โอรส
19-03-2012, 21:38
ถาม: ......................................
ตอบ: เรื่องสุข เรื่องทุกข์ เราสัมผัสได้เองอยู่แล้ว เพราะความรู้สึกของเรามี แต่ว่าให้รับรู้ไว้เฉย ๆ อย่าไปยินดียินร้ายด้วย
หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสรุปสั้น ๆ ว่า "อย่าติดในสุขและอย่ากังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ให้ได้ ถ้าวางเฉยในร่างกายนี้ยังไม่ได้ ก็ให้เบื่อร่างกายนี้ให้ได้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม" เรื่องอะไรที่จะขวนขวายแบกเพิ่มไม่ต้องไปหาแล้ว ทำเฉพาะหน้าให้ดีที่สุด แล้วก็ยอมรับกฎของกรรม
ท่านบอกว่าเป็นพระอรหันต์เขาเป็นกันแค่นี้ ไม่เอาเยอะหรอก การยอมรับกฎของกรรมทำยากที่สุด ถ้าคนปัญญาไม่ถึงก็จะยอมรับแบบโง่ ๆ ลูกศิษย์หลวงพ่อชา ซึ่งเป็นพระด้วย พายุฝนตีหลังคากุฏิเปิงไป ท่านก็ปล่อยให้ฝนรั่ว ให้แดดเผาอยู่อย่างนั้น จนหลวงพ่อชาทนไม่ได้
เมื่อท่านไปถึงบอกว่า "คุณ..ซ่อมหลังคาเสียหน่อยสิ"
พระท่านบอกว่า "ผมปล่อยวางแล้วครับหลวงพ่อ"
หลวงพ่อชาท่านบอกว่า "ปล่อยวางแบบควายนะสิ ควายทนแดดทนฝนได้มากกว่าคุณอีก"
อะไรก็ตามถ้ายังสามารถแก้ไขด้วยกำลังกาย กำลังสติปัญญา กำลังคน กำลังทรัพย์ แม้มีช่องทางเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ต้องแก้ไขก่อน ถ้าดิ้นรนจนครบทุกวิถีทางและไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว ค่อยยอมรับว่าสิ่งนั้นเป็นกฎของกรรม เกินกำลังที่เราจะแก้ไข
ฟังดูง่าย..ไม่ยากเกินความสามารถ ถ้าหากว่ายากพระท่านไม่ไปพระนิพพานกันเยอะแยะขนาดนั้นหรอก ต้องทบทวนตัวเองเอาไว้อยู่เสมอ ๆ
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๕
ตอบ: เรื่องสุข เรื่องทุกข์ เราสัมผัสได้เองอยู่แล้ว เพราะความรู้สึกของเรามี แต่ว่าให้รับรู้ไว้เฉย ๆ อย่าไปยินดียินร้ายด้วย
หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสรุปสั้น ๆ ว่า "อย่าติดในสุขและอย่ากังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ให้ได้ ถ้าวางเฉยในร่างกายนี้ยังไม่ได้ ก็ให้เบื่อร่างกายนี้ให้ได้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม" เรื่องอะไรที่จะขวนขวายแบกเพิ่มไม่ต้องไปหาแล้ว ทำเฉพาะหน้าให้ดีที่สุด แล้วก็ยอมรับกฎของกรรม
ท่านบอกว่าเป็นพระอรหันต์เขาเป็นกันแค่นี้ ไม่เอาเยอะหรอก การยอมรับกฎของกรรมทำยากที่สุด ถ้าคนปัญญาไม่ถึงก็จะยอมรับแบบโง่ ๆ ลูกศิษย์หลวงพ่อชา ซึ่งเป็นพระด้วย พายุฝนตีหลังคากุฏิเปิงไป ท่านก็ปล่อยให้ฝนรั่ว ให้แดดเผาอยู่อย่างนั้น จนหลวงพ่อชาทนไม่ได้
เมื่อท่านไปถึงบอกว่า "คุณ..ซ่อมหลังคาเสียหน่อยสิ"
พระท่านบอกว่า "ผมปล่อยวางแล้วครับหลวงพ่อ"
หลวงพ่อชาท่านบอกว่า "ปล่อยวางแบบควายนะสิ ควายทนแดดทนฝนได้มากกว่าคุณอีก"
อะไรก็ตามถ้ายังสามารถแก้ไขด้วยกำลังกาย กำลังสติปัญญา กำลังคน กำลังทรัพย์ แม้มีช่องทางเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ต้องแก้ไขก่อน ถ้าดิ้นรนจนครบทุกวิถีทางและไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว ค่อยยอมรับว่าสิ่งนั้นเป็นกฎของกรรม เกินกำลังที่เราจะแก้ไข
ฟังดูง่าย..ไม่ยากเกินความสามารถ ถ้าหากว่ายากพระท่านไม่ไปพระนิพพานกันเยอะแยะขนาดนั้นหรอก ต้องทบทวนตัวเองเอาไว้อยู่เสมอ ๆ
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๕