โอรส
03-05-2011, 01:16
ถาม : ถ้าเราตั้งใจปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น แล้วการที่มาฝึกกสิณจะถูกทางไหมครับ ?
ตอบ : กรรมฐานทุกกองในกรรมฐาน ๔๐ หรือมหาสติปัฏฐานก็ตาม ถูกทางทั้งนั้น เพียงแต่ว่าเราจะขมวดปลายเป็นไหม ?
เราฝึกกสิณพอถึงวาระสุดท้าย เราก็ต้องพิจารณากสิณให้เป็นวิปัสสนาญาณ
พิจารณาว่า ภาพกสิณจริง ๆ ก็มีความไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ แรก ๆ ก็เป็นภาพของอุคหนิมิตคือ เป็นรูปกสิณตามนั้น หลังจากนั้นมาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป จากสีเดิมก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ กลายเป็นสีขาวจากสีขาวก็เป็นเจิดจ้า ถึงวาระสุดท้ายก็อธิษฐานให้มาก็ได้ให้ไปก็ได้ ไม่ได้มีความเที่ยงแท้แน่นอนแม้แต่อย่างเดียว
ถ้าเราตั้งความปรารถนาว่าจะให้ภาพนั้นดำรงอยู่ตลอดกาลตลอดสมัย เราก็ประกอบไปด้วยความทุกข์ แล้วในที่สุดแม้กระทั่งตัวเราเองที่เป็นผู้ทรงกสิณอยู่ก็ตาย ภาพกสิณที่เราเห็นก็สลายตัวได้ วัตถุที่เราเอามาทำเป็นดวงกสิณก็สลายตัวได้
ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรดำรงอยู่ได้ เกิดมาเมื่อไรก็ต้องเจอกับสภาพเช่นนี้ มีความไม่เที่ยง มีความเป็นทุกข์ ไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายได้เป็นปกติ แล้วเราจะเกิดมาให้ทุกข์ทำไม ถ้าขมวดท้ายเป็นก็สามารถไปนิพพานได้ทุกกอง
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๕
ตอบ : กรรมฐานทุกกองในกรรมฐาน ๔๐ หรือมหาสติปัฏฐานก็ตาม ถูกทางทั้งนั้น เพียงแต่ว่าเราจะขมวดปลายเป็นไหม ?
เราฝึกกสิณพอถึงวาระสุดท้าย เราก็ต้องพิจารณากสิณให้เป็นวิปัสสนาญาณ
พิจารณาว่า ภาพกสิณจริง ๆ ก็มีความไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ แรก ๆ ก็เป็นภาพของอุคหนิมิตคือ เป็นรูปกสิณตามนั้น หลังจากนั้นมาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป จากสีเดิมก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ กลายเป็นสีขาวจากสีขาวก็เป็นเจิดจ้า ถึงวาระสุดท้ายก็อธิษฐานให้มาก็ได้ให้ไปก็ได้ ไม่ได้มีความเที่ยงแท้แน่นอนแม้แต่อย่างเดียว
ถ้าเราตั้งความปรารถนาว่าจะให้ภาพนั้นดำรงอยู่ตลอดกาลตลอดสมัย เราก็ประกอบไปด้วยความทุกข์ แล้วในที่สุดแม้กระทั่งตัวเราเองที่เป็นผู้ทรงกสิณอยู่ก็ตาย ภาพกสิณที่เราเห็นก็สลายตัวได้ วัตถุที่เราเอามาทำเป็นดวงกสิณก็สลายตัวได้
ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรดำรงอยู่ได้ เกิดมาเมื่อไรก็ต้องเจอกับสภาพเช่นนี้ มีความไม่เที่ยง มีความเป็นทุกข์ ไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายได้เป็นปกติ แล้วเราจะเกิดมาให้ทุกข์ทำไม ถ้าขมวดท้ายเป็นก็สามารถไปนิพพานได้ทุกกอง
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๕