โอรส
16-02-2011, 02:39
ถาม : ท่านตั้งใจบวช ๗ วัน ?
ตอบ : ตั้งใจไว้แค่ ๗ วันจริง ๆ แต่ว่าช่วงนั้นบังเอิญว่าครูบาอาจารย์ท่านสงเคราะห์ โดยเฉพาะหลวงปู่ขนมจีน รู้จักหลวงปู่ขนมจีนไหม ?
หลวงปู่ขนมจีนเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าซุง องค์ที่ ๒ ถัดจากหลวงปู่ใหญ่ ไปกวนหลวงปู่ขนมจีนท่านเข้า โดนท่านเฉ่งเสียเกือบตาย แต่อาตมาเป็นคนหน้าด้าน พอรู้ตัวว่าเป็นฝีมือหลวงปู่ ก็เอาพานธูปเทียนแพไปขอขมา บอกว่า "หลวงปู่ครับ..." ฟังให้ดี ๆ นะ คนหน้าด้านเขาทำอย่างไร....
"หลวงปู่ครับ หลวงปู่เฉ่งผมก่อนเป็นคนแรก ผมถือว่าผมเป็นลูกคนโต ขอความเมตตาหลวงปู่ด้วยครับ ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าพระที่ท่านปฏิบัติจนเข้าถึงธรรมจริง ๆ อารมณ์ใจจะเป็นอย่างไร ? ถ้าหลวงปู่สามารถสงเคราะห์ได้ ต่อไปถ้าผมทำถึงตรงจุดนั้น ผมจะได้รู้ว่าผมทำมาถึงแล้ว"
ในเมื่อเราท้า...ท่านก็รบด้วย ท่านถามว่า "เอ็งจะเอานานเท่าไร ?"
อาตมาตอบว่า "ถ้าหลวงปู่ให้ได้ ๓ เดือน ผมจะบวชเอาพรรษาเลย"
ท่านว่า "ตกลง"
โอ้โฮ..ทันทีที่ท่านตกลง ช่วงนั้นคิดว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์ไปแล้วจริง ๆ อารมณ์ใจที่เกิดขึ้นละเอียดมาก ละเอียดจนบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าจะหลับจะตื่น จะยืนจะนั่ง จิตรู้เท่าทันโดยตลอด อารมณ์ทรงตัวแบบอัตโนมัติ กิเลสจะเข้ามาตอนหลับตอนตื่นก็รู้ทัน ป้องกันได้หมด รู้ตั้งแต่สาเหตุแรกเลย เมื่อรู้แล้วไม่สร้างเหตุ กิเลสก็กินใจเราไม่ได้
สมมติว่าเราหยิบปากกาขึ้นมาอันหนึ่งอย่างนี้ ...มองเห็นรู้ว่าเป็นปากกาก็หยุดไว้แค่ตรงนั้น เราจะรู้ทันหมดเลยว่า ถ้าคิดต่อแล้วจะเป็นอย่างไร
....ปากกาอันนี้เขียนหนังสือได้
...ไอ้นั่นเคยด่าเรา เขียนไปด่าคืนบ้างดีกว่า ออกไปโทสะแล้ว..ใช่ไหม ?
...คนนั้นเขาสวยดี เราเขียนจดหมายไปจีบสักหน่อย..เป็นอย่างไร ? ออกไปราคะแล้ว
...ไอ้เจ้านั่นอยากรวยดีนัก เขียนจดหมายไปขู่เอาเงินดีกว่า..อ้าว..โลภะมาแล้วเต็ม ๆ..!
ปากกาอันเดียวแท้ ๆ แค่คิดต่อหน่อยเดียว รัก โลภ โกรธ หลง มาหมดเลย
แต่ว่าอารมณ์ใจตอนนั้นจะตัดตั้งแต่ต้นเหตุเลย ในเมื่อตัดเหตุ ไม่ไปคิดปรุงแต่งต่อ ผลความฟุ้งซ่านต่าง ๆ ก็จะไม่เกิดขึ้นกับใจ ในช่วง ๓ เดือนนั้นคิดว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว พอวันที่ ๙๑ ก็ร่วงลงมาเป็นหมาตามเดิม..!
