โอรส
20-11-2010, 00:54
ถาม : อย่างที่คนอื่นเขาคิดแบบนั้น แต่ว่าเราทำแบบนี้ เราคิดแบบนี้ คือเราไปมองว่าเขาคิดแบบนั้นแล้วเขาคิดถูก มั่นใจแล้วถึงทำ ?
ตอบ : ก็ยังไม่แน่นัก การยึดหลักปฏิบัติของตัวเองมากเกินไปก็เป็นอุปาทานได้ เขาเรียกว่า สีลัพพัตตุปาทาน การยึดมั่นในศีลพรต (หลักปฏิบัติ) ของตน
จึงไม่แน่ว่าจะถูกต้อง เพราะว่าส่วนใหญ่ที่เราทำ ถ้ายังไม่ถึงที่สุด ก็อดไม่ได้ที่จะมีทิฐิ คือความเชื่อเฉพาะตนแฝงอยู่ จะกลายเป็นเอาทิฐิคือความเห็นส่วนตัว ความเชื่อส่วนตัวของตน ไปปนกับธรรมะพระพุทธเจ้า
พอเราก้าวไปถึงปฐมฌานก็คิดว่า ที่พระพุทธเจ้าท่านสอนมาที่แท้จริงเป็นอย่างนี้เอง แต่ความจริงแล้วยังไม่ใช่ ที่ละเอียดกว่านั้นยังมี พอเราก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งก็เอาอีกแล้ว ธรรมะของพระพุทธเจ้าที่แท้เป็นอย่างนี้เอง แต่ก็ยังไม่ใช่อีก จะก้าวล่วงลึกขึ้นไปเรื่อย ๆ แบบนี้ จนกว่าจะถึงที่สุด
เพราะฉะนั้น..ที่เราสรุปมา เห็นคนอื่นทำแล้วคิดว่าผิดแล้วเราทำถูก หรือว่าคนอื่นทำถูกเราทำผิด นั่นไม่ใช่ทั้งนั้น เพราะว่านั่นเป็นแค่กำลังใจของเราปัจจุบันตอนนี้เท่านั้น ถึงเวลาพอมีการก้าวล่วงเข้าไปอีก สิ่งที่ดีกว่าถูกกว่าก็จะมีอีก
ตอบ : ก็ยังไม่แน่นัก การยึดหลักปฏิบัติของตัวเองมากเกินไปก็เป็นอุปาทานได้ เขาเรียกว่า สีลัพพัตตุปาทาน การยึดมั่นในศีลพรต (หลักปฏิบัติ) ของตน
จึงไม่แน่ว่าจะถูกต้อง เพราะว่าส่วนใหญ่ที่เราทำ ถ้ายังไม่ถึงที่สุด ก็อดไม่ได้ที่จะมีทิฐิ คือความเชื่อเฉพาะตนแฝงอยู่ จะกลายเป็นเอาทิฐิคือความเห็นส่วนตัว ความเชื่อส่วนตัวของตน ไปปนกับธรรมะพระพุทธเจ้า
พอเราก้าวไปถึงปฐมฌานก็คิดว่า ที่พระพุทธเจ้าท่านสอนมาที่แท้จริงเป็นอย่างนี้เอง แต่ความจริงแล้วยังไม่ใช่ ที่ละเอียดกว่านั้นยังมี พอเราก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งก็เอาอีกแล้ว ธรรมะของพระพุทธเจ้าที่แท้เป็นอย่างนี้เอง แต่ก็ยังไม่ใช่อีก จะก้าวล่วงลึกขึ้นไปเรื่อย ๆ แบบนี้ จนกว่าจะถึงที่สุด
เพราะฉะนั้น..ที่เราสรุปมา เห็นคนอื่นทำแล้วคิดว่าผิดแล้วเราทำถูก หรือว่าคนอื่นทำถูกเราทำผิด นั่นไม่ใช่ทั้งนั้น เพราะว่านั่นเป็นแค่กำลังใจของเราปัจจุบันตอนนี้เท่านั้น ถึงเวลาพอมีการก้าวล่วงเข้าไปอีก สิ่งที่ดีกว่าถูกกว่าก็จะมีอีก