PDA

View Full Version : เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๕


เถรี
14-01-2012, 09:52
ขอให้ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายจ้ะ จะนั่งขัดสมาธิหรือนั่งพับเพียบก็ได้ ถ้าใครนั่งเก้าอี้แล้วสบายจะใช้เก้าอี้ก็ได้ เพียงแต่ว่าให้เราตั้งกายให้ตรงเพื่อที่เลือดลมจะได้เดินได้สะดวก คล่องตัว

หลังจากนั้นให้กำหนดความรู้สึกทั้งหมด ไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา ให้เอาความรู้สึกทั้งหมดของเราอยู่เฉพาะหน้า อยู่กับลมหายใจเข้าออกแค่นี้ ถ้าหากว่าเผลอไปคิดถึงเรื่องอื่นเมื่อใด ก็ให้ดึงความรู้สึกกลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออกใหม่ทันที

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๕ เป็นการปฏิบัติธรรมช่วงปีใหม่วันที่สองของเรา วันนี้มีญาติโยมหลายท่านถามคำถามแล้วทำให้อาตมาฉุกใจคิดว่า การที่พวกเราทั้งหลายปฏิบัติธรรมนั้น บางทีเราก็เน้นหนักไปในด้านเดียว ก็คือว่า ถ้าจะเอาเรื่องทางธรรมก็ไปยาวเลย โดยไม่ได้สนใจ ไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่น ซึ่งความจริงแล้วถ้าหากว่าเราทำกันอย่างชนิดที่เรียกว่าสละชีวิตก็ได้ กำลังใจก็ควรที่จะไปในแนวนั้น

แต่ว่าเรายังต้องอยู่ในสังคมก็ควรจะยึดหลักว่า โลกต้องไม่ช้ำ ธรรมต้องไม่เสีย เพราะว่าถ้าหากว่าเราไม่เอาทางโลกเสียเลยก็ไม่ได้ แม้ทางโลกจะเป็นเรื่องสมมติ แต่เมื่อเราอยู่กับโลกก็ต้องเคารพสมมติทางโลกเป็นปกติ

ดังนั้น..ทางสายกลางสำหรับนักปฏิบัติจริง ๆ ที่ว่าโลกต้องไม่ช้ำธรรมต้องไม่เสียนั้น เราก็ควรจะดูความพอเหมาะ พอควร พอดี ไม่อย่างนั้นแล้วอาจมีการกระทบกระทั่งกับคนรอบข้าง คนในครอบครัว ทำให้เกิดการแตกแยกขึ้น ทำให้บุคคลจำนวนหนึ่งที่ปัญญาไม่ถึง เกิดการตราหน้าเราขึ้นมาว่า..นี่นะหรือนักปฏิบัติ ไหนว่าไปปฏิบัติธรรมมาแล้ว ทำได้เพียงแค่นี้เองหรือ ?...ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นแน่ ๆ จะต้องได้พบแน่ ๆ สำหรับนักปฏิบัติทุกคน

เถรี
15-01-2012, 08:39
แต่ถ้าหากว่าเราไม่ระมัดระวัง การกล่าวหาหรือการตราหน้าในลักษณะอย่างนี้ก็จะมีมากและหนัก ซึ่งจะทำให้เราอยู่ในสังคมได้ยาก อยู่กับคนรอบข้างได้ยาก เพราะว่านักปฏิบัติธรรมนั้น ควรที่จะพัฒนา กาย วาจาและใจ ของเราให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ไม่ใช่ว่ากี่วัน ๆ ก็เหมือนเดิม ถ้าอย่างนั้นก็สมควรที่เขาจะตราหน้าเราอยู่

แต่ถ้าเรารู้จักพัฒนา กาย วาจา ใจ ของเราให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ มีความละเอียดรอบคอบ หมั่นสังเกตดูว่าคนรอบข้างมีความคิดความเห็นกับเราอย่างไร แล้วก็พยายามปรับในลักษณะโอนอ่อนผ่อนตามมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ต้องไม่เกินกรอบของศีล ถ้าเขาจะพาเราไปผิดศีลผิดธรรม เราไปแค่สุดกรอบแล้วก็ย้อนกลับมา

พูดง่าย ๆ ว่าตามใจโลกแต่ก็ไม่ใช่ตามใจเสียทั้งหมด ขณะเดียวกันทิ้งโลก..ก็ไม่ได้ทิ้งเสียทีเดียวทั้งหมด เพราะว่าธรรมและโลกอิงอาศัยกันอยู่ ร่างกายนี้เป็นสมบัติของโลก อย่างไรเสียเราก็ต้องอาศัยโลกอยู่ แต่ขณะเดียวกัน จิตใจของเราต้องให้พัฒนาไปตามสภาวธรรม ให้ศีล สมาธิ ปัญญาของเราเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป

ถ้าหากว่าเราพัฒนาในเรื่องของปัญญาด้วยจริง ๆ ก็จะเห็นช่องทางว่าเราจะอยู่กับโลกอย่างไรให้มีความสุข แต่ถ้าหากว่าเรายังก้าวไม่ถึงในระดับพัฒนาปัญญาขึ้นมาก็จะต้องมีการกระทบกระทั่งกับโลกเป็นธรรมดา

