View Full Version : หลวงพ่ออุตตมะ (เทพเจ้าของชาวมอญ)
ชินเชาวน์
06-03-2009, 12:08
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=283&stc=1&d=1236316012
พระราชอุดมมงคล
หลวงพ่ออุตตมะ (เทพเจ้าของชาวมอญ)
พระราชอุดมมงคล หรือ “พระมหาอุตตมะรัมโภภิกขุ” หรือที่รู้จักกันทั่วไปในนามของ “หลวงพ่ออุตตมะ” พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดกาญจนบุรี ทั้งยังเป็นพระภิกษุสงฆ์ชาวมอญ ผู้มีบทบาทผู้นำคนสำคัญของชาวมอญพลัดถิ่นที่สังขละบุรี
ประวัติหลวงพ่ออุตตมะ
หลวงพ่ออุตตมะ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๔ ปีจอ จุลศักราช ๑๒๗๒ (พ.ศ. ๒๔๕๓) ที่หมู่บ้านโมกกะเนียง ตำบลเกลาสะ อำเภอเย จังหวัดมะละแหม่ง เป็นบุตรของนายโงและนางทองสุข อาชีพทำนา มีพี่น้องรวม ๑๒ คน เนื่องจากเป็นทารกเพศชายเกิดในวันอาทิตย์ จึงมีชื่อว่า “เอหม่อง”
ปี พ.ศ. ๒๔๖๒ ขณะเด็กชายเอหม่องมีอายุได้ ๙ ขวบ เกิดอหิวาตกโรคระบาดขึ้นในหมู่บ้าน บิดามารดาจึงพาเด็กชายเอหม่องไปฝากกับพระอาจารย์นันทสาโรแห่งวัดโมกกะเนียงผู้เป็นลุงเพื่อให้ปรนนิบัติรับใช้และศึกษาพระธรรมเป็นเครื่องคุ้มครองจากโรคภัย เด็กชายเอหม่องเป็นผู้ใฝ่ใจในการศึกษาอย่างยิ่ง จนสามารถสอบได้ชนะเด็กในวัยเดียวกันเป็นประจำทุก ๆ ปี
ปี พ.ศ. ๒๔๖๗ เด็กชายเอหม่องอายุได้ ๑๔ ปี เกิดอหิวาตกโรคระบาดครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ส่งผลให้ต้องสูญเสียน้องชายถึง ๕ คน เด็กชายเอหม่องจึงขอออกจากวัดโมกกะเนียงเพื่อมาช่วยเหลือทางบ้านด้วยความขยันขันแข็ง จนกระทั่งอายุ ๑๘ ปี เจ้าอาวาสวัดเกลาสะได้ไปขอกับบิดามารดาให้เด็กชายเอหม่องไปบรรพชาเป็นสามเณร
หลวงพ่ออุตตมะ บรรพาเป็นสามเณร ณ วัดเกลาสะ ตำบลเกลาสะ อำเภอเย จังหวัดมะละแหม่ง เมื่อจุลศักราช ๑๒๙๑ (พ.ศ. ๒๔๗๒) โดยมีพระเกตุมาลาเป็นพระอุปัชฌาย์ ปีนั้นเอง หลวงพ่อศึกษาภาษาบาลี และพระปริยัติธรรมจนสอบได้นักธรรมตรี อีกปีหนึ่งต่อมาสอบได้นักธรรมโท แต่ไม่นาน หลวงพ่อก็ตัดสินใจสึกออกมาเพราะเห็นว่าไม่มีใครช่วยบิดามารดาทำนา
จนกระทั่งหม่องเอ ซึ่งเป็นลูกของพี่สาวของบิดา ได้มาอาศัยอยู่ด้วย หลังจากที่บิดามารดาของหม่องเอเสียชีวิตจนหมดสิ้น ซึ่งเท่ากับว่ามีคนมาช่วยแบ่งเบาภาระในการทำนา และมีญาติซึ่งไว้วางใจได้มาคอยดูแลบิดามารดา หลวงพ่ออุตตมะจึงตัดสินใจอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดเกลาสะ โดยมีพระเกตุมาลา วัดเกลาสะ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระนันทสาโร วัดโมกกะเนียง เป็นพระกรรมวาจารย์ พระวิสารทะ วัดเจ้าคะเล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๖ ได้รับฉายาว่า “อุตตมรัมโภ” แปลว่า ผู้มีความพากเพียรอันสูงสุด” โดยหลวงพ่ออุตตมะได้ตั้งเจตจำนงที่จะบวชไม่สึกจนตลอดชีวิต
ด้วยความพากเพียรและใฝ่ใจในการศึกษาพระธรรม ในปี พ.ศ. ๒๔๗๔ หลวงพ่ออุตตมะ สามารถสอบได้ นักธรรมชั้นเอก ณ สำนักเรียนวัดปราสาททอง อำเภอเย จังหวัดมะละแหม่ง ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๘๔ สอบได้เปรียญธรรม ๘ ประโยค ที่สำนักเรียนวัดสุขการี อำเภอสะเทิม จังหวัดสะเทิม ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของคณะสงฆ์ในประเทศพม่า ขณะนั้น บ้านเมืองกำลังเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ หลวงพ่อจึงเดินทางกลับวัดเกลาสะ และได้รับมอบหมายให้เป็นอาจารย์สอนภาษาบาลีแก่ภิกษุสามเณร
ต่อมาท่านก็ลาพระอุปัชฌาย์เดินทางไปศึกษาวิปัสนากรรมฐานที่วัดตองจอย จังหวัดมะละแหม่ง และวัดป่าเลไลย์ จังหวัดมัณฑะเลย์ จนมีความรู้ความสามารถในเรื่องวิปัสนากรรมฐานตลอดจนวิชาไสยศาสตร์และพุทธคมเป็นอย่างดี ปี พ.ศ. ๒๔๘๖ หลวงพ่อจึงเริ่มออกธุดงค์เพื่อหาประสบการณ์
หลวงพ่ออุตตมะ ออกธุดงค์ไปตามที่ต่าง ๆ ในประเทศพม่า และเข้ามาประเทศไทยครั้งแรกทางจังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาทราบข่าวว่าพระเกตุมาลา พระอุปัชฌาย์กำลังอาพาธ จึงรีบเดินทางกลับพม่า จนกระทั่งพระเกตุมาลามรณภาพ ท่านก็ได้เดินทางเข้ามาประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง โดยครั้งนี้ หลวงพ่อเดินทางเข้ามาทางตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๙๒
และใน ปี พ.ศ. ๒๔๙๒ อันเป็นพรรษาที่ ๑๖ ของพระมหาอุตตมะรัมโภ พายุไต้ฝุ่นพัดจากทะเลอันดามัน สร้างความเสียหายให้กับชาวบ้านอย่างใหญ่หลวง โดยเฉพาะบ้านโมกกะเนียง และเกลาสะ มีผู้เสียชีวิตมากกว่าร้อยคน บ้านเรือนเหลือเพียงไม่กี่หลังคาเรือน ชาวบ้านลำบากยากแค้นแสนสาหัส ข้าวของอาหารการกินขาดแคลนกันทั่วหน้า
นอกจากภัยธรรมชาติแล้ว ชาวบ้านยังต้องประสบเคราะห์กรรมจากปัญหาความขัดแย้งในทางการเมืองอีกด้วย เนื่องจากการปะทะและต่อสู้ระหว่าง กองทหารของรัฐบาลพม่า กับกองกำลังติดอาวุธกู้ชาติ อีกทั้งกองกำลังกู้ชาติบางกลุ่มแปรตัวเองไปเป็นโจรปล้นสดมภ์ชาวบ้าน
ด้วยความเบื่อหน่ายเรื่องการรบราฆ่าฟันกัน ระหว่างชนเผ่า หลวงพ่ออุตตมะ จึงตัดสินใจจากบ้านเกิด มุ่งหน้าสู่ดินแดนประเทศไทย เป้าหมายที่แท้จริงของท่านในเวลานั้น คือเขาพระวิหาร ปรากฏว่าเมื่อชาวบ้านรู้ข่าวต่างเสียใจ ไม่อยากให้ท่านจากไป พากันร้องไห้ระงมด้วยความอาลัย ซึ่งท่านได้ชี้แจงการออกเดินทางของท่านว่า
“การไปของเราจะเป็นปรหิต เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น”
หลวงพ่ออุตตมะ เดินทางเข้าเมืองไทยในช่วงระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๙๒-๒๔๙๓ ทางหมู่บ้านอีต่อง ตำบลปิล็อก ชายแดนเขตจังหวัดกาญจนบุรี โดยได้รับความช่วยเหลือจากคนไทยสองคน ซึ่งมีเชื้อสายมอญพระประแดงที่มาทำเหมืองแร่ที่บ้านอีต่อง ทั้งคู่ได้จัดบ้านพักหลังหนึ่งให้เป็นกุฏิชั่วคราวของหลวงพ่อ มีชาวเหมืองจำนวนมากมาทำบุญกับหลวงพ่อ เนื่องจากพื้นที่บริเวณนั้นไม่มีวัดและพระสงฆ์เลย
เดิมทีนั้น คนไทยเชื้อสายมอญพระประแดงทั้งสอง ต้องการสร้างกุฏิถวายหลวงพ่ออุตตมะให้จำพรรษาอยู่ที่บ้านอีต่อง แต่หลวงพ่อไม่รับ เนื่องจากเกรงว่าจะกลายเป็นพระเถื่อนเข้าเมืองไทย ท่านจึงต้องการไปขออนุญาตจากพระผู้ใหญ่ที่ปกครองเขตปิล็อกเสียก่อน ทั้งสองจึงพาหลวงพ่ออุตตมะ มาจำพรรษาที่วัดท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี กับหลวงพ่อไตแนม ซึ่งเป็นชาวกะเหรี่ยงและอุปสมบทที่วัดเกลาสะเช่นเเดียวกับหลวงพ่ออุตตมะ
ปี พ.ศ. ๒๔๙๔ ขณะจำพรรษาที่วัดท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี หลวงพ่ออุตตมะมีโอกาสไปสักการะพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ทำให้หลวงพ่อได้พบชาวไทยเชื้อสายมอญ ที่มาจากเมืองต่าง ๆ เช่น แม่กลอง สมุทรสาคร มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งได้นิมนต์หลวงพ่อ ไปจำพรรษาที่วัดบางปลา ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร
หลังจากเดินทางกลับจากวัดบางปลา มาจำพรรษาที่วัดท่าขนุน หลวงพ่อไตแนมขอให้หลวงพ่ออุตตมะ ไปจำพรรษาที่วัดปรังกาสีซึ่งเป็นวัดร้าง บริเวณวัดปรังกาสีมีชาวกะเหรี่ยงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และบริเวณนั้นไม่มีพระหรือวัดอื่นเลย หลวงพ่อร่วมกับกำนันชาวกะเหรี่ยงนิมนต์พระกะเหรี่ยง จากตลอดแม่น้ำแควใหญ่และแควน้อยได้ ๔๒ รูป มาอยู่ปริวาสที่วัดปรังกาสี ๙ วัน ๙ คืน หลัง
จากนั้นก็สร้างกุฏิและเจดีย์ขึ้น หลวงพ่ออุตตมะนิมนต์พระกะเหรี่ยงมาจำพรรษาที่วัด ๓ รูป ท่านสอนภาษามอญแก่พระทั้ง ๓ รูปนี้ เพื่อเป็นพื้นฐานในการสอนธรรมะต่อไป
หลวงพ่ออุตตมะจำพรรษาอยู่วัดปรังกาสีหนึ่งพรรษา ต่อมาผู้ใหญ่ทุม จากท่าขนุนมานิมนต์หลวงพ่อไปเยี่ยมหลวงปู่แสงที่วัดเกาะ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ซึ่งเคยไปจำพรรษาที่วัดโมกกะเนียง เกลาสะ และมะละแหม่งมาก่อน และในพรรษานั้น หลวงพ่ออุตตมะได้จำพรรษาอยู่ที่วัดเกาะ ตามคำนิมนต์ของหลวงปู่แสง
ปี พ.ศ. ๒๔๙๔ ขณะที่หลวงพ่อจำพรรษาอยู่ที่วัดเกาะ มีคนมาแจ้งข่าวแก่หลวงพ่อว่า ที่กิ่งอำเภอสังขละบุรีมีชาวมอญจากบ้านเดิมของหลวงพ่ออพยพเข้าเมืองไทย ทางบีคลี่เป็นจำนวนมาก และต้องการนิมนต์หลวงพ่อไปเยี่ยม เมื่อหลวงพ่ออุตตมะออกจากจำพรรษา แล้วเดินทางกลับไปยังอำเภอทองผาภูมิ และไปยังอำเภอสังขละบุรี และพบกับคนมอญทั้งหมดที่มาจากโมกกะเนียง เจ้าคะเล และมะละแหม่ง บ้านเกิดของท่าน หลวงพ่อจึงพาชาวมอญเหล่านี้ไปอาศัยอยู่ที่บ้านวังกะล่าง นับเป็นจุดกำเนิดแรกเริ่มของชุมชนชาวมอญในสังขละบุรี
กำเนิดวัดหลวงพ่ออุตตมะ
ในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ หลวงพ่ออุตตมะ ร่วมกับชาวบ้านที่เป็นชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญได้พร้อมใจกันสร้างศาลาวัดขึ้น และสร้างเสร็จในเดือน ๖ ของปีนั้นเอง แต่เนื่องจากยังมิได้มีการขออนุญาตจากกรมการศาสนา วัดที่สร้างเสร็จจึงมีฐานะเป็นสำนักสงฆ์ แต่ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกว่า “วัดหลวงพ่ออุตตมะ” ตั้งอยู่บนเนินสูงในบริเวณที่เรียกว่า “สามประสบ” เพราะมีแม่น้ำ ๓ สายไหลมาบรรจบกัน คือแม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ และแม่น้ำรันตี
ในปี พ.ศ. ๒๕๐๕ เมื่อได้รับอนุญาตจากกรมการศาสนาเป็นที่เรียบร้อย หลวงพ่ออุตตมะจึงได้ตั้งชื่อสำนักสงฆ์ตามชื่ออำเภอเก่า (อำเภอวังกะ) ว่า “วัดวังก์วิเวการาม”
ในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ หลวงพ่อเริ่มสร้างพระอุโบสถวัดวังก์วิเวการามโดยปั้นอิฐเอง
ในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ หลวงพ่อได้เริ่มสร้างเจดีย์จำลองแบบจากเจดีย์พุทธคยาที่ประเทศอินเดีย และสร้างเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๒๙
ตำแหน่งด้านการปกครองคณะสงฆ์และสมณศักดิ์
ปี พ.ศ. ๒๕๐๔ เป็นเจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม
ปี พ.ศ. ๒๕๐๕ เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีสุวรรณาราม
ปี พ.ศ. ๒๕๐๙ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
ปี พ.ศ. ๒๕๑๑ เป็นพระอุปัชฌาย์
ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูอุดมสิทธาจารย์ ตำแหน่งเจ้าคณะตำบลชั้นโท
ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นพระครูเจ้าคณะตำบลชั้นเอก
ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ ที่ พระอุดมสังวรเถร
ปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็น พระราชอุดมมงคล
** หลวงพ่ออุตตมะ มรณภาพวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๔๙ **
ที่มา : www.monstudies.com (http://www.monstudies.com)
คำสอนของหลวงปู่อุตตมะ "เมตตาธรรมเท่านั้นที่จะเอาชนะทุกสิ่งทุกอย่างได้..."
