เถรี
12-11-2010, 14:11
ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตนเอง อย่าลืมว่าต้องตั้งกายให้ตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า เอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๓ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานวันแรกของเดือนนี้ ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทางวัดมีการจัดบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๘๓ พรรษา ญาติโยมจำนวนหนึ่งก็ได้ไปปฏิบัติธรรมด้วยกัน
คราวนี้เกิดมีคนสงสัยขึ้นมาว่า ในขณะที่ตนเองเดินจงกรมนั้น จะจับอยู่ที่อาการเดิน หรือว่าจับอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกดี ?
ขอบอกว่า การปฏิบัติที่วัดนั้น เป็นการปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔ แบบพองหนอ ยุบหนอ ซึ่งเป็นหลักสูตรบังคับ โดยมติมหาเถรสมาคม ที่กำหนดให้สำนักปฏิบัติธรรมทุกแห่งปฏิบัติตามสติปัฏฐาน ๔ แบบพองหนอ ยุบหนอนี้ แม้ว่าบางสำนักจะปฏิบัติแยกออกไปต่างหาก แต่เวลารายงานผลการปฏิบัติ ก็ต้องรายงานไปว่าปฏิบัติในสติปัฏฐาน ๔ แบบพองหนอ ยุบหนอเช่นกัน
เมื่อเป็นดังนั้น ก็ต้องว่าตามการปฏิบัติของสายนี้ คือ เราต้องเอาความรู้สึกทั้งหมดจดจ่ออยู่กับการเคลื่อนไหวของเรา ก็คือดูอิริยาบถใหญ่ ๔ ประการ ได้แก่ เดิน ยืน นั่ง นอน
ขอยืนยันว่า เดิน ยืน นั่ง นอน เพราะว่าเมื่อเราเดินแล้วมายืน จึงสามารถที่จะนั่งและนอนได้ ถ้ายืนแล้วเดิน คนที่เดินจะนั่งไม่ได้ และดูอิริยาบถย่อยอีก ๒๒ ประการ มีการเหยียดแขน คู้แขน เหลียวดู เป็นต้น
ความหมายที่แท้จริงก็คือ ให้พวกเรากำหนดสติ รู้อยู่ในปัจจุบันขณะนั้น ๆ ว่าร่างกายมีการเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะต้องรู้ให้ทันในปัจจุบันจริง ๆ
อย่างเช่นกำหนดว่า ยกหนอ...ความรู้สึกทั้งหมดก็จะอยู่ที่เท้าซึ่งค่อย ๆ ยกขึ้นมา จนถึงคำว่าหนอ ก็สุดพอดี ย่างหนอ...ความรู้สึกต้องอยู่ที่เท้าที่เคลื่อนออกไป พอลงคำว่าหนอ ก็สุดระยะการเคลื่อนเท้าไปข้างหน้าพอดี เหยียบหนอ...ก็เช่นกัน เท้าก็จะค่อย ๆ ลดลง จนกระทั่งสุดคำว่าหนอ ก็คือเหยียบพื้นเต็มฝ่าเท้าพอดี
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๓ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานวันแรกของเดือนนี้ ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทางวัดมีการจัดบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๘๓ พรรษา ญาติโยมจำนวนหนึ่งก็ได้ไปปฏิบัติธรรมด้วยกัน
คราวนี้เกิดมีคนสงสัยขึ้นมาว่า ในขณะที่ตนเองเดินจงกรมนั้น จะจับอยู่ที่อาการเดิน หรือว่าจับอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกดี ?
ขอบอกว่า การปฏิบัติที่วัดนั้น เป็นการปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔ แบบพองหนอ ยุบหนอ ซึ่งเป็นหลักสูตรบังคับ โดยมติมหาเถรสมาคม ที่กำหนดให้สำนักปฏิบัติธรรมทุกแห่งปฏิบัติตามสติปัฏฐาน ๔ แบบพองหนอ ยุบหนอนี้ แม้ว่าบางสำนักจะปฏิบัติแยกออกไปต่างหาก แต่เวลารายงานผลการปฏิบัติ ก็ต้องรายงานไปว่าปฏิบัติในสติปัฏฐาน ๔ แบบพองหนอ ยุบหนอเช่นกัน
เมื่อเป็นดังนั้น ก็ต้องว่าตามการปฏิบัติของสายนี้ คือ เราต้องเอาความรู้สึกทั้งหมดจดจ่ออยู่กับการเคลื่อนไหวของเรา ก็คือดูอิริยาบถใหญ่ ๔ ประการ ได้แก่ เดิน ยืน นั่ง นอน
ขอยืนยันว่า เดิน ยืน นั่ง นอน เพราะว่าเมื่อเราเดินแล้วมายืน จึงสามารถที่จะนั่งและนอนได้ ถ้ายืนแล้วเดิน คนที่เดินจะนั่งไม่ได้ และดูอิริยาบถย่อยอีก ๒๒ ประการ มีการเหยียดแขน คู้แขน เหลียวดู เป็นต้น
ความหมายที่แท้จริงก็คือ ให้พวกเรากำหนดสติ รู้อยู่ในปัจจุบันขณะนั้น ๆ ว่าร่างกายมีการเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะต้องรู้ให้ทันในปัจจุบันจริง ๆ
อย่างเช่นกำหนดว่า ยกหนอ...ความรู้สึกทั้งหมดก็จะอยู่ที่เท้าซึ่งค่อย ๆ ยกขึ้นมา จนถึงคำว่าหนอ ก็สุดพอดี ย่างหนอ...ความรู้สึกต้องอยู่ที่เท้าที่เคลื่อนออกไป พอลงคำว่าหนอ ก็สุดระยะการเคลื่อนเท้าไปข้างหน้าพอดี เหยียบหนอ...ก็เช่นกัน เท้าก็จะค่อย ๆ ลดลง จนกระทั่งสุดคำว่าหนอ ก็คือเหยียบพื้นเต็มฝ่าเท้าพอดี