ดังนั้น..การที่วันนี้ญาติโยมบางท่านมาถามปัญหาก็ดี มีการแสดงออกต่าง ๆ ในระหว่างที่มาถวายสังฆทานก็ดี ทำให้อาตมาฉุกใจคิดขึ้นมาว่า บางท่านนั้นมาในทางธรรมจนโลกช้ำไปแล้ว ส่วนบางท่านก็เกาะทางโลกมากเกินไปจนธรรมนั้นเสีย

ให้ทุกท่านพิจารณาดูตัวเราเองว่า ปัจจุบันนี้ตัวเรานั้นอยู่ในลักษณะของโลกช้ำธรรมเสียหรือไม่ ? ถ้าหนักไปในด้านไหนด้านหนึ่งก็ให้พยายามปรับ พยายามผ่อน เพื่อให้ออกมาให้ดีที่สุด ถ้าออกมาในลักษณะที่ดีที่สุด มีการพัฒนา กาย วาจาและใจ ของเรา ก้าวหน้าขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สมกับที่เป็นนักปฏิบัติแล้ว เราอาจจะสร้างความเชื่อถือให้แก่คนรอบข้าง ทำให้เขาสนใจอยากจะปฏิบัติตามบ้าง เพราะเห็นชัดว่าเราพัฒนาตัวเองดีขึ้นมาได้อย่างไร

ถ้ามาถึงตรงจุดนี้ เราก็จะสร้างความเลื่อมใสให้แก่บุคคลที่ยังไม่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา และสร้างความเลื่อมใสยิ่ง ๆ ขึ้นไปให้แก่บุคคลที่เลื่อมใสในพุทธศาสนาอยู่แล้ว

เถรี
16-01-2012, 08:28
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การปฏิบัติธรรมของเรานั้น นอกจากเพื่อมรรคเพื่อผลของตนเองแล้ว ยังเป็นการเกื้อกูลพระศาสนา เป็นการสงเคราะห์เพื่อนร่วมโลกอีกด้วย สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จึงควรเป็นสิ่งที่ควรจะต้องสังวรระวังเอาไว้ว่า การก้าวเดินไปในเส้นทางธรรมนั้น เราจะไม่ใส่ใจทางโลกเลยก็เป็นสิ่งที่ถูก แต่เราต้องปลีกตัวออกจากสังคมไปเลย แต่ถ้าตราบใดที่เรายังต้องอยู่ในสังคมอยู่ ก็ต้องระมัดระวังอย่าให้โลกช้ำธรรมเสีย

เมื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น ให้พยายามใช้ปัญญาควบคุมแสดงออกด้วยกาย ด้วยวาจาของเรา ในลักษณะที่อย่าให้กระทบคนอื่นมาก อย่างเช่นว่า เรารักษาศีล ๘ ถึงเวลาถ้าหากว่าออกไปกับเพื่อน หลังเที่ยงแล้วเราไม่กินอะไร ถ้าเพื่อนถามแล้วเราไปกล่าวว่าเรารักษาศีล ๘ ตรง ๆ ก็อาจจะมีปัญหา ก็อาจจะเลี่ยงไปว่าตอนนี้อ้วนแล้วอยากจะลดน้ำหนักสักหน่อยหนึ่ง เธอกินตามสะดวกเถอะ เดี๋ยวฉันเป็นคนจ่ายเองก็ได้ อะไรทำนองนี้

หรือไม่ก็บอกในลักษณะที่ว่า ของอย่างนี้กินไม่ได้เพราะแสลงโรคที่เป็นอยู่ หรือว่าหมอห้าม เป็นต้น อย่างบางคนเขาชวนไปกินเหล้าเมายา ก็บอกว่าแพ้แอลกอฮอล์ หมอบอกว่าถ้ากินมากอาจจะถึงตายได้ เราก็สามารถที่จะเลี่ยงกับสถานการณ์นั้นได้ โดยที่ไม่ต้องไปอ้างเรื่องศีลเรื่องธรรมซึ่งเป็นเรื่องขัดหูขัดตาพวกเขา เป็นต้น

ในวันนี้สิ่งที่อยากจะตักเตือนพวกเราไว้ก็คือว่า ในการปฏิบัตินั้นให้พยายามเดินอยู่ระหว่างกลางของโลกและธรรม และทางสายกลางนั้น เรามีศีล สมาธิ ปัญญาเป็นกรอบ พัฒนา กาย วาจา ใจ ของเราให้ดีขึ้นตามลำดับได้ ก็จะเป็นการสร้างศรัทธาให้แก่ผู้อื่นอีกส่วนหนึ่งด้วย

สำหรับตอนนี้ก็ขอให้ทุกคนตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของตนเอง พร้อมกับภาพพระหรือการพิจารณาของเราตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๕

ชินเชาวน์
04-02-2012, 14:52
สามารถรับชมได้ที่

http://www.sapanboon.com/vdo/demo.php?filename=2555-01-07

ป.ล.
- สามารถชมบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้
- ห้ามคัดลอกไฟล์ไปเผยแพร่ที่อื่นเด็ดขาด !