กระโถนข้างวัด
13-05-2010, 13:14
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17939&stc=1&d=1344850739 http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=4988&d=1273731236
หลวงพ่อพระพุทธอุดมสุขทำด้วยหินอ่อนจากพม่า ซึ่งหลวงปู่สั่งทำด้วยราคา ๒๕ บาททองคำ
สมัยเมื่อมาถึงใหม่ ๆ เปรียบเทียบกันในปัจจุบันครับ
กระโถนข้างวัด
13-05-2010, 20:24
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=5015&d=1273757030
หลวงปู่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยากับหลวงปู่อุตตมะภายในวัดพระแก้ว
กระโถนข้างวัด
26-08-2010, 19:58
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=7322&stc=1&d=1344783466
:l43841274qn5:สมัยหลวงปู่ยังเเข็งเเรงท่านนั่งรับโยมบนศาลาไม้หลังเก่า กระทาชายนายหนึ่งดื่มสุราจนเช้า แต่วิสัยของชาวมอญในวันพระอย่างไรก็ต้องไปวัด
:onion_wink:พอเท้าก้าวขึ้นศาลาเท่านั้น กระโถนข้างหลวงปู่ก็ลอยละลิ่วมาถูกหัวหนุ่มคนนั้นทันที อะไรมันจะแม่นปานนั้น... ศาลาหลังนั้นก็ประมาณศาลาใหญ่วัดท่าขนุน ระยะประมาณท้ายศาลา กับตรงที่พระอาจารย์นั่งเป่ายันต์เห็นจะพอกัน
:onion_emoticons-23:หลังจากนั้น คำพรจากหลวงปู่ก็พรั่งพรูออกมา ใครจะลองที่วัดท่าขนุนบ้างผมก็ไม่ว่านะครับ แฮ่ ๆ
กระโถนข้างวัด
27-08-2010, 06:26
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=7327&d=1282865192
:d16c4689:ก่อนเข้าพักผ่อนคืนหนึ่งท่านถามว่า "พรุ่งนี้ฎีกาโยม(พระตำหนักพัทยา) กี่โมง" พวกเราก็บอกว่า ฉันเพลออกตอนแปดโมงเช้าก็ทันครับ (ออกจากสาย ๒ พุทธมณฑล)
ท่านก็ทำวัตรค่ำเสร็จ ก่อนเข้าห้องนอน ท่านก็หันมาสั่งว่า "พรุ่งนี้ออกตีสี่นะ"
พวกเราก็โอดครวญ (หลังจากท่านเข้าห้องแล้ว ฮ่า ๆ ขืนเป็นต่อหน้าก็ซวยสิครับพี่น้อง ) "โห ทำไมหลวงปู่ต้องรีบด้วย" ฎีกาก็บอกแล้วว่าสิบโมงเช้า :onion_you:
พอไปถึงพระตำหนักตอนเช้า "ฉันเช้าครับพี่น้องครับ" เจ้าพนักงานพิมพ์ฎีกาผิดหรือเขาเลื่อนขึ้นมาก็ไม่ทราบ ที่แน่ ๆ งานนั้นก็ยังสงสัยว่า ท่านไปเอาฎีกาใหม่มาจากไหน ? :onion_wink:
กระโถนข้างวัด
09-09-2010, 09:02
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=7546&d=1283997728
๑.หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ (พระสุธรรมคณาจารย์)
๒.หลวงพ่อฤๅษี (พระราชพรหมยาน)
๓.หลวงพ่ออุตตมะ อุตฺตมรมฺโภ (พระราชอุดมมงคล)
๔.หลวงพ่อพุธ ฐานิโย (พระราชสังวรญาณ)
นักศึกษาคนหนึ่ง
18-01-2012, 17:15
ท่านมีความเกี่ยวเนื่องกับวัดท่าขนุนผมเพิ่งทราบจากที่นี้
กระโถนข้างวัด
12-06-2012, 17:06
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17420&d=1339495588
พระคาถาภาวนาเวลาชักลูกประคำ ที่หลวงปู่ ใช้ คือ นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ มะอะอุ อุอะมะ
หรือ ถ้าจะใช้บทสั้นกว่านั้น ก็คือ อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ
แต่เท่าที่เคยได้ยิน คาถาชินบัญชร ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ท่านก็ใช้ด้วยครับ
กระโถนข้างวัด
13-06-2012, 14:02
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17443&d=1339570945
มีน้องที่ดูแลหลวงปู่เล่าว่า ขณะถวายการรับใช้หลวงปู่ นึกอยากจะไปกราบหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
จึงกราบเรียนท่านว่า "ขออนุญาตไปกราบหลวงพ่อสมเด็จฯ แล้วจะรีบกลับมาครับหลวงปู่" ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร
ครั้นพอไปถึงวัดทำวัตรค่ำเสร็จ หลวงพ่อสมเด็จฯ กำลังจะขึ้นพัก น้องเขากราบทำบุญ
ท่านหันมายิ้ม จับมือ แล้วกล่าวว่า "กลับไปบอกหลวงพ่ออุตตมะด้วยว่า เราได้มาเจอกันแล้ว และจะไปเยี่ยมท่านวันหลัง"
:onion_no:จึงสงสัยว่า ท่าน " โทรศัพท์ " หากันตอนไหน
กระโถนข้างวัด
14-06-2012, 08:04
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17446&d=1339636274
พระมหาสุชาติ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม รูปปัจจุบัน ท่านเล่าว่า
"คืนหนึ่งหลังจากทำวัตรค่ำเสร็จ หลวงปู่ท่านกำลังสวดมนต์ประจำวันใช้เวลาไม่ต่ำกว่า ๒ ชั่วโมง มีทั้งภาษาไทยและภาษามอญ หลวงพี่ก็ลุ้นว่าเมื่อไรจะจบเสียทีเนื่องจากง่วงด้วย ล้าจากกิจวัตรประจำวัน :4519626a:ท่านก็ว่าของท่านไปเรื่อย ทีนี้มีบทหนึ่ง พระอภิธรรม ๗ บท รู้จักไหม ? ท่านไม่ได้สวดนานแล้ว ภาษามอญนะ
เราก็ไปหยิบหนังสือมากางดู ไล่ตามทีละตัว ไม่ได้ตั้งใจจับผิดอะไร ดูตามไป ไม่น่าเชื่อ ไม่ผิดเลยสักคำ "อะ อา" อะไร ลงตามนั้นตรงเผงทุกคำเลย:4672615:
ท่านไม่เห็นหรอกว่าหลวงพี่ทำอะไร เพราะว่าท่านนั่งหน้าสุด เรานั่งหลัง พอจบ ท่านหันมาเลยนะ "ว่ายังไงมหาฯ..เราว่าผิดไหม ?"
