เถรี
18-01-2012, 21:06
ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของเรา ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า เอาความรู้สึกทั้งหมดของเราจับอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจออกมา
หายใจเข้า..ลมหายใจผ่านปลายจมูก ผ่านกึ่งกลางอก ลงไปสุดที่ท้อง หายใจออก..ลมหายใจออกจากท้อง ผ่านกึ่งกลางอก มาสุดที่ปลายจมูก จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ตามอัธยาศัย ตามความเคยชินของเราที่เคยปฏิบัติมา
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นวันพระ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนยี่ ปีมะเส็ง เมื่อครู่นี้ได้กล่าวถึงเรื่องของอาการเจ็บไข้ได้ป่วยและความรู้สึกที่ว่า ความตายอยู่กับเราแค่ลมหายใจเข้าออกเท่านั้น
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เราทั้งหลายที่เป็นนักปฏิบัติ จำเป็นต้องสังวรระวังและสำนึกเอาไว้อยู่เสมอว่า ความตายอยู่กับเราแค่ลมหายใจเข้าออกเท่านั้น หายใจเข้า..ถ้าไม่หายใจออกก็ตาย หายใจออก..ถ้าไม่หายใจเข้าก็ตายอีกเช่นกัน เมื่อความตายอยู่ใกล้ชิดติดตัวเราขนาดนี้ เราจึงจำเป็นที่จะต้องเร่งสั่งสมบุญกุศลใน ทาน ศีล ภาวนา ของเราให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อที่จะอาศัยบุญกุศลทั้งหลายเหล่านี้ เป็นบันไดพาเราก้าวไปสู่ความหลุดพ้น ก็คือเข้าสู่พระนิพพาน
การสั่งสมบุญกุศลนั้น ไม่ว่าจะเป็นบุญเล็กบุญใหญ่อย่างไรก็ตาม เราควรที่จะทำทั้งหมด โดยที่ตั้งเป้าเอาไว้ว่า ผลบุญทั้งหมดที่เราทำนี้ จงเป็นปัจจัยให้เราเข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด ถ้าอย่างนั้นการสั่งสมบุญของท่านก็จะมีเป้าหมายที่ชัดเจน และไม่หลงผิดไปจากหนทางที่เหมาะที่สม
ถ้าหากว่าจะยกตัวอย่างบุคคลที่ใคร่ในการสั่งสมบุญ อาตมภาพขอยกตัวอย่างของครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง ก็คือ พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านเจ้าคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ หรือที่รู้จักกันในนามของหลวงปู่มหาอำพัน แห่งวัดเทพศิรินทราวาส
หลวงปู่ท่านจะใส่บาตรทุกเช้า ถึงเวลาก็จะนิมนต์พระภิกษุสามเณรว่า "ท่านใดที่ออกบิณบาต ไม่ว่าจะขาไปหรือขากลับ กรุณาผ่านกุฏิของกระผมด้วย ขอให้กระผมได้มีโอกาสทำบุญกับเนื้อนาบุญอย่างท่านทั้งหลายด้วยเถิดขอรับ"
อาตมาเองเวลาที่ไปพักอยู่หลวงปู่ท่าน ก็ต้องช่วยเตรียมข้าวปลาอาหาร ทั้งของสดของแห้งเพื่อให้หลวงปู่มีไว้ใส่บาตร จึงเกิดความกังขาขึ้นมาว่า บุคคลที่เข้าถึงความบริสุทธิ์อย่างแท้จริงแล้วอย่างหลวงปู่ ยังต้องทำบุญอยู่ทุกวันอีกหรือ ? เพราะใจของท่านพ้นไปแล้วจากการส่งผลของบุญบาปทั้งปวง
หายใจเข้า..ลมหายใจผ่านปลายจมูก ผ่านกึ่งกลางอก ลงไปสุดที่ท้อง หายใจออก..ลมหายใจออกจากท้อง ผ่านกึ่งกลางอก มาสุดที่ปลายจมูก จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ตามอัธยาศัย ตามความเคยชินของเราที่เคยปฏิบัติมา
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นวันพระ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนยี่ ปีมะเส็ง เมื่อครู่นี้ได้กล่าวถึงเรื่องของอาการเจ็บไข้ได้ป่วยและความรู้สึกที่ว่า ความตายอยู่กับเราแค่ลมหายใจเข้าออกเท่านั้น
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เราทั้งหลายที่เป็นนักปฏิบัติ จำเป็นต้องสังวรระวังและสำนึกเอาไว้อยู่เสมอว่า ความตายอยู่กับเราแค่ลมหายใจเข้าออกเท่านั้น หายใจเข้า..ถ้าไม่หายใจออกก็ตาย หายใจออก..ถ้าไม่หายใจเข้าก็ตายอีกเช่นกัน เมื่อความตายอยู่ใกล้ชิดติดตัวเราขนาดนี้ เราจึงจำเป็นที่จะต้องเร่งสั่งสมบุญกุศลใน ทาน ศีล ภาวนา ของเราให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อที่จะอาศัยบุญกุศลทั้งหลายเหล่านี้ เป็นบันไดพาเราก้าวไปสู่ความหลุดพ้น ก็คือเข้าสู่พระนิพพาน
การสั่งสมบุญกุศลนั้น ไม่ว่าจะเป็นบุญเล็กบุญใหญ่อย่างไรก็ตาม เราควรที่จะทำทั้งหมด โดยที่ตั้งเป้าเอาไว้ว่า ผลบุญทั้งหมดที่เราทำนี้ จงเป็นปัจจัยให้เราเข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด ถ้าอย่างนั้นการสั่งสมบุญของท่านก็จะมีเป้าหมายที่ชัดเจน และไม่หลงผิดไปจากหนทางที่เหมาะที่สม
ถ้าหากว่าจะยกตัวอย่างบุคคลที่ใคร่ในการสั่งสมบุญ อาตมภาพขอยกตัวอย่างของครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง ก็คือ พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านเจ้าคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ หรือที่รู้จักกันในนามของหลวงปู่มหาอำพัน แห่งวัดเทพศิรินทราวาส
หลวงปู่ท่านจะใส่บาตรทุกเช้า ถึงเวลาก็จะนิมนต์พระภิกษุสามเณรว่า "ท่านใดที่ออกบิณบาต ไม่ว่าจะขาไปหรือขากลับ กรุณาผ่านกุฏิของกระผมด้วย ขอให้กระผมได้มีโอกาสทำบุญกับเนื้อนาบุญอย่างท่านทั้งหลายด้วยเถิดขอรับ"
อาตมาเองเวลาที่ไปพักอยู่หลวงปู่ท่าน ก็ต้องช่วยเตรียมข้าวปลาอาหาร ทั้งของสดของแห้งเพื่อให้หลวงปู่มีไว้ใส่บาตร จึงเกิดความกังขาขึ้นมาว่า บุคคลที่เข้าถึงความบริสุทธิ์อย่างแท้จริงแล้วอย่างหลวงปู่ ยังต้องทำบุญอยู่ทุกวันอีกหรือ ? เพราะใจของท่านพ้นไปแล้วจากการส่งผลของบุญบาปทั้งปวง