เถรี
14-07-2011, 09:24
ให้ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายของตนจ้ะ หายใจเข้าออกยาว ๆ สักสองสามครั้ง ระบายลมหยาบออกให้หมดก่อน แล้วหลังจากนั้นปล่อยให้ลมหายใจเป็นไปตามปกติตามความต้องการของร่างกาย
เพียงแต่กำหนดความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา หายใจเข้า...ลมหายใจเข้าผ่านจมูก..ผ่านกึ่งกลางอก..ลงไปสุดที่ท้อง หายใจออก...ออกจากท้อง..ผ่านกึ่งกลางอก..ไปสุดที่ปลายจมูก ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราอยู่แค่ตรงนี้ ถ้าเผลอไปคิดเรื่องอื่น รู้ตัวเมื่อไรให้ดึงกลับมาที่ลมหายใจเข้าออกทันที
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ เป็นการเจริญกรรมฐานวันที่สองของพวกเรา
เมื่อครู่นี้ก่อนที่ลงมา คุณหมอนพพรได้ทำการรักษาด้วยการฝังเข็มให้ ทำให้เห็นว่าสภาพร่างกายของเรามีความเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นปกติ อย่างที่บาลีท่านบอกว่า สงฺขารํ โรคนิทฺธํ สังขารทั้งหลายเป็นรังของโรค ปภํ คุณํ มีแต่จะเน่าเปื่อยไปเป็นธรรมดา
การที่เราเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องประคับประคองรักษาสภาพจิตใจของเราให้มีความผ่องใสอยู่เป็นปกติ อย่าไปเศร้าหมอง อย่าไปคร่ำครวญ อย่าไปจมอยู่กับความทุกข์ของการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น
การที่เราจะทำเช่นนั้นได้ ก็สำคัญตรงอานาปานสติต้องมีความคล่องตัว คือการกำหนดลมหายใจเข้าออก จนสามารถเข้าสู่ระดับอัปปนาสมาธิ ทรงเป็นฌานตั้งแต่ปฐมฌานละเอียดเป็นต้นไป แล้วซักซ้อมการเข้าออกสมาธินั้นให้มีความคล่องตัว ชนิดที่ต้องการเข้าในระดับไหนก็ต้องได้ทันที
เมื่อสามารถทำอย่างนี้ได้ อันดับแรก เวทนาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายแทบจะไม่ปรากฏเลย เนื่องจากว่าสภาพจิตที่ทรงสมาธิในระดับปฐมฌานละเอียดขึ้นไปนั้น จิตกับประสาทจะแยกออกจากกัน จิตแทบจะไม่รับรู้อาการทางร่างกาย ช่วยระงับกายสังขาร ช่วยระงับทุกขเวทนา ระงับความกระวนกระวายที่เกิดขึ้นกับร่างกายได้ดีมาก
เพียงแต่กำหนดความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา หายใจเข้า...ลมหายใจเข้าผ่านจมูก..ผ่านกึ่งกลางอก..ลงไปสุดที่ท้อง หายใจออก...ออกจากท้อง..ผ่านกึ่งกลางอก..ไปสุดที่ปลายจมูก ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราอยู่แค่ตรงนี้ ถ้าเผลอไปคิดเรื่องอื่น รู้ตัวเมื่อไรให้ดึงกลับมาที่ลมหายใจเข้าออกทันที
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ เป็นการเจริญกรรมฐานวันที่สองของพวกเรา
เมื่อครู่นี้ก่อนที่ลงมา คุณหมอนพพรได้ทำการรักษาด้วยการฝังเข็มให้ ทำให้เห็นว่าสภาพร่างกายของเรามีความเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นปกติ อย่างที่บาลีท่านบอกว่า สงฺขารํ โรคนิทฺธํ สังขารทั้งหลายเป็นรังของโรค ปภํ คุณํ มีแต่จะเน่าเปื่อยไปเป็นธรรมดา
การที่เราเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องประคับประคองรักษาสภาพจิตใจของเราให้มีความผ่องใสอยู่เป็นปกติ อย่าไปเศร้าหมอง อย่าไปคร่ำครวญ อย่าไปจมอยู่กับความทุกข์ของการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น
การที่เราจะทำเช่นนั้นได้ ก็สำคัญตรงอานาปานสติต้องมีความคล่องตัว คือการกำหนดลมหายใจเข้าออก จนสามารถเข้าสู่ระดับอัปปนาสมาธิ ทรงเป็นฌานตั้งแต่ปฐมฌานละเอียดเป็นต้นไป แล้วซักซ้อมการเข้าออกสมาธินั้นให้มีความคล่องตัว ชนิดที่ต้องการเข้าในระดับไหนก็ต้องได้ทันที
เมื่อสามารถทำอย่างนี้ได้ อันดับแรก เวทนาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายแทบจะไม่ปรากฏเลย เนื่องจากว่าสภาพจิตที่ทรงสมาธิในระดับปฐมฌานละเอียดขึ้นไปนั้น จิตกับประสาทจะแยกออกจากกัน จิตแทบจะไม่รับรู้อาการทางร่างกาย ช่วยระงับกายสังขาร ช่วยระงับทุกขเวทนา ระงับความกระวนกระวายที่เกิดขึ้นกับร่างกายได้ดีมาก