หลวงพี่นี่หงายหลังตึงเลย กราบขอขมาแทบไม่ทัน ตั้งแต่นั้นมาก็เลิกนะ ฮ่า ๆ" :54bd3bbb::54bd3bbb:
จบดีกว่าเดี๋ยวเข้าตัว ...:onion_no::onion_no:
กระโถนข้างวัด
15-06-2012, 09:05
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17456&d=1339726402
หลังออกพรรษาปี พ.ศ. ๒๕๔๗ มีพระมาลาสิกขากับหลวงปู่ ท่านให้โอวาทแล้วบอกว่า "พระที่จะสึกนี่ อย่าไปที่ที่มีทะเลกันนะ..ช่วงนี้ " พระก็ทำหน้างง ๆ กัน แต่ไม่มีใครกล้าถามอะไรต่อ ท่านก็เงียบ:onion_you:
ภายหลังออกมา สืบสาวราวเรื่องกันได้ความว่า พระที่สึกวันนั้นตั้งใจจะไปเที่ยวทะเลที่ภูเก็ตกัน :onion_emoticons-17:
ต่อมา ประมาณต้นเดือนธันวาคมปีนั้นเอง หลวงปู่ก็นั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง เงียบอยู่นานเป็นชั่วโมง เราก็อยากรู้ว่า "ท่านคิดอะไรอยู่" ความในใจครูบาอาจารย์ ใครจะไปกล้าคาดเดา
เลยกราบเรียนถามท่านว่า "มีอะไรหรือครับ เห็นหลวงปู่มองออกไป เหมือนมีอะไร"
ท่านตอบว่า "เรากำลังดูน้ำ" พอจะถามต่อ ท่านก็ชวนคุยเรื่องอื่นเสีย ในใจตอนนั้นได้แต่คิดว่า "สังขละ มันจะมีปัญหาเรื่องนั้น ที่ไหนหนอ ก็เห็นน้ำท่าบริบูรณ์ดี เขื่อนหรือก็น้ำเต็มปีนี้ ":a03cbf1e::a03cbf1e:
สุดท้าย วันที่ ๒๗ ธันวาคม ปีนั้นเอง ก็เกิดสึนามิ (tsunami) ที่ประเทศไทย ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาล ปัญญาของครูบาอาจารย์เกินความคาดเดาของเราจริง ๆ
กระโถนข้างวัด
19-06-2012, 12:22
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17480&stc=1&d=1345340440
พระมหาสุชาติ สิริปญฺโญ ป.ธ.๙ เจ้าคณะอำเภอสังขละบุรี ท่านเล่าว่า หลวงปู่เห็นท่านท่องหนังสือ
ท่านก็ปรารภว่า "มหาฯ เรียนพระอภิธรรม เหมือนจับปลาในน้ำนะ เห็นเงาอยู่ไหว ๆ แต่พอจะจับกลับหายไปเสีย"
แล้วท่านก็ไม่ได้อธิบายต่อว่าปริศนาธรรมนี้ มีความหมายอย่างไร ...:onion_no:
"หลวงพี่เอง ก็ไม่ค่อยแน่ใจ ว่าท่านหมายความว่าอย่างไร"
แฮ่ ๆ กระผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ขอความเมตตาท่านพี่ด้วยครับ:875328cc::875328cc:
นางมารร้าย
19-06-2012, 13:12
หรือว่าหมายถึงเรียนแต่ทฤษฎี มันก็ได้แต่เห็นเงา ๆ
ต้องลงมือปฏิบัติด้วย ถึงได้ผล...ใช่หรือเปล่า
กระโถนข้างวัด
10-07-2012, 09:44
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18173&stc=1&d=1349047833
เช้าวันหนึ่งมีคนมากราบหลวงปู่ ด้วยท่าทีที่รีบร้อนกระวนกระวาย กราบเสร็จหลวงปู่ถามว่า "มีอะไรหรือโยม"
หนุ่มคนนั้น เรียนท่านว่า "ควายหายครับ "ไจ๊นง""
หลวงปู่บอกว่า "เดี๋ยวเราดูให้" ว่าแล้วท่านก็ไปหยิบหนังสือข้างตัวมาเปิด พลิกไปพลิกมาสองสามหน้า
แล้วท่านก็บอกว่า "โยมกลับไปรอที่บ้านเถอะ เดี๋ยวตอนเย็นจะเจอเอง"
ใครจะไปเชื่อ "ควายหายทั้งตัวนะครับ "ไจ๊นง"" ไม่ใช่ตัวละบาทสองบาทเมื่อไร แต่ก็ขัดหลวงปู่ไม่ได้ต้องกลับบ้านไป
เช้าวันรุ่งขึ้นหนุ่มคนเดิมนี่เอง หอบลูกจูงหลาน เอามะพร้าว ข้าวปลา ดอกไม้ ธูปเทียน ใส่กาละมังมา กราบขอบพระคุณหลวงปู่เป็นการใหญ่
ถ้าตำราแม่นขนาดนี้ อยากจะได้สักเล่มจริง ๆ ให้ดิ้นตาย กลับไปเปิดหนังสือเล่มนั้นดู เอาไปให้พระท่านช่วยอ่าน
อ้าว..! กลายเป็นบทสิบสองตำนานไปเสียอย่างนั้น เฮ้อ จบกัน ความหวังเรา :onion_no:
กระโถนข้างวัด
12-07-2012, 20:06
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17692&d=1342098350
พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย) วัดป่าสาลวัน จังหวัดนครราชสีมา เคยกล่าวถึงหลวงปู่ว่า "ท่านได้รับคำพยากรณ์แล้ว และเป็นหนึ่งในอนาคตวงศ์ด้วย"
กระโถนข้างวัด
13-07-2012, 06:38
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17693&d=1342136314
กิจวัตรประจำวันของหลวงปู่มีดังนี้
๑. เวลา ๑๘.๐๐ น. ให้สวดมนต์ภาวนา
๒. เวลา ๒๑.๐๐ น. เริ่มพิจารณาพระกรรมฐาน
ย้อนอดีตไปดูในแต่ละวันว่าทำผิดสิ่งใด แก้ไขแล้วอย่างไรบ้าง
๓. เวลา ๒๔.๐๐ น. จงกรมนอกกลดในเขตหัตถบาส
๔. เวลา ๐๒.๐๐ น. พักผ่อน
๕. เวลา ๐๔.๐๐ น. พิจารณารับอรุณ
กระโถนข้างวัด
16-07-2012, 09:00
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17698&d=1342404025
วัวกับภูเขา ก็เหมือนเรากับอุปสรรค
หลวงปู่เล่าพลางชี้มือไปนอกศาลาให้ดูวัวที่เล็มหญ้าที่เนินเขาว่า " การที่เราจะทำงานต่าง ๆ ให้สำเร็จ
เป็นธรรมดาที่จะต้องมีอุปสรรค ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทำ อย่าวู่วาม
ใช้ปัญญาพิจารณา อย่ามุ่งเอาเเต่ประโยชน์สุดท้ายอย่างเดียว "
" โน่น เห็นวัวไหม ? "
" เห็นครับหลวงปู่ ทำไมหรือครับ ? "
" มันก็เหมือนกับวัวตัวนั้น ถูกเขาต้อนขึ้นไปบนเนินเขา "
" เดินไปพลาง เล็มหญ้าไปพลาง ไม่นานดอก เนินเขาก็ต้องอยู่ใต้ท้องวัวจนได้ "
กระโถนข้างวัด
17-07-2012, 10:05
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17728&d=1342494309
ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ วัดเกาะวังไทร นิมนต์หลวงปู่ไปงานที่วัด และขอจัดสร้างเหรียญที่ระลึกในงานนี้ด้วย
สมัยนั้น การเดินทางจากวัดโดยทางรถยนต์ไม่สะดวก ต้องนั่งเรือล่องตามแม่น้ำมา ซึ่งใช้เวลานาน ทหารจึงจัดเฮลิคอปเตอร์ หรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า " ฮ. " มารับท่านไปงาน
ในวันนั้น ท่านนำเหรียญบรรรทุกไปด้วย พอถึงวัดเกาะวังไทร ท่านก็ลงจากเฮลิคอปเตอร์ นักบินก็จะนำเครื่องกลับ แต่ทำอย่างไรเครื่องก็บินไม่ขึ้น จึงขอให้หลวงปู่ช่วยตรวจดูให้
หลวงปู่พิจารณาแล้ว บอกว่า " ลืมเอากล่องเหรียญลงมาจากเครื่อง "
พอนักบินยกกล่องเหรียญลงมา เครื่องก็สามารถบินกลับฐานได้ตามปรกติ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้น จึงพากันเรียกเหรียญ รุ่นนี้ว่า " เหรียญ รุ่น ฮ.ไม่ขึ้น "
กระโถนข้างวัด
25-07-2012, 10:58
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17836&d=1343188729
เมื่อเริ่มสร้างเขื่อนเขาแหลมนั้น วิทยาการในการสร้างยังไม่ทันสมัยเท่ากับในปัจจุบัน
พอสร้างเสร็จ ระบบการตรวจจับ บอกได้ว่า เขื่อนรั่ว แต่จะรั่วจุดไหน อย่างไร ต้องใช้กำลังคนเข้าไปสำรวจ
วิศวกรค้นหาอย่างไรก็ไม่พบ จนปัญญาจริง ๆ ทั้งคณะจึงมากราบขอร้อง ให้หลวงปู่ช่วย
ท่านเองก็ไม่ได้จบวิศวกรรมศาสตร์ ใบประกอบวิชาชีพ กว. ก็ไม่มี
ได้แต่อาศัยเปิดตำรา" โลกวิทู " แล้วก็ชี้จุดให้เขาไป
เมื่อทางการซ่อมเขื่อนที่ชำรุดแล้วเสร็จ น้ำในเขื่อนเพิ่มระดับทันที และท่วมวัดทันใจด้วยเช่นกัน
หลวงปู่ท่านสั่งให้ย้ายทั้งวัด และหมู่บ้านมอญ หนีน้ำมา ณ จุดที่สร้างวัดใหม่ในปัจจุบันทันที
แล้วท่านก็ปรารภแบบอารมณ์ดี ว่า " เราไม่น่าช่วยเขาเลย น้ำท่วมวัด หนีแทบไม่ทัน "
กระโถนข้างวัด
26-07-2012, 10:06
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17856&d=1343271997
พูดถึงเรื่องวิศวกรแล้ว นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ มีรายการโทรทัศน์ มาถ่ายทำรายการที่วัด พร้อมขอสัมภาษณ์หลวงปู่ด้วย
หนึ่งในคำถาม ก็คือ " หลวงพ่อครับ ใครเป็นวิศวกรควบคุมการก่อสร้างสะพานครับ ? "
หลวงปู่ตอบ พร้อมกับชี้มือไปที่ตัวท่านเอง ว่า " วิศวกรหรือ นั่งอยู่นี่อย่างไร นี่แหละคนนี้เอง ฮ่า ๆ " :54bd3bbb:
กระโถนข้างวัด
06-08-2012, 16:09
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17937&stc=1&d=1344782870
มีโยมหน้าใหม่ มาแต่บ้านไกล จะขอถวายน้ำส้มคั้นมือ อธิษฐานมาตั้งแต่ ที่บ้านว่า " ธรรมใดที่ท่านเจ้าคุณ รู้แล้ว ขอให้ดิฉันมีส่วนแห่งธรรมนั้นด้วยเถิด เจ้าข้า"
มาถึงกุฏิ ก็ยืนหน้าประตู จะเข้าก็ไม่เข้า อยู่เช่นนั้น สองสามรอบ หลวงปู่เห็นเข้า เรียกให้เข้า ก่อนท่านให้พร ท่านก็สัพยอกเอาว่า " ถวายน้ำส้มแก้วเดียว จะเอายันนิพพานเลยหรือโยม ? "
กระโถนข้างวัด
11-08-2012, 07:34
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17934&stc=1&d=1344784352
เรื่องนี้ข้าพเจ้าไม่ได้ยินจากหลวงปู่เอง แต่คุณอภิรักษ์ จุฬาสินนท์ เล่าให้ข้าพเจ้า ฟังว่า
ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๔๐ มีผู้ถามท่านว่า " หลวงปู่ครับ ถ้าหลวงปู่ละสังขารแล้ว จะไปที่ไหนครับ ? "
หลวงปู่ นิ่งไปสักครู่ แล้วบอกด้วยน้ำเสียงเรียบและเบาว่า " เราจะไปพรหม "
สืบเนื่องจากเรื่องนี้เอง จึงมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง สร้างพระพรหมมาให้หลวงปู่เสก ท่านก็สั่งให้นำเข้าพิธีทุกครั้งในระยะหลังของชีวิต
แต่เป็นที่น่าเเปลกใจว่า เมื่อมีผู้กราบเรียนถามถึงเหรียญรุ่นนี้ ท่านมักจะบอกปัด ไม่ยอมให้เอาออกมาแจก หรือให้บูชาทุกครั้ง
โดยบอกเพียงสั้น ๆ ว่า" เก็บไว้ก่อน " เท่านั้น
กระโถนข้างวัด
13-08-2012, 12:45
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17938&stc=1&d=1344837019
ข้าพเจ้าเห็นว่า หลวงปู่ไม่ค่อยใช้บริการทันตแพทย์เท่าไรนัก แถมฟันท่านยังเเข็งแรงดี จึงแอบถามท่านว่า " หลวงปู่ ใช้ยาสีฟัน ยี่ห้ออะไรครับ ? "
ท่านเห็นข้าพเจ้าถาม แทนที่ท่านจะตอบ กลับใช้ให้ข้าพเจ้าไปหยิบกระปุกยาในห้องมาดม
เมื่อเปิดออกดู แทนที่จะพบยาสีฟัน กลายเป็นเกลือป่นสีเขียวอ่อน ท่านสั่งให้ดมดู กลิ่นเหมือนผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว แต่ไม่ทราบว่าเป็นอะไร
ท่านเฉลยว่า " เป็นมะเฟืองกลั่นกับเกลือ ดีกว่าเกลือธรรมดา เพราะช่วยรักษารากฟัน "
อ๋อ...ยี่ห้อนี้นี่เอง แล้วจะซื้อได้ที่ห้างฯ อะไรครับ หลวงปู่ แฮ่ ๆ
กระโถนข้างวัด
15-08-2012, 07:07
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17942&stc=1&d=1344989242
มีผู้นำเจ้าแม่กวนอิมมาขอให้หลวงปู่เสก ท่านมองไปที่รูปเจ้าแม่กวนอิม แล้วพูดกับพระที่นั่งอยู่ด้วยว่า
