๒๙๔
*วัดจันทาราม(ท่าซุง) เลขที่ ๖๐/๓ หมู่ที่ ๑ ตำบลน้ำซึม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ๖๑ - ๐๐๐