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
ตอบ : ตั้งใจไว้แค่ ๗ วันจริง ๆ แต่ว่าช่วงนั้นบังเอิญว่าครูบาอาจารย์ท่านสงเคราะห์ โดยเฉพาะหลวงปู่ขนมจีน รู้จักหลวงปู่ขนมจีนไหม ?
หลวงปู่ขนมจีนเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าซุง องค์ที่ ๒ ถัดจากหลวงปู่ใหญ่ ไปกวนหลวงปู่ขนมจีนท่านเข้า โดนท่านเฉ่งเสียเกือบตาย แต่อาตมาเป็นคนหน้าด้าน พอรู้ตัวว่าเป็นฝีมือหลวงปู่ ก็เอาพานธูปเทียนแพไปขอขมา บอกว่า "หลวงปู่ครับ..." ฟังให้ดี ๆ นะ คนหน้าด้านเขาทำอย่างไร....
"หลวงปู่ครับ หลวงปู่เฉ่งผมก่อนเป็นคนแรก ผมถือว่าผมเป็นลูกคนโต ขอความเมตตาหลวงปู่ด้วยครับ ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าพระที่ท่านปฏิบัติจนเข้าถึงธรรมจริง ๆ อารมณ์ใจจะเป็นอย่างไร ? ถ้าหลวงปู่สามารถสงเคราะห์ได้ ต่อไปถ้าผมทำถึงตรงจุดนั้น ผมจะได้รู้ว่าผมทำมาถึงแล้ว"
ในเมื่อเราท้า...ท่านก็รบด้วย ท่านถามว่า "เอ็งจะเอานานเท่าไร ?"
อาตมาตอบว่า "ถ้าหลวงปู่ให้ได้ ๓ เดือน ผมจะบวชเอาพรรษาเลย"
ท่านว่า "ตกลง"
โอ้โฮ..ทันทีที่ท่านตกลง ช่วงนั้นคิดว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์ไปแล้วจริง ๆ อารมณ์ใจที่เกิดขึ้นละเอียดมาก ละเอียดจนบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าจะหลับจะตื่น จะยืนจะนั่ง จิตรู้เท่าทันโดยตลอด อารมณ์ทรงตัวแบบอัตโนมัติ กิเลสจะเข้ามาตอนหลับตอนตื่นก็รู้ทัน ป้องกันได้หมด รู้ตั้งแต่สาเหตุแรกเลย เมื่อรู้แล้วไม่สร้างเหตุ กิเลสก็กินใจเราไม่ได้
สมมติว่าเราหยิบปากกาขึ้นมาอันหนึ่งอย่างนี้ ...มองเห็นรู้ว่าเป็นปากกาก็หยุดไว้แค่ตรงนั้น เราจะรู้ทันหมดเลยว่า ถ้าคิดต่อแล้วจะเป็นอย่างไร
....ปากกาอันนี้เขียนหนังสือได้
...ไอ้นั่นเคยด่าเรา เขียนไปด่าคืนบ้างดีกว่า ออกไปโทสะแล้ว..ใช่ไหม ?
...คนนั้นเขาสวยดี เราเขียนจดหมายไปจีบสักหน่อย..เป็นอย่างไร ? ออกไปราคะแล้ว
...ไอ้เจ้านั่นอยากรวยดีนัก เขียนจดหมายไปขู่เอาเงินดีกว่า..อ้าว..โลภะมาแล้วเต็ม ๆ..!
ปากกาอันเดียวแท้ ๆ แค่คิดต่อหน่อยเดียว รัก โลภ โกรธ หลง มาหมดเลย
แต่ว่าอารมณ์ใจตอนนั้นจะตัดตั้งแต่ต้นเหตุเลย ในเมื่อตัดเหตุ ไม่ไปคิดปรุงแต่งต่อ ผลความฟุ้งซ่านต่าง ๆ ก็จะไม่เกิดขึ้นกับใจ ในช่วง ๓ เดือนนั้นคิดว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว พอวันที่ ๙๑ ก็ร่วงลงมาเป็นหมาตามเดิม..!
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