" เดี๋ยวนี้ อะไร ๆ ก็เสกเป็นพระไปหมด ทำอะไรก็ต้องให้เป็นแบบนั้น เสกเจ้าแม่กวนอิม ก็ต้องให้เป็นเจ้าแม่กวนอิม เสก ร.๕ ก็ต้องให้เป็น ร.๕ "
กระโถนข้างวัด
16-08-2012, 07:39
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17945&stc=1&d=1345078597
มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ถามหลวงปู่ว่า " หลวงปู่ครับ พระของหลวงปู่ หารุ่นแรกไม่ได้ ใช้รุ่นไหนดีครับ ? "
หลวงปู่ท่านตอบกลับมาว่า " เรื่องศาสนานั้น ยิ่งนาน ยิ่งดี "
ผู้ถามหันมาพูดกับข้าพเจ้าว่า " นั่นอย่างไร..ไอ้หนู กลายเป็นคนละเรื่องกันเสียแล้ว " :4672615:
กระโถนข้างวัด
17-08-2012, 06:02
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17947&stc=1&d=1345164925
ตอนนั้น มีงานเสกพระรุ่นหนึ่ง หลวงปู่โต๊ะ ท่านทราบข่าวว่า หลวงปู่มาด้วย จึงขอพบหลวงปู่
ตอนหนึ่งที่ท่านถามหลวงปู่ ก็คือ ท่านอยากทราบว่า " ทางมอญนั้น เขาเสกพระกันอย่างไร ? "
หลวงปู่ก็เรียนท่านไปว่า " ธรรมเนียมมอญนั้น ไม่มีการเสกพระ เพราะเชื่อว่า พระพุทธเจ้าท่านสำเร็จแล้ว มีแต่การสวดสรรเสริญคุณพระเท่านั้น "
กระโถนข้างวัด
18-08-2012, 06:39
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17951&stc=1&d=1345252358
หลวงปู่ท่านเมตตาสอนเกี่ยวกับการเรียนไว้ว่า
" การเรียนปริยัติ เขาให้เรียนลง บางคนเรียนไปแล้ว คิดว่าตัวเองเรียนสูง เกิดมานะ กิเลสเพิ่ม "
" แท้ที่จริงแล้ว เรียนไปแล้ว จิตใจต้องอ่อนลง ผู้มีมานะแบบนี้ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า สอนยากเหลือเกิน "
กระโถนข้างวัด
19-08-2012, 06:16
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17952&stc=1&d=1345331492
วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๐ หลวงปู่ได้รับการถวายพัดยศจากรัฐบาลพม่า ในนามของ "อภิธัชชะ อัคคะมหาสัทธัมมะโชติกะ"
กระโถนข้างวัด
20-08-2012, 07:37
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17953&stc=1&d=1345422906
ปี พ.ศ. ๒๕๒๒ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นเอก ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระครูอุดมสิทธาจารย์
กระโถนข้างวัด
21-08-2012, 09:35
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17957&stc=1&d=1345516581
พ.ศ. ๒๕๒๔ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระราชาคณะชั้นสามัญ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระอุดมสังวรเถร
กระโถนข้างวัด
21-08-2012, 19:28
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17959&stc=1&d=1345553257
พ.ศ. ๒๕๓๔ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระราชาคณะชั้นราช ฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ พระราชอุดมมงคล พหลนราทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
กระโถนข้างวัด
22-08-2012, 09:07
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17961&stc=1&d=1345601488
มีลูกศิษย์คนหนึ่งเป็นเนื้อร้าย แพทย์ไม่สามารถรักษาได้แล้ว เมื่อป่วยหนัก ทำอะไรไม่ได้ ก็นึกถึง " พระ "
พระท่านก็ให้ " ผงขี้เถ้าธูป " ในกระถางที่บูชาพระในโบสถ์ไปกิน คราวนี้ แพทย์อ่านผลว่าไม่พบเนื้อร้ายแล้ว แต่พบอักษร " เย ธัมมา " แทน
พระสงฆ์รูปนั้น เวลาต่อมาก็คือ หลวงปู่พระราชอุดมมงคล นี่เอง:4672615:
กระโถนข้างวัด
23-08-2012, 08:07
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17965&stc=1&d=1345683953
เรื่องนี้ พี่รักษ์เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า เมื่อหลวงปู่กลับจากโรงพยาบาล พี่รักษ์ต้มน้ำขิงไปถวายหลวงปู่ที่วัด ความที่กลัวจะไปไม่ทันก่อนท่านเข้าพัก รีบจนลืมดับฟืนไฟ นึกได้เอาจวนจะถึงวัด
ทำอย่างไรดีทีนี้ เมื่อไม่มีที่พึ่ง ก็นึกถึง " หลวงปู่ " ช่วยผมด้วย งานนี้ไฟไหม้บ้าน กลับไปเมียด่าแน่ สมัยนั้นโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็ยังไม่มีใช้ เมื่อเห็นปั๊มน้ำมัน ก็เข้าไปขอโทรศัพท์เขาใช้ บอกญาติให้ไปดู เพราะที่บ้านวันนั้นไม่มีใครอยู่เลย
พอพี่รักษ์ไปถึงวัด หลวงปู่พูดทันทีว่า " วันหลังก่อนออกจากบ้านให้ระวัง ดูฟืนดูไฟให้ดี ดับให้เรียบร้อย " ถวายน้ำขิงเสร็จ กลับมาบ้าน ปรากฏว่าหม้อละลายก้นทะลุเเล้ว นอกจากนั้นไม่มีอะไรเสียหาย ถ้าไม่ได้หลวงปู่ช่วยไว้ เห็นทีจะแย่แน่ ๆ
:4672615:
กระโถนข้างวัด
24-08-2012, 08:16
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17972&stc=1&d=1345770934
หลวงปู่ท่านมีความเคารพในพระพุทธเจ้ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านจะให้ความสำคัญ กับการบูชา "พระบรมสารีริกธาตุ" มากเป็นพิเศษ
ทุกครั้งที่มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากต่างประเทศมา ท่านจะสั่งให้พวกเราไปกราบให้ได้ทุกครั้ง โดยจะย้ำเสมอว่า " อย่าลืมต้องไปกราบให้ได้นะ "
กระโถนข้างวัด
25-08-2012, 06:49
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17975&stc=1&d=1345852155
คราวหนึ่ง เพื่อนของข้าพเจ้าเตรียมพระธาตุไปถวายหลวงปู่ ๙ องค์ โดยแยกเตรียมไว้ที่บูชาตรงหัวนอนเพราะกลัวจะลืม
เมื่อไปถึงวัดเปิดออกดูกลับเพิ่มเป็น ๑๒ องค์ พอถวายหลวงปู่ แทนที่ท่านจะส่งให้พี่ที่อยู่รับใช้เก็บ ท่านรับแล้วนำใส่ในย่ามของท่านทันที :4672615:
กระโถนข้างวัด
26-08-2012, 06:36
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17977&stc=1&d=1345937616
หลวงปู่ท่านเล่าว่า ตอนปักกลดในป่า มีช้างมาร้องโกญจนาท แผดเสียงดังมาก เหมือนจะเข้ามาทำลายกลด ท่านเองคิดในใจว่า
" ช้างจะมาทำอะไรก็ช่าง ในเมื่อเราสละร่างกายแล้ว ไม่คิดว่าเป็นของเราแล้ว จะเกิดอะไรก็ช่างมัน " คิดเท่านั้น ช้างก็จากไป
กระโถนข้างวัด
27-08-2012, 08:05
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17980&stc=1&d=1346051680
หลวงปู่ท่านเคยเล่าถึง พระพุทธบาทสี่รอยเอาไว้ว่า " เราเคยไปพระบาทสี่รอยมาเหมือนกัน เมื่อเข้ามาประเทศไทยใหม่ ๆ ประมาณ ปี พ.ศ. ๒๔๙๐ "
ข้าพเจ้ากำลังจะถามต่อว่า " รอยพระพุทธบาทนี้ เป็นของจริงหรือไม่ ?"
ท่านก็พูดออกมาเสียก่อนว่า " ที่เห็นนั่น พระพุทธเจ้าท่านมาประทับรอยพระพุทธบาทไว้จริง ๆ นะ "
กระโถนข้างวัด
28-08-2012, 08:12
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17985&stc=1&d=1346116338
สมัยก่อนหลวงปู่อาพาธหนัก ถึงกับอาเจียนเป็นเลือด โยมเห็นดังนั้น จึงไปตามหมอดักลาส
ซึ่งเป็นมิชชันนารีมารักษา หมอตรวจเสร็จแทนที่จะวินิจฉัยโรคและให้ยา กลับบอกว่า " โดนอาคมไสยศาสตร์ ทั้งยังบอกอีกว่าที่อเมริกาก็มีด้วยเช่นกัน "
หลวงปู่จึงบอกว่า ไม่เป็นไร ท่านจะรักษาตัวเอง แล้วท่านก็ไปนั่งสวดมนต์หน้าที่บูชา ตั้งแต่เย็นจนถึงเช้า และฉันเพียงน้ำในบาตรเท่านั้น
รุ่งเช้า อาการก็ดีขึ้น หมอดักลาสจึงมาขอยาของหลวงปู่ ท่านตอบว่า " ฉันน้ำมนต์กับส้มป่อย หมอจะเอาบ้างไหม ? "
กระโถนข้างวัด
29-08-2012, 09:01
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17990&stc=1&d=1346205905
สมัยก่อนที่สังขละบุรีเป็นไข้ป่ากันมาก หลวงปู่จึงสั่งให้กลั่นสะเดาป่าทำยา ท่านว่า " มันเข้มกว่าควินิน "
เมื่อคนไข้มากขึ้น ยาก็ต้องกลั่นมากตามไปด้วย ตชด. หวังดีจึงนำขวดแม่โขงมาให้บรรจุยา
เป็นเรื่องขึ้นมาเลยทันที สรรพสามิตมาถึงวัดเลยทีเดียว เพราะข่าวไปถึงในเมืองว่า " หลวงพ่อกลั่นเหล้าจนขวดแม่โขงเต็มวัด "
พอมาถึงเห็นเป็นยาเลยพูดแก้เขินว่า "ผมก็นึกว่าทางวัดต้มเหล้า" หลวงปู่ตอบหน้าตาเฉยว่า "ต้องต้มสิ สังขละฯ หนาวจะตายอยู่แล้วนี่"
กระโถนข้างวัด
30-08-2012, 09:22
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17991&stc=1&d=1346293350
หลวงปู่ท่านกล่าวถึงการกู้ชาติว่า " เราไม่มีแผ่นดินจะอยู่นี้เพราะอะไร ? เพราะเรื่องกู้ชาติใช่หรือไม่ ?
ตอนนี้เราต้องมาอาศัยแผ่นดินไทยอยู่ เพราะฉะนั้น อย่าคิดทำอะไรให้เดือดร้อนอีกเลย "
กระโถนข้างวัด
31-08-2012, 10:11
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17995&stc=1&d=1346383778
ครั้งหนึ่ง ลุงมะเกิงตามหลวงปู่ไปช่วยพระถางหญ้าและตัดต้นไม้ที่คลุมพระเจดีย์สามองค์
เกิดปัญหาถามหลวงปู่ว่า " พระถางหญ้าได้ด้วยหรือครับหลวงพ่อ ? " หลวงปู่ตอบกลับหน้าตาเฉยว่า " เรามากวาดเจดีย์ต่างหาก "
ลุงมะเกิงจึงกระเซ้าหลวงปู่ว่า " วินัยนี้ ไปได้หลายอย่างนะครับหลวงพ่อ " :4672615:
กระโถนข้างวัด
01-09-2012, 07:07
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=17997&stc=1&d=1346458004
วันหนึ่งข้าพเจ้ากับพี่ ๆ แพทย์ทหาร เข้าเวรถวายรับใช้หลวงปู่ที่โรงพยาบาลตามปกติ
เราก็คุยกันเบา ๆ ว่า " ปีนี้ ดูหลวงปู่แก่ลงไปมาก ไม่อยากให้ท่านรับนิมนต์ไปไหนอีกเลย " ซึ่งพี่ ๆ ก็เห็นตรงกับข้าพเจ้า
พอเราเข้าไปในห้อง ท่านก็พูดขึ้นมาทันทีว่า " เรายังไม่แก่นะ ดูนี่ " แล้วท่านก็ทำท่ากระฉับกระเฉง ให้พวกเราดู
บรรยากาศตอนนั้น ข้าพเจ้ายังจำได้ว่า จะขำก็ไม่ขำ จะเศร้าหรือก็ไม่เชิง พวกเราก็เลยได้แต่เงียบ ๆ เรื่องนี้กันไป
กระโถนข้างวัด
02-09-2012, 07:02
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18001&stc=1&d=1346544133
ปลายปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ขณะที่หลวงปู่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล แพทย์ลงความเห็นว่า อาการหลวงปู่ดีขึ้น และคาดว่าน่าจะกลับวัดได้ภายในวันพรุ่งนี้
แต่เช้าวันนั้น หลวงปู่กลับปรารภว่า "ให้ห่มจีวรเตรียมไว้ให้ด้วย" ข้าพเจ้าก็กราบเรียนถามว่า "หลวงปู่จะไปไหนครับ หมอน่าจะให้กลับพรุ่งนี้ ?"
