เถรี
07-11-2011, 21:07
ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตัวเองจ้ะ ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า หายใจเข้าออกยาว ๆ ๒-๓ ครั้ง เพื่อระบายลมหยาบออกให้หมด แล้วหลังจากนั้นก็ปล่อยให้ลมหายใจเป็นไปตามปกติที่สภาพร่างกายต้องการ
หายใจเข้า..กำหนดความรู้สึกไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..กำหนดความรู้สึกไหลตามลมหายใจออกมา ให้ความรู้สึกของเราเกาะติดอยู่กับลมหายใจอย่างนี้ ทั้งหายใจเข้าและหายใจออก จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้อยู่ที่เราถนัด ตามอัธยาศัยของพวกเราทุกคน
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๔ ระยะนี้การท่วมของน้ำมาถึงพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นกับญาติโยมทั้งหลายก็คือสภาพจิตใจที่เครียด ไม่ว่าจะเป็นการเครียดเพราะว่าภาวะบีบคั้นจากน้ำท่วม ทำให้ต้องคอยระวังป้องกันรักษาบ้านเรือนตัวเอง ต้องสะสมเสบียงกรังให้เพียงพอ ที่จะได้ใช้ในช่วงที่น้ำท่วมซึ่งไม่ทราบว่าระยะเวลาจะยาวนานเท่าไร
ความเครียดเพราะว่าการงานต่าง ๆ ไม่สามารถที่จะทำได้ หรือว่าบริษัทใดที่เราสามารถทำงานได้ การเดินทางก็ยากลำบาก และโดยเฉพาะเมื่อสะสมความเครียดไปมาก ๆ เข้า เราอาจจะไประเบิดใส่คนรอบข้าง กลายเป็นทะเลาะเบาะแว้งกันใหญ่โตไปเลยก็มี
ความจริงแล้วการปฏิบัติภาวนานี้เป็นการแก้ความเครียดที่ดีที่สุด ดังนั้น..ไม่ว่าสถานการณ์จะยากลำบากขนาดไหนก็ตาม อย่าทิ้งการภาวนาเป็นอันขาด เพราะว่าถ้าเราทิ้งการภาวนา เราก็จะไม่มีหลักยึด ทำให้สภาพจิตของเรารับเอาสิ่งต่าง ๆ ที่เสริมสร้างแต่ความเครียดเข้าไปมากขึ้น ๆ อยู่ตลอดเวลา
ขณะนี้หลายบ้านก็จมอยู่ใต้น้ำไปแล้ว หลายต่อหลายบ้านน้ำกำลังขึ้นสูงอยู่ตลอดเวลาพร้อมที่จะเข้าท่วมบ้าน และอีกหลายต่อหลายบ้านที่น้ำใกล้จะมาถึงแล้ว ขอบอกว่าการที่น้ำท่วมนั้น เป็นเรื่องปกติธรรมชาติ ถ้าหากว่าเราระวังป้องกันเต็มที่แล้วยังท่วม ก็ต้องถือว่าเราได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว
แต่ขณะเดียวกัน ถ้าเราพิจารณาแล้วว่าอย่างไรเสียก็ท่วมแน่นอน จะไม่เสียเวลาไประวังป้องกันก็ได้ เพราะว่าถ้าทุ่มเทกำลังกายกำลังใจไปจนเต็มที่แล้วยังป้องกันไม่ได้ เราจะเสียความรู้สึกมากกว่าปกติ
หายใจเข้า..กำหนดความรู้สึกไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..กำหนดความรู้สึกไหลตามลมหายใจออกมา ให้ความรู้สึกของเราเกาะติดอยู่กับลมหายใจอย่างนี้ ทั้งหายใจเข้าและหายใจออก จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้อยู่ที่เราถนัด ตามอัธยาศัยของพวกเราทุกคน
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๔ ระยะนี้การท่วมของน้ำมาถึงพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นกับญาติโยมทั้งหลายก็คือสภาพจิตใจที่เครียด ไม่ว่าจะเป็นการเครียดเพราะว่าภาวะบีบคั้นจากน้ำท่วม ทำให้ต้องคอยระวังป้องกันรักษาบ้านเรือนตัวเอง ต้องสะสมเสบียงกรังให้เพียงพอ ที่จะได้ใช้ในช่วงที่น้ำท่วมซึ่งไม่ทราบว่าระยะเวลาจะยาวนานเท่าไร
ความเครียดเพราะว่าการงานต่าง ๆ ไม่สามารถที่จะทำได้ หรือว่าบริษัทใดที่เราสามารถทำงานได้ การเดินทางก็ยากลำบาก และโดยเฉพาะเมื่อสะสมความเครียดไปมาก ๆ เข้า เราอาจจะไประเบิดใส่คนรอบข้าง กลายเป็นทะเลาะเบาะแว้งกันใหญ่โตไปเลยก็มี
ความจริงแล้วการปฏิบัติภาวนานี้เป็นการแก้ความเครียดที่ดีที่สุด ดังนั้น..ไม่ว่าสถานการณ์จะยากลำบากขนาดไหนก็ตาม อย่าทิ้งการภาวนาเป็นอันขาด เพราะว่าถ้าเราทิ้งการภาวนา เราก็จะไม่มีหลักยึด ทำให้สภาพจิตของเรารับเอาสิ่งต่าง ๆ ที่เสริมสร้างแต่ความเครียดเข้าไปมากขึ้น ๆ อยู่ตลอดเวลา
ขณะนี้หลายบ้านก็จมอยู่ใต้น้ำไปแล้ว หลายต่อหลายบ้านน้ำกำลังขึ้นสูงอยู่ตลอดเวลาพร้อมที่จะเข้าท่วมบ้าน และอีกหลายต่อหลายบ้านที่น้ำใกล้จะมาถึงแล้ว ขอบอกว่าการที่น้ำท่วมนั้น เป็นเรื่องปกติธรรมชาติ ถ้าหากว่าเราระวังป้องกันเต็มที่แล้วยังท่วม ก็ต้องถือว่าเราได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว
แต่ขณะเดียวกัน ถ้าเราพิจารณาแล้วว่าอย่างไรเสียก็ท่วมแน่นอน จะไม่เสียเวลาไประวังป้องกันก็ได้ เพราะว่าถ้าทุ่มเทกำลังกายกำลังใจไปจนเต็มที่แล้วยังป้องกันไม่ได้ เราจะเสียความรู้สึกมากกว่าปกติ