โอรส
30-11-2010, 01:48
ถาม : อย่างนี้ก็เลยไม่แน่ใจว่าดีไหม ถ้าเผลอไหลไปตามเพลงนี่ช่วยได้ไหม ?
ตอบ : ต้องมีการผ่อนสั้นผ่อนยาว ในลักษณะของพระจะมีการเปลี่ยนอิริยาบถ เดิน ยืน นั่ง นอน ทำท่าเดียวนาน ๆ ไม่ไหว ร่างกายจะแย่
ถึงเวลาก็ไปเดินดูฟ้าดูดินบ้าง แทนที่เราจะไปนั่งภาวนาอย่างเดียว อาจจะไปรดน้ำต้นไม้บ้าง ไปกวาดลานวัดบ้าง แล้วจับอิริยาบถการเคลื่อนไหวต่อไป พอถึงเวลาจิตจะได้คลายออกมาบ้าง หายเครียดแล้วก็ไปนั่งภาวนาของเราต่อ หรือไปเดินจงกรมของเราต่อ
ถาม : เราฝึกเข้าฌานได้ทุกสภาวะ แล้วเวลาเดินฌานค้างเราจะทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็ถ้าหากว่าฌานค้างก็ลดลงมาเหลือแค่ฌาน ๒ หรือฌาน ๑ ก็ไปต่อได้แล้ว ความจริงฌานค้างเป็นของดีนะ เพราะไม่ต้องยุ่งกับ รัก โลภ โกรธ หลง ไปเลย กลัวแต่ว่าจะไม่ยอมค้างนะสิ..!
ถาม : คลายออกมาใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถอยลงมาหน่อยแล้วก็เดินต่อไป ต้องตั้งท่ายื้อกันหน่อย ดูว่าจะไปได้อีกสักนิดไหม ?
เหมือนกับเข้าเกียร์รถไว้แล้วลองพยายามเข็นดู ปกติรถเข้าเกียร์อยู่ ถ้าเครื่องติดก็ไปได้ใช่ไหม ? ทีนี้เราเข็นไปจนเครื่องต้องติดเอง ลองดูนะ..ถ้าไม่ไหวก็เข้าเกียร์ว่างไปก่อน
ตอบ : ต้องมีการผ่อนสั้นผ่อนยาว ในลักษณะของพระจะมีการเปลี่ยนอิริยาบถ เดิน ยืน นั่ง นอน ทำท่าเดียวนาน ๆ ไม่ไหว ร่างกายจะแย่
ถึงเวลาก็ไปเดินดูฟ้าดูดินบ้าง แทนที่เราจะไปนั่งภาวนาอย่างเดียว อาจจะไปรดน้ำต้นไม้บ้าง ไปกวาดลานวัดบ้าง แล้วจับอิริยาบถการเคลื่อนไหวต่อไป พอถึงเวลาจิตจะได้คลายออกมาบ้าง หายเครียดแล้วก็ไปนั่งภาวนาของเราต่อ หรือไปเดินจงกรมของเราต่อ
ถาม : เราฝึกเข้าฌานได้ทุกสภาวะ แล้วเวลาเดินฌานค้างเราจะทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็ถ้าหากว่าฌานค้างก็ลดลงมาเหลือแค่ฌาน ๒ หรือฌาน ๑ ก็ไปต่อได้แล้ว ความจริงฌานค้างเป็นของดีนะ เพราะไม่ต้องยุ่งกับ รัก โลภ โกรธ หลง ไปเลย กลัวแต่ว่าจะไม่ยอมค้างนะสิ..!
ถาม : คลายออกมาใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถอยลงมาหน่อยแล้วก็เดินต่อไป ต้องตั้งท่ายื้อกันหน่อย ดูว่าจะไปได้อีกสักนิดไหม ?
เหมือนกับเข้าเกียร์รถไว้แล้วลองพยายามเข็นดู ปกติรถเข้าเกียร์อยู่ ถ้าเครื่องติดก็ไปได้ใช่ไหม ? ทีนี้เราเข็นไปจนเครื่องต้องติดเอง ลองดูนะ..ถ้าไม่ไหวก็เข้าเกียร์ว่างไปก่อน