ท่านตอบข้าพเจ้าว่า "กลับอะไร หมอจะเอาเราไปตรวจตอนบ่ายนี้แล้ว มีสายระโรงระยางอะไรก็ไม่รู้ เต็มไปหมด"
พี่ ๆ ก็ไม่กล้าขัดท่าน หลังจากช่วยกันห่มจีวรถวายให้หลวงปู่แล้ว บ่ายวันนั้นเอง อาการท่านทรุดลง แพทย์แจ้งว่าจะต้องมีการเจาะเลือดเพื่อฟอกไต
หากข้าพเจ้าจำไม่ผิด ตั้งแต่นั้นมา หลวงปู่ก็ไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลอีกเลย
กระโถนข้างวัด
03-09-2012, 08:35
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18009&stc=1&d=1346636053
เรื่องการขบฉันของหลวงปู่ ข้าพเจ้าเคยถวายรับใช้ตอนท่านฉัน ส่วนมากจะเป็น "ผักลวกและน้ำพริกกะเหรี่ยง"
ซึ่งท่านเมตตาสอนไว้ว่า" ฉันวันละ ๓๒ คำ ก็พอแล้ว พอที่จะเลี้ยงร่างกายนี้ให้ปฏิบัติอยู่ได้แล้ว "
กระโถนข้างวัด
04-09-2012, 06:56
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18013&stc=1&d=1346717512
มีคนมากราบหลวงปู่ กราบเสร็จ หลวงปู่พูดว่า " วันนี้ไม่ไปได้ไหม ? วันไม่ดี ทิศที่จะไปก็ตรงกับทิศผีหลวง อยู่ฟังเราเทศน์ดีกว่าไหม ? "
คนที่มากราบก็เรียนท่านว่า " อยู่ไม่ได้ครับหลวงพ่อ ผมมีธุระกับเพื่อนจริง ๆ เกรงว่าจะเสียผู้ใหญ่ "
หลวงปู่ท่านก็ยังเมตตาห้ามอีกว่า " แล้วลูกเมียจะกลับบ้านอย่างไร ? อย่าไปเลยวันนี้ ไว้วันหลังดีกว่า "
เขาก็ไม่ฟังหลวงปู่ ตัดบทด้วยการกราบลา แล้วบอกว่า บ้านใกล้ ลูกและภรรยาเดินกลับเองได้
พวกเราก็มาทราบเรื่องภายหลังว่า พี่เขานัดเพื่อน ไปเล่นพนัน เสียเงินไปเป็นแสน ต้องบากหน้าไปหาเงินมาใช้หนี้อีก
กระโถนข้างวัด
05-09-2012, 08:44
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18019&stc=1&d=1346815164
เมื่อเข้ามาในประเทศไทยใหม่ ๆ ความตั้งใจอย่างหนึ่งของหลวงปู่ ก็คือ
การได้เข้าไปกราบสักการะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ในพระบรมมหาราชวัง
หลวงปู่เล่าว่า ท่านเห็นนิมิตเป็นภาพพระบรมสารีริกธาตุในองค์พระแก้วมรกต
แม้จะไม่ชัดเจนนัก แต่ท่านก็เกิดปีติ ตัวเบา อิ่มเอิบใจเป็นอย่างยิ่ง และที่สำคัญ..ภาพนั้นยังติดใจท่านอยู่เสมอ
กระโถนข้างวัด
06-09-2012, 10:24
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18022&stc=1&d=1346900070
หลวงปู่เล่าเรื่อง "ช้างสีดอ" ให้ฟังว่า ท่านไปเจอช้างตัวใหญ่มาก ขนาดรอยเท้าเกือบ ๒ ศอก ที่พระเจดีย์สามองค์ คราวที่ไปบูรณะพระเจดีย์
พอหลวงปู่ทาสีเจดีย์เสร็จ ก็ยกฉัตรแบบมอญมาสวมไว้ ไม่เกิน ๒ วัน สีดอก็มารื้อออก ท่านเลยเปลี่ยนใหม่เป็นแบบพม่า สีดอก็มารื้อทิ้งอีก
สุดท้ายท่านทำฉัตรแบบไทยมาประดับ พร้อมบอกกับสีดอว่า "ชฎาเราทำมาหลายสตางค์นะสีดอ ใส่ไว้ไม่กี่วันสีดอก็มาเอาออกแล้ว"
คราวนี้สีดอเอางวงมาลูบฉัตร แต่ไม่รื้อทิ้ง ชาวบ้านเห็นสีดอชาตินิยมเช่นนั้น จึงพากันขนานนามว่า "ช้างพระนเรศวร"
กระโถนข้างวัด
07-09-2012, 06:43
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18034&stc=1&d=1347063717
วัตถุมงคลของหลวงปู่ที่เลื่องชื่อที่สุด ก็คือ ประคำ
แต่ท่านกลับบอกเสมอว่า "สิ่งเหล่านี้เป็นเปลือกเท่านั้น คุ้มครองได้ก็แต่ร่างกายในชาตินี้
ถ้าอยากเอาดีจริงก็ต้องปฏิบัติตามคำสอนพระบรมศาสดา ถึงจะเป็นของดีจริง"
พวกข้าพเจ้าก็ตอบท่านไปว่า ตอนนี้เอาประคำก่อน ส่วนพระธรรมไว้ทีหลังครับหลวงปู่ เท่านั้นเองพวกก็ขำกันท้องคัดท้องเเข็ง
กระโถนข้างวัด
08-09-2012, 06:56
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18032&stc=1&d=1347062186
หลวงปู่วาง "กฎ" ที่ห้ามละเมิดภายในหมู่บ้านไว้ว่า
๑.ห้ามดื่มสุรา
๒.ห้ามเล่นการพนัน
๓.ห้ามลักขโมย
๔.ห้ามผิดลูกผิดเมีย
กระโถนข้างวัด
09-09-2012, 03:40
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18035&stc=1&d=1347136301
หลวงปู่เปรียบเทียบถึงการใช้ชีวิตเอาไว้ว่า จะเป็นเช่นสัตว์ชนิดใด
ระหว่าง "เสือ" มีอำนาจ สัตว์อื่นเกรงกลัว แต่ต้องอยู่เพียงลำพังโดดเดี่ยว
หรือจะเป็นเช่น "กวาง" อ่อนโยน รู้จักหลบหลีกภัยอันตราย เป็นสุขอยู่กับฝูง
กระโถนข้างวัด
10-09-2012, 10:33
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18038&stc=1&d=1347244684
หลวงปู่ท่านเล่าถึงตอนที่ท่านโดนโจรจับตัวไป เพราะคิดว่าเป็นสายลับให้ตำรวจ แล้วบังคับให้ท่านไปนั่งบนห้างไม้ไผ่ที่หน้าผาว่า
"เราคิดว่า อนิจจัง อนิจจา วันนี้ได้พบธรรมะแน่แล้ว โจรมันยึดหมด จะมีก็แต่บาตรที่เราขอไว้ ในบาตรก็มีพระบัวเข็มองค์หนึ่งเท่านั้น
เราก็สวดมนต์บูชาพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ไปเรื่อย พอโจรจะยิงเราก็ปรากฏว่า หัวหน้าโจรคือ เด็กที่เราเคยช่วยชีวิตไว้ เขาก็เลยปล่อยเรา
สุดท้าย...เรารอดมาได้ ก็เพราะกรรมฐานนี่แหละช่วยชีวิตเอาไว้ "
กระโถนข้างวัด
11-09-2012, 09:53
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18041&stc=1&d=1347331991
หลวงปู่เล่าถึงตอนไปธุดงค์ที่ชายหาดเกาะสองว่า ท่านไปเจอสิ่งที่ชาวบ้านเรียกว่า "ปอบน้ำ"
"มีดวงไฟสองลูกมาลอยวนอยู่รอบกลดตลอดคืน แต่เเปลกที่ไฟนั้นแทนที่จะมีกลิ่นไหม้ กลับเป็นกลิ่นเหม็นเน่าอย่างรุนแรง
เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาทำอะไร ได้แต่แผ่เมตตาไปแล้วบอกว่า "ท่านทั้งหลายไม่ต้องมาแสดงตัวหรอก เรามาธุดงค์แล้วไม่คิดกลัวตาย"
สักครู่หนึ่ง ดวงไฟนั้นก็ลอยลับไปทางท้ายเกาะ และไม่มาให้เห็นอีกเลย
กระโถนข้างวัด
12-09-2012, 18:34
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18058&stc=1&d=1347449647
หลวงปู่ท่านสอนคาถา เวลาที่เราจำเป็นต้องถ่ายปัสสาวะ ในที่ที่ไม่น่าไว้วางใจเพื่อไม่ให้เกิดโทษแก่ตัว
หากเราหันหน้าไปตรงกับกับทิศผีหลวง โดยให้ภาวนาดังนี้ " พุทธะชิโน ธัมมะชิโน สังฆะชิโน " :4672615:
นางมารร้าย
13-09-2012, 09:14
หากเราหันหน้าไปตรงกับกับทิศผีหลวง โดยให้ภาวนาดังนี้ " พุทธะชิโน ธัมมะชิโน สังฆะชิโน " :4672615:
ทิศผีหลวงคืออะไรคะ รบกวนขอคำอธิบายเพิ่มเติมหน่อยได้ไหมคะ ถ้าหมายถึงทิศที่มีผีหลวง ผีหลวงคืออะไรคะ
สายท่าขนุน
13-09-2012, 10:57
จำได้เลา ๆ ว่ามีในตำราพรหมชาติ ดังอ้างอิง :
http://www.myhora.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C/%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%9C%E0%B8%B5%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87-%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81-027.aspx
ในการทำการมงคลสำคัญ หรืออื่น ๆ นอกจากเคร่งครัดเรื่องวันมงคล วันดี ฤกษ์ ยาม แล้ว ยังมีทิศทางในการทำมงคลสำคัญนั้นด้วย ซึ่งตำราที่ใช้กันบ่อยและยึดถือกันมาก คือ ทิศผีหลวง ทิศหลาวเหล็ก ครั้งโบราณชาวบ้านไม่ค่อยทราบกำหนดฤกษ์ยาม เพราะตำรายังไม่แพร่หลาย ยังไม่มีเครื่องมือฤกษ์ยามมากนัก ในการเดินทางไกล หรือทำการสำคัญ จะดู ทิศผีหลวง และ ทิศหลาวเหล็ก โดยเลือกจากแม่ไก่ตัวหนึ่งในเล้า ดูว่าแม่ไก่ตั้วนั้นกกไข่หันหน้าระวังป้องกันไปทางทิศใด ก็ให้เลี่ยงทิศทางนั้น ๆ เพราะถือว่าเป็นทิศผีหลวง โดยทิศผีหลวง ทิศหลาวเหล็ก นี้มักถูกใช้ในการสำคัญต่าง ๆ เช่น ออกเดินทางยกขันหมาก สู่ขอ เดินทางไกล ขับรถขับเรือหรือเดินออกจากบ้าน ห้ามเดินทางเริ่มต้นไปทางทิศผีหลวง และทิศหลาวเหล็ก โดยเด็ดขาด ให้เลี่ยงไปทิศทางอื่น ๆ ก่อน ค่อยวกอ้อมกลับก็ยังดี การนั่งของคู่บ่าวสาว ขับออกรถใหม่จากร้าน หรือเพิ่งซ่อมเสร็จจากอู่ก็เช่นกัน หรือการนั่งพนันขันต่อ นักพนันมักเคร่งครัดเรื่องนี้เช่นกัน
ทิศผีหลวง
เมื่อรู้ว่ามีผีหลวงอยู่ทิศใด ไม่ควรคำนึงทางไปทางนั้น จะนั่งในเรือนใคร อย่าได้นั่งหันหน้าไปทางนั้น ไม่ดีเลย
วันอาทิตย์ : ผีหลวงเป็น ม้าขาว อยู่ประจำทิศ ตะวันตกเฉียงเหนือ - พายัพ
วันจันทร์ : ผีหลวงเป็น โค (วัว) อยู่ประจำทิศ ตะวันออก - บูรพา
วันอังคาร : ผีหลวงเป็น ราชสีห์ อยู่ประจำทิศ ตะวันออกเฉียงเหนือ - อีสาน
วันพุธ : ผีหลวงเป็น ยักษ์ อยู่ประจำทิศ เหนือ - อุดร
วันพฤหัสบดี : ผีหลวงเป็น กระบือ (ควาย) อยู่ประจำทิศ ทิศใต้ - ทักษิณ
วันศุกร์ : ผีหลวงเป็น สุกร (หมู) อยู่ประจำทิศ ตะวันตก - ประจิม
วันเสาร์ : ผีหลวงเป็น ช้างสาร อยู่ประจำทิศ ตะวันออกเฉียงใต้ - อาคเนย์
โหราศาสตร์บูรพาจารย์ได้ผูกเป็นโคลงกลอนไว้ ดังนี้
วันอาทิตย์ ผีหลวงเป็นม้าขาว เนตรแดงแสงดาวโรหิณี
อยู่ฟากฟ้าทิศพายัพ ยืนหยัดดังราชสีห์
วันจันทร์แปรสถานเป็นคาวี ถิ่นที่สถิตบูรพา
ภุมวารบันดาลเพศเป็นไกรสร เที่ยวร่อนเร่อยู่ทิศอีสาน
พุธวารบันดาลเป็นยักษ์ฉกรรจ์ แบกกระบองยืนยันอยู่อุดร
พฤหัสทักษิณสถิต เบือนบิดรูปเป็นกาสร
ศุกร์ประจิมสถาพร แปลงกายเป็นสุกรกำเริบฤทธิ์
เสาร์หลวงเป็นคชศักดิ์ สำนักในอาคเนย์เป็นที่สถิต
แม้ยาตราบ่ายหน้าให้ต้องทิศ ได้คิดเลี่ยงหลีกจึงยาตรา
ทิศหลาวเหล็ก
ทิศหลาวเหล็ก เมื่อจะเดินทาง ไม่ควรเดินทางให้ตรงกับทิศหลาวเหล็กตก เพราะจะแพ้ภัยตัวเอง หรือจะเจ็บไข้ได้ป่วย ต้องศัสตราวุธ ประสพภยันอันตราย ระหว่างทางแล
วันอาทิตย์ : เทวดาอยู่ประจำทิศ ตะวันตก - ประจิม
วันจันทร์ : เทวดาอยู่ประจำทิศ ตะวันออก - บูรพา
วันอังคาร : เทวดาอยู่ประจำทิศ เหนือ - อุดร
วันพุธ : เทวดาอยู่ประจำทิศ เหนือ - อุดร
วันพฤหัสบดี : เทวดาอยู่ประจำทิศ ทิศใต้ - ทักษิณ
วันศุกร์ : เทวดาอยู่ประจำทิศ ตะวันตก - ประจิม
วันเสาร์ : เทวดาอยู่ประจำทิศ ตะวันออก - บูรพา
พระคาถากันผีหลวง หลาวเหล็ก
สัตถาเทวะหะ สะมะนิทุ ทุนิมา ฯ
เมื่อจะไปที่ใด ให้ภาวนาแล้วค่อยไป กันผีหลวง หลาวเหล็ก ราหูแปดทิศ พระคาถานี้อยู่ในบาลีทุกตัว พระราหูและผีหลวง หลาวเหล็ก จะทนไม่ได้หนีไปหมด
หมายเหตุ :
อ้างอิงนี้ มีเรื่องเล่าที่มาของชื่อเรียกด้วย แต่ดูแปลกสักหน่อย และลงความหมายประกอบไว้
http://www.gotoknow.org/blogs/posts/245928
*ผีหลวง=คือผีพระมรณภาพ
*หลาวเหล็ก = คือทิศอัปมงคลทั้งแปด คนปักษ์ใต้สอนกันมาว่าก่อนออกจากบ้านให้ไปดูแม่ไก่ฟักว่าแม่ไก่หันหัวไปทิศใหน ทิศนั้นคือทิศหลาวเหล็ก ห้ามเดินทางไปในทิศนั้น หรือว่าห้ามฝ่าหลาวเหล็กนั่นเอง
กระโถนข้างวัด
13-09-2012, 13:23
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18067&stc=1&d=1347517177
หลวงปู่เล่าว่าสมัยท่านเดินทางไปกราบหลวงพ่อตะเคียนดำ พบชาวมอญด้วยกัน เขาไม่เชื่อว่าท่านคืออาจารย์อุตตมะ
"เราไปที่ทวายเจอหน้าคนที่นั่น เขาไม่เชื่อว่าเป็นเรา เห็นเรียกอาจารย์ ๆ (สะยาดอ) ดูหน้าทำไมยังหนุ่มแท้" :54bd3bbb:
กระโถนข้างวัด
14-09-2012, 08:39
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18076&stc=1&d=1347590045
หลวงปู่ไม่ค่อยสอนการภาวนาอย่างเป็นรูปแบบ แต่ท่านมักจะย้ำเสมอว่า
"รับศีลจากเราไปแล้ว ต้องรักษาให้ดี เป็นลูกศิษย์ก็ต้องทำให้ได้อย่างอาจารย์"
กระโถนข้างวัด
15-09-2012, 07:27
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18084&stc=1&d=1347668963http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18085&stc=1&d=1347668963
วัตถุมงคลของหลวงปู่มีอยู่รุ่นหนึ่ง ที่ท่านกำกับการสร้างเอง เพราะไม่มีพระที่วัดเคยเห็นตำรานี้ที่ไหน แม้แต่อาจารย์หอมลูกศิษย์ผู้ใหญ่
นั่นก็คือ "แผ่นยันต์ทำน้ำมนต์ " โดยเล่าว่าเป็นวิชาของพระอภิญญาชาวทิเบต
ท่านสั่งให้แกะลงบนแผ่นหินอ่อน แช่น้ำอธิษฐานเป็นน้ำมนต์รักษาโรคภัยไข้เจ็บหรือตามแต่จะอธิษฐานเอา
กระโถนข้างวัด
16-09-2012, 05:15
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18086&stc=1&d=1347747241http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18087&stc=1&d=1347747241
นอกจากแผ่นยันต์ทำน้ำมนต์แล้ว พระเครื่องที่มีชื่อเสียงของท่านก็คือ "พระกริ่งจักรพรรดิ" ว่ากันว่า ท่านอธิษฐานไว้แทนตัวกันเลยทีเดียว
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18088&stc=1&d=1347747999
พี่ ๆ เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า เขากราบเรียนถามหลวงปู่ว่า " เป็นไปได้หรือที่แผ่นจารไม่ละลาย ? " หลวงปู่ไม่ตอบว่ากระไร
แต่ในวันเทพระกริ่งรุ่นนี้เอง แผ่นชนวนของหลวงปู่ก็ลอยในเบ้าหลอมไม่ยอมละลายแทนคำตอบ ท้ายสุดท่านก็สั่งให้ช่างตักออกมาเก็บไว้
กระโถนข้างวัด
17-09-2012, 11:13
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18098&stc=1&d=1347855179
คาถาประสานกระดูกของหลวงปู่ให้ใช้บท "ตังเมสุ พระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ สวด ๙ คาบเท่ากับนวโลกุตระ" ใช้เสกน้ำมันงาทำลูกประคบ
:4672615: หมายเหตุ : ตัง เม สะ ที โก มัง สุ เร โส อะ ปะ นา ปะ สุ สุ ปิ อะ ธะ สิ ติ ปุ วิ สิ เว กะ โก กะ โค
กระโถนข้างวัด
18-09-2012, 10:01
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18101&stc=1&d=1347937233
หลวงปู่เคยเล่าถึงวิบากกรรมว่า ท่านเคยโดนแมลงกระเบื้องเข้าหู เขี้ยวมันคมกัดจนแก้วหูทะลุเลือดออกจากหู
ต้องใช้น้ำมันมะพร้าวล้างหูแล้วใช้ดีงูเหลือมรักษา ท่านว่าชาติก่อนเป็นหมองูเป่าคาถาเข้าหูงูจนมันทนไม่ไหว วิบากนั้น ตามมาทันในชาตินี้เอง
กระโถนข้างวัด
19-09-2012, 08:38
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18104&stc=1&d=1348018927
เรื่องนี้ท่านอาจารย์จันทิมาเล่าให้ฟังว่า อาตมาแกล้งบอกหลวงพ่อว่า "กุญแจหาย หาไม่พบครับ"
หลวงปู่ก็เดินไปที่ประตูห้อง จับลูกบิดประตูบิดสองสามที แล้วว่า "อ้าว..ประตูไม่ได้ปิดไว้นี่ ไม่ต้องใช้กุญแจแล้ว"
ท่านว่า เรื่องแบบนี้เลิกสงสัยหลวงปู่นานแล้ว เพราะลองกันมาหลายครั้ง
กระโถนข้างวัด
20-09-2012, 09:56
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18111&stc=1&d=1348109902
ข้าพเจ้าพบ "ไม้สีฟัน" วางไว้บนพานหน้ารูปหลวงปู่ภายหลังท่านมรณภาพ ๑ อัน จึงได้ขออนุญาตชำระหนี้สงฆ์กับพระที่ท่านดูแล
ท่านบอกว่า"ถ้ามีสองอันหลวงพี่จะแบ่งให้ แต่นี่มันมีอันเดียว" ข้าพเจ้าก็ถามย้ำท่านไปว่า "แน่นะครับหลวงพี่" ท่านก็ยังตอบคำเดิม
ข้าพเจ้าก็หันไปกราบที่บูชาพระ พอเงยหน้าขึ้นเท่านั้น " ไม้สีฟันอีกอัน โผล่ขึ้นมาวางบนพานเฉย ๆ เสียอย่างนั้น"
ข้าพเจ้าเรียกพระท่านให้มาดูและถามว่า "หลวงพี่เอามาวางเพิ่มหรือไม่ครับ ?" ท่านรีบปฏิเสธว่า "ไม่ใช่ฝีมือหลวงพี่นะ" ถ้าเช่นนั้น ฝีมือใครละครับงานนี้ ?
กระโถนข้างวัด
21-09-2012, 15:42
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18122&stc=1&d=1348216950
หลวงพ่อพระธรรมโกศาจารย์ (ชอบ อนุจารีมหาเถระ) ท่านกล่าวถึงหลวงปู่ว่า "คนอย่างหลวงพ่ออุตตมะนั้นหายาก
คนสร้างตึกทำได้ แต่สร้างใจคนนั้นยากกว่า แต่หลวงพ่ออุตตมะสามารถทำจิตใจคนให้ตรงกับศาสนาได้"
กระโถนข้างวัด
22-09-2012, 08:13
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18126&stc=1&d=1348276342
หลวงปู่เล่าว่า สมัยก่อนตอนญี่ปุ่นมาทิ้งระเบิดในพม่า รอบวัดท่านระเบิดลงราวกับแผ่นดินจะถล่ม
แต่ในวัดไม่มีระเบิดลงแม้แต่ลูกเดียว มีผู้ถามท่านว่ามีคาถาดีอะไร หลวงปู่ตอบว่า "เราสวดมหาสมัยสูตร"
กระโถนข้างวัด
23-09-2012, 06:38
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18134&stc=1&d=1348357294
วัตถุมงคลอีกแบบที่ไม่ค่อยเห็นกันมานักก็คือ ประคำโทน มีลักษณะเป็นประคำเม็ดเดียว
หลวงปู่ปลุกเสกด้วยบท "อิติปิโสรัตนมาลา" ท่านเคยกล่าวถึงประคำโทนนี้ว่า "ดีในทางป้องกันคุณไสยทุกชนิด"
กระโถนข้างวัด
24-09-2012, 08:30
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18136&stc=1&d=1348450050
นาน ๆ ทีหลวงปู่ถึงจะเล่าเรื่องที่เกี่ยวพระเครื่องของท่านให้ฟัง เรื่องนี้หลวงปู่เล่าเองว่า
ชาวบ้านที่อำเภอไทรโยคเลี้ยงลูกแล้วไม่ระวังให้ดี เด็กตกน้ำไป แทนที่จะจมกลับลอยคออยู่ในน้ำได้
จนกระทั่ง พ่อแม่มาเห็นและคว้าเด็กขึ้นมาได้ ท่านว่า"ในคอเด็กห้อยลูกอมรูปเราอยู่อย่างเดียวเท่านั้น"
กระโถนข้างวัด
25-09-2012, 10:12
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18141&stc=1&d=1348542255
พ.ศ. ๒๕๓๐ หลวงปู่เดินทางไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้รับประทานจากสมเด็จพระสังฆราชของประเทศศรีลังกา
ต่อมาท่านและศรัทธาสาธุชนได้ร่วมกันสร้างเจดีย์พุทธคยาจำลอง พร้อมฉัตรทองคำหนัก ๔๐๐ บาท เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาดังที่เห็นในปัจจุบัน
กระโถนข้างวัด
26-09-2012, 10:02
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18143&stc=1&d=1348628935
ปี พ.ศ. ๒๔๙๙ หลวงปู่บวชพระฉลองพระศาสนาโดยใช้แพโบสถ์น้ำตามพระวินัย แต่มีผู้หวังดีนำความไปบอกทางเจ้าคณะปกครอง
ความทราบถึงหลวงปู่พระวิสุทธิรังษี (ดี พุทธิโชติมหาเถระ) วัดเทวสังฆาราม เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ท่านจึงมีหนังสือแจ้งให้หลวงปู่มาพบด่วน
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18145&stc=1&d=1348666580
เมื่อสอบถามแล้วได้ความว่า ไม่ได้ทำผิดพระวินัย หลวงปู่ดีจึงอนุญาตให้บวชได้เฉพาะในเขตจังหวัดกาญจนบุรี
และยังกล่าวชื่นชมหลวงปู่อีกด้วยว่า "พระที่เรียนมาขนาดนี้ สวดและแปลปาฏิโมกข์ได้แบบนี้ จะหาที่ไหนได้ง่าย ๆ"
กระโถนข้างวัด
27-09-2012, 09:49
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18148&stc=1&d=1348714137
หลวงปู่เล่าว่า ท่านเคยมาช่วยสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทจำลอง ที่วัดท่าขนุน กับหลวงปู่เต๊อะเน็ง อดีตเจ้าอาวาสองค์ที่ ๒
ตอนนั้นท่านฉันมื้อเดียว บิณฑบาตเสร็จกลับมาก็ลงมือทำไปเรื่อย เพลจึงพักฉัน
ใช้เวลา ๑ เดือนก็แล้วเสร็จ เป็นเวลาเข้าพรรษาพอดี หลวงปู่จึงจำพรรษาที่ ๑๘ ณ วัดท่าขนุนนั่นเอง
กระโถนข้างวัด
28-09-2012, 10:11
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18162&stc=1&d=1348802469
หลวงปู่เล่าถึงวิธีการรักษางูกัดว่า "ถ้าเป็นผู้ชายก็จับชีพจรดู ถ้าเป็นผู้หญิงให้ญาติดึงผมดู ถ้าไม่หลุดง่ายยังพอรักษาได้"
หลังจากนั้นจะใช้เข็มยาสักที่ปากแผล เพื่อให้น้ำยาที่ผสมน้ำมะนาวดูดพิษงูออกมา มีข้อแม้ว่าห้ามคิดเงินผู้ป่วย ไม่เช่นนั้นยาจะไม่ศักดิ์สิทธิ์"
กระโถนข้างวัด
29-09-2012, 08:36
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18165&stc=1&d=1348882560
กรรมการจัดทำหนังสือ “๘๔ ปี หลวงพ่ออุตตมะ” ถามหลวงปู่ถึงเรื่องคำแปลคาถาหรือมนต์บางบท
ท่านตอบอย่างทีเล่นทีจริงยิ้ม ๆ ว่า “แปลไม่ได้ก็อย่าไปแปล เพราะแปลแล้วเดี๋ยวจะไม่ขลัง”
กระโถนข้างวัด
30-09-2012, 07:49
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18170&stc=1&d=1348966109
มีผู้กล่าวถึงผู้ใหญ่ในรัฐบาลให้หลวงปู่ฟังหลังตั้งครม.เสร็จด้วยความชื่นชม ท่านฟังเงียบ ๆ ไม่ว่ากระไร พอแขกลากลับ ท่านก็เปรยว่า
"เขาสู้พระเจ้าแผ่นดินไม่ได้หรอก ท่านสร้างคุณประโยชน์แท้จริง ไม่หวังผลตอบแทน"
ข้อมูลภาพ : สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
เสด็จพระราชดำเนินทรงยกช่อฟ้าวัดวังก์วิเวการาม
กระโถนข้างวัด
01-10-2012, 06:10
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18172&stc=1&d=1349046618
หลวงปู่ได้รับการถวายสัญชาติไทย ดังประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๐๐ ตอนที่ ๔๑ ลงวันที่ ๒๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๒๖
กระโถนข้างวัด
02-10-2012, 08:20
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18177&stc=1&d=1349141044http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18178&stc=1&d=1349141315
วันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ หลวงปู่รับนิมนต์ไปพุทธาภิเษก "พระกริ่งจีนรุ่นสองแผ่นดิน"
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18176&stc=1&d=1349140797
ณ วัดกว่างจี้ นครปักกิ่ง ประเทศจีน ร่วมกับพระธรรมราชานุวัตรและพระเถระชาวจีน ธิเบต จำนวน ๕๐๐ รูป
กระโถนข้างวัด
03-10-2012, 10:21
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18185&stc=1&d=1349234457
หลวงปู่เล่าว่า กะเหรี่ยงคริสต์เล่าให้ท่านฟังว่า ตอนที่ถูกพม่าตามล่า ตนหนีเข้าไปหลบซ่อนในถ้ำ
ทหารพม่าได้ใช้ปืนกลยิงกรอกปากถ้ำ นับเป็นพัน ๆ นัด โดยคาดว่าคงจะตายกันไปหมดแล้ว จึงได้กลับไป
แต่เวลานั้น ไม่มีกระสุนแม้แต่เพียงนัดเดียว ที่จะวิ่งผ่านเข้ามาได้ ตนกลับรอดได้ราวปาฏิหาริย์ ขณะกำลังจะออกมามือก็ไปสัมผัสกับ
"ตุ๊กตาดินดิบรูปคล้ายพระเครื่อง ด้านหลังเป็นรูปกบ" ที่วางกองกันไว้อยู่ในถ้ำ จึงได้นำมาให้หลวงปู่ดู
เมื่อได้ดูท่านก็ทราบทันทีว่า นี่คือ "พระยอดขุนพลบุเรงนอง" ที่ "พระเจ้าบุเรงนอง" ได้ให้"พระมหาฤๅษีโบบูอ่อง" ราชครูในราชสำนัก
จัดสร้างและปลุกเสกขึ้น ให้มีอานุภาพในทางแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี อย่างเยี่ยมยอด
กระโถนข้างวัด
04-10-2012, 09:35
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18195&stc=1&d=1349318481
หลวงปู่เล่าถึงวิธีหุงปรอทว่า "ท่านเคยใช้เตโชกสิณ ช่วยในการหุงปรอทจนมันลอยขึ้นมา
แต่ไม่สามารถจับได้ เพราะปรอทหลบไปหลบมาคล้ายล้อเล่นอยู่ตลอดเวลา"
(ที่กุมมือหลวงปู่อยู่ก็คือ พล.ท.ขิ่น ยุนท์ อดีตเลขานุการสล็อก)
กระโถนข้างวัด
05-10-2012, 16:33
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18210&stc=1&d=1349430273
หลวงปู่บอกวิธีรักษาอาการปวดเข่า ท่านว่าให้ใช้ขมิ้นชันปอกเปลือก ขนาดเท่าหัวแม่มือ
วางไว้กลางฝ่าเท้าแล้วเหยียบไปมาสัก ๑๐ นาที ทำทุกวันจะช่วยรักษาอาการปวดเข่าได้
(พระอาจารย์ถวายประคำโกเมนกับพระกริ่งพิชัยสงครามแด่หลวงปู่)
กระโถนข้างวัด
08-10-2012, 10:31
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18211&stc=1&d=1349666937
มีพระผู้ใหญ่กราบเรียนถามถึงการปฏิบัติว่าควรจะเริ่มที่ใด หลวงปู่ตอบว่า "ให้เน้นไปที่ศีล ให้ระวังที่ศีลเป็นสำคัญ"
กระโถนข้างวัด
08-10-2012, 13:22
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18212&stc=1&d=1349677323
ภายในเจดีย์พุทธคยา (จำลอง) ที่หลวงปู่สร้าง มีพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่ในผอบ ๓ ชั้น ประกอบด้วย
๑. ชั้นนอกทำด้วยเงิน น้ำหนัก ๑๐๘ บาท เท่ากับคุณพระรัตนตรัย
๒. ชั้นกลางทำด้วยนาก น้ำหนัก ๕๖ บาท เท่ากับกำลังห้องพระพุทธคุณ
๓. ชั้นในทำด้วยทองคำ น้ำหนัก ๕ บาท เท่ากับศีล ๕
กระโถนข้างวัด
08-10-2012, 13:42
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18213&stc=1&d=1349678475
พระมหาสุชาติ สิริปญฺโญ ป.ธ.๙ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม เล่าให้ฟังว่า ตอนท่านยังเด็กป่วยหนักเป็นเริม
โยมแม่หมดทางรักษา จึงพามาหาพระ หลวงปู่พ่นหมากให้ทีเดียว แผลแห้งหายสนิทภายใน ๗ วัน เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
หมายเหตุ ได้ลงครบจำนวนตามที่ขาดไป ๒ วัน เรียบร้อยแล้วครับ
กระโถนข้างวัด
09-10-2012, 09:41
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18215&stc=1&d=1349750246
หลวงปู่มีวิชาตรวจดวงชะตา โดยใช้เทียนขี้ผึ้งแท้ มีกระดาษสาเขียนดวงชะตาทำเป็นไส้ จุดบูชาพระรัตนตรัย ท่านว่ามีความแม่นยำมาก
แม้กระทั่งเคราะห์หนักในชีวิตของท่าน ที่รถตกเขาตรงเนินตะลุเก้ ท่านก็ทราบก่อน แต่ด้วยความเกรงใจโยมจึงจำเป็นต้องไป
ข้อมูลภาพ : หลวงปู่เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
กระโถนข้างวัด
10-10-2012, 09:49
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18217&stc=1&d=1349837788
หลวงปู่เป็นคนที่พิถีพิถันในทุกเรื่อง แม้กระทั่งรูปที่จะทำหน้าปกซีดีบันทึกเสียงสวดมนต์และพระธรรมเทศนาของท่าน ท่านก็เลือกรูปเอง
โดยกำชับว่า "รูปเราเลือกไว้แล้ว ให้เอาไว้ในพัด" แถมยังติดตลกอีกด้วยว่า "รูปนั้น (ที่ท่านคัดให้) เรายังไม่เหี่ยว":4672615:
กระโถนข้างวัด
11-10-2012, 09:34
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18232&stc=1&d=1350169018
หลวงปู่บอกว่า "เรื่องกรรมนี้ เป็นเรื่องลึกซึ้ง บางคนไม่เคยเข้าวัด ไม่เคยสนใจในศาสนา พออายุมากขึ้นหันมาเข้าวัด
บางทีปฏิบัติดีกว่าคนที่ทำมาก่อนก็มี จิตใจเปลี่ยนไปด้วยกรรมในอดีต บางคนจน พอกรรมหมดไป ก็ได้เอกลาภมีสมบัติขึ้นมีเงินมีทองขึ้น
เพราะฉะนั้น เราไม่ต้องคิดมาก ขอให้เราประพฤติโดยสุจริต เราต้องกลัวกรรม ไม่กลัวไม่ได้ เราจะตายเมื่อไรก็ยังไม่รู้"
กระโถนข้างวัด
12-10-2012, 07:51
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18223&stc=1&d=1350002989
คราวที่หลวงปู่กับคณะเดินทางไปอินเดีย ตอนรอขึ้นเครื่องขากลับ ท่านว่า "พวกเราทุกคนทำกรรมร่วมกันมา จึงได้มามีโอกาสพบเจอกัน
เมื่อใดก็ตามที่นึกถึงการมาครั้งนี้ ขอให้ได้บุญเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณทุกครั้ง" คณะเดินทางก็รับพร ยิ้มหน้าบานไปตาม ๆ กัน:4672615:
กระโถนข้างวัด
13-10-2012, 18:00
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18230&stc=1&d=1350126000
วันออกพรรษาปี พ.ศ. ๒๕๔๗ คณะศิษย์โดยการนำของพระศรีวิสุทธิโสภณ (หลวงพ่อเจ้าคุณปัญญา) ตกลงกันว่า ให้จัดทอดกฐิน ๓ วัด
(วัดเสาร้อยต้น วัดเวฬุวนาราม และวัดวังก์วิเวการาม) พร้อมกันที่วัดเวฬุวนาราม อำเภอไทรโยค ทีเดียวเลย เพราะต้องการถนอมสุขภาพของหลวงปู่
กระโถนข้างวัด
14-10-2012, 05:47
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18231&stc=1&d=1350168369
พระอาจารย์กราบถวาย "หลวงพ่อประทานพรแกะสลักจากงาช้าง" ซึ่งเข้า "พิธีชาตรี" ของหลวงพ่อวัดท่าซุง ในวันเกิด ๙๐ ปีของหลวงปู่อุตตมะ
กระโถนข้างวัด
15-10-2012, 09:42
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18237&stc=1&d=1350268877
หลวงปู่ปรารภว่า "ให้ดูหลวงปู่แหวน..พอเสร็จงานเผาศพเเล้ววัดก็เงียบ ถ้าเราตายให้เก็บศพไว้นะ พอคนมาทำบุญ จะได้เลี้ยงวัดได้"
กระโถนข้างวัด
16-10-2012, 08:11
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18240&stc=1&d=1350349857
หลวงปู่ปรารภว่า "งานต่าง ๆ ที่ทำเป็นธรรมะที่ดี ให้ทำด้วยความเคารพในพระรัตนตรัย
ทำไปเพื่อประโยชน์แก่พระศาสนา ให้สร้างธรรมเจดีย์ไว้ในพระศาสนา เพื่อให้พระศาสนาได้ตั้งมั่นและเจริญก้าวหน้าต่อไป"
กระโถนข้างวัด
17-10-2012, 08:12
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18241&stc=1&d=1350436330
ก่อนหลวงปู่จะละสังขารไม่นาน พวกเราเห็นหลวงปู่ตื่นประมาณ ๐๒.๐๐ น. ลุกขึ้นมาและพูดคุยกับใครสักคนที่เราไม่เห็นตัว
พวกเราคาดว่า น่าจะเป็นเพราะพิษไข้ จึงได้ตามแพทย์มาดู ท่านก็เงียบและล้มตัวลงนอนต่อไป
รุ่งเช้า ท่านจึงเล่าให้ฟังว่า "เมื่อคืนพระอินทร์พาคณะ ๓ - ๔ คน มาเยี่ยม บอกว่า..จะมารับเรา"
แต่เราบอกว่า "ยังไปไม่ได้...งานยังไม่เสร็จ" เรายังเปิดอังสะให้เขาดูแผลที่เจาะท้องใส่สายยาง แล้วเขาก็ลากลับไปตอนใกล้สว่าง"
กระโถนข้างวัด
18-10-2012, 08:37
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18243&stc=1&d=1350523747
ตั้งแต่วันที่หลวงปู่เข้ามารับการรักษาอาการอาพาธที่โรงพยาบาลศิริราช
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ก็ทรงรับหลวงปู่ไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชินูปถัมภ์มาโดยตลอด
จนสุดท้าย..หลวงปู่ก็ได้ละสังขารลง ด้วยอาการติดเชื้อในกระแสโลหิตจากภาวะปอดอักเสบ
เมื่อเวลา ๐๗.๒๒ น. ของวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๔๙ คือ ย้อนหลังไปเมื่อ ๖ ปีก่อนนั่นเอง
กระโถนข้างวัด
18-10-2012, 08:41
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18246&stc=1&d=1350524452
เมื่อครบ ๑๐๐ วัน คณะศิษย์จึงได้เชิญสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของท่าน บรรจุในปราสาทมอญ ๙ ยอด เพื่อให้สาธุชนได้กราบบูชาดังที่เห็นในปัจจุบัน
กระโถนข้างวัด
01-01-2013, 10:27
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=18859&stc=1&d=1357010813
ส่งความสุขในวันขึ้นปีใหม่มาด้วยภาพและคำอวยพรจากหลวงปู่ครับ
กระโถนข้างวัด
25-10-2013, 10:47
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=20323&stc=1&d=1382672797
หลวงปู่กับหลวงปู่พระครูสุวรรณเสลาภรณ์
กระโถนข้างวัด
25-10-2013, 12:34
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=20324&stc=1&d=1382679167
งานทำบุญถวายหลวงปู่ ครบรอบการมรณภาพ ปีที่ ๗
เมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๖
กระโถนข้างวัด
27-10-2013, 16:14
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=20355&stc=1&d=1382865202
สะพานมนุษย์ในงานทำบุญวันคล้ายวันเกิดหลวงปู่ วันขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๔
กระโถนข้างวัด
01-06-2014, 15:01
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21315&stc=1&d=1401609570
ถวายการต้อนรับ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ที่ด่านพระเจดีย์สามองค์
กระโถนข้างวัด
06-06-2014, 19:24
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21436&stc=1&d=1402057418
ถวายการต้อนรับ สมเด็จพระวันรัต ภายหลังได้รับการสถาปนาเป็น
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริมหาเถร ป.ธ. ๖)
กระโถนข้างวัด
06-06-2014, 21:42
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21439&stc=1&d=1402065846
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21440&stc=1&d=1402065846
สภาพพระอุโบสถหลังเดิมก่อนที่กลายเป็นเมืองบาดาลในทุกวันนี้
กระโถนข้างวัด
07-06-2014, 06:45
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21464&stc=1&d=1402098406
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21463&stc=1&d=1402099690
พระพุทธอุดมสุข ระหว่างการเดินทางจากพม่ามาถึงสังขละบุรี เมื่อ วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๒๗
กระโถนข้างวัด
07-06-2014, 22:03
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21465&stc=1&d=1402153333
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21466&stc=1&d=1402154856
หลวงปู่นิมนต์หลวงปู่สาย เจริญพระพุทธมนต์ในงานทำบุญวันคล้ายวันเกิด
กระโถนข้างวัด
08-06-2014, 06:42
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21488&stc=1&d=1402184365
งานฉลองพัดยศ พระครูอุดมสิทธาจารย์ วิ.ม. ชั้นโท หลวงปู่เล่าว่า เป็นอันสิ้นสงสัยว่าเหตุใด
สมเด็จป๋า (สมเด็จพระสังฆราช ปุ่น ปุณฺณสิริมหาเถร) ถึงเรียกหลวงปู่ว่า ท่านอุดม ตั้งแต่แรกที่พบหน้า
กระโถนข้างวัด
13-06-2014, 17:48
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21587&stc=1&d=1402656418
หลังรับพระราชทานพัดยศ ที่พระราชอุดมมงคลในพระบรมมหาราชวัง
ด้านข้างที่เห็น คือ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร ป.ธ.๙) วัดชนะสงคราม
กระโถนข้างวัด
14-06-2014, 08:47
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21588&stc=1&d=1402710423
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21589&stc=1&d=1402710580
เป็นประธานสงฆ์ในงานพิธีวันเข้าพรรษาที่วัดเก่า (เมืองบาดาล)
กระโถนข้างวัด
15-06-2014, 06:10
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21590&stc=1&d=1402787311
หลวงปู่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา เมตตามาร่วมในงานมุทิตาจิตหลังรับพระราชทานพัดยศ
กระโถนข้างวัด
13-07-2014, 07:21
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21782&stc=1&d=1405210890
ที่เห็นมุ้งสีเหลืองด้านหลัง คือ ที่จำวัดของหลวงปู่ หากจะถามว่าท่านจำวัดที่ใดบ้าง ?
คงต้องตอบว่า เกือบทุกที่ในวัด เช่น วิหารสูง (ที่พักเจ้าอาวาสปัจจุบัน) วิหารหลวงพ่อหินอ่อน เป็นต้น
เพราะด้วยความที่ไม่ติดถิ่นติดที่ของท่านนั่นเอง
กระโถนข้างวัด
14-07-2014, 07:10
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21784&stc=1&d=1405296600
งานถวายผ้ากฐินประจำปี ที่วัดเก่าใต้น้ำในปัจจุบัน
กระโถนข้างวัด
20-07-2014, 13:21
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21802&stc=1&d=1405837229
วันฉลองรับพัดยศสมณศักดิ์ " พระอุดมสังวรเถร "
กระโถนข้างวัด
27-07-2014, 10:15
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21833&stc=1&d=1406430698
พระเจดีย์พุทธคยา เมื่อสร้างเสร็จใหม่ ๆ
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21834&stc=1&d=1406430698
สะพานมอญ ขณะทำการก่อสร้าง
กระโถนข้างวัด
28-07-2014, 04:49
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21836&stc=1&d=1406497726
พิธีสืบชะตามอญ " พระอุดมสังวรเถร " พ.ศ. ๒๕๒๕
กระโถนข้างวัด
04-08-2014, 07:37
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21855&stc=1&d=1407114442
เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๓๐ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
เสด็จมาปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ เจดีย์พุทธคยา ตั้งแต่นั้นมา หลวงปู่จึงรื้อฟื้นให้มีประเพณีรดน้ำต้นโพธิ์ขึ้น เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่ยังอยู่ในพม่าตลอดมา
กระโถนข้างวัด
24-08-2014, 13:42
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21935&stc=1&d=1408862265
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ผู้ทรงริเริ่มให้จัดตั้งหน่วยแพทย์ พอ.สว.
เสด็จพระราชดำเนินมายังวัดวังก์วิเวการาม
ตามภาพมาได้แค่นี้ละครับ..เก่าจนเกินจะบรรยาย
กระโถนข้างวัด
06-09-2014, 04:53
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21977&stc=1&d=1409958010
หลวงปู่ฉันในบาตร ไม่เกิน ๓๒ คำ เสร็จ โยมก็รอจัดการข้าวก้นบาตรต่อ
ข้าง ๆ ท่าน คือ พระอาจารย์จันทิมา อดีตเจ้าอาวาสรูปถัดจากหลวงปู่
กระโถนข้างวัด
13-09-2014, 03:51
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=21993&stc=1&d=1410555012
ลูกนิมิตอุโบสถของวัดวังก์วิเวการาม เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๙ (ค.ศ. ๑๙๘๖) ไม่ได้เป็นลูกกลม
แต่หลวงปู่จะขึ้นไปหาหินบนภูเขาและท่านจะคัดเลือกเองว่า หินก้อนใดบ้างที่สามารถนำมาทำลูกนิมิตได้
กระโถนข้างวัด
17-10-2014, 20:29
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22173&stc=1&d=1413552880
วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ นอกจากเป็นวันครบรอบมรณภาพของหลวงปู่ ปีที่ ๘ แล้ว
ยังเป็นวันเปิดใช้สะพานมอญหลังจากปิดซ่อมมากว่า ๑ ปี อีกด้วย
กระโถนข้างวัด
19-10-2014, 09:16
http://watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22178&stc=1&d=1413684786
ไม้ครูของหลวงปู่ สร้างจำนวน ๙๖ อัน
หัวไม้บรรจุ ตะกรุดมหาอำนาจเนื้อเงิน จารโดยหลวงปู่อุตตมะ หนังค่าง (แก้อาถรรพ์-เสนียดจัญไร) หนังหน้าผากเสือ(เป็นมหาอำนาจ)
ปลายไม้บรรจุตะกรุดเมตตาเนื้อเงิน สีผึ้ง ๗ จันทร์ ผงหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ ผงหลวงปู่เริ่ม วัดจุกกระเฌอ
ผงมหาจักรพรรดิของหลวงปู่อุตตมะ ผงนะปัดตลอดของหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี และผงพระขุนแผนเสด็จกลับ ของ อาจารย์ชุม ไชยคีรี
กระโถนข้างวัด
12-01-2015, 16:17
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22421&stc=1&d=1421115140
หลวงปู่หงษ์ กับ หลวงปู่
นานมาแล้ว หลวงปู่หงษ์ สุสานทุ่งมน จังหวัดสุรินทร์ เดินทางมากราบหลวงปู่ เมื่อได้พบต่างองค์ก็ต่างสนทนา ด้วยความเป็นกันเอง ไถ่ถามกันพอสมควรแก่เวลาเป็นที่เรียบร้อย
หลวงปู่หงษ์ก็ลากลับพร้อมถวายเงิน ๒,๐๐๐ บาทและขอประคำ ๑๐ เส้น แต่หลวงปู่กลับมอบเงินคืน พร้อมประคำเสก ๑๐๐ เส้น ชื่นใจกันไปทั้งสองฝ่าย
กระโถนข้างวัด
13-01-2015, 09:46
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22423&stc=1&d=1421117288
ประวัติของพระคาถาชินบัญชร
หลวงปู่เล่าให้คุณเนาว์สถิตย์ ฟังว่า "คาถาชินบัญชร เกิดครั้งแรกเมื่อสังคายนาพระไตรปิฏกครั้งที่ ๓
และใช้เป็นบทอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุเข้าประดิษฐานในพระแก้วมรกต พระแก้วมรกตกับชินบัญชรคาถาจึงเป็นของคู่กันมาโดยตลอด
จนเมื่อพระแก้วมรกตเข้ามาประเทศศรีลังกา พระคาถาชินบัญชรก็ตามมา (พร้อมกับพระไตรปิฏก) เช่นกัน ทำให้เกิดพระคาถาชินบัญชรตำรับลังกาขึ้น"
" เมื่อลังกาเกิดกลียุค เขาจึงเชิญพระแก้วมรกตลงเรือสำเภาลำหนึ่ง ส่วนพระไตรปิฏกและพระคาถาชินบัญชรก็ลงเรืออีกลำหนึ่ง ออกจากลังกา
ระหว่างทางเกิดพายุพัดขบวนเรือแตก เรือสำเภาพระแก้วมรกตขึ้นฝั่งที่กัมพูชา ส่วนเรือพระไตรปิฏกและพระคาถาชินบัญชรขึ้นฝั่งที่พม่า
ตอนนั้น มอญเป็นใหญ่ในประเทศ จึงทำให้เกิดพระคาถาชินบัญชรตำรับมอญ (รามัญ) และตำรับพม่าขึ้นอีก ๒ ตำรับ...."
กระโถนข้างวัด
14-01-2015, 10:14
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22424&stc=1&d=1421205213
หลวงปู่ตอบคำถามที่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๕
ถาม : ถ้าจะเริ่มปฏิบัติกรรมฐาน ควรทำอะไรก่อนหรือไม่ครับ ?
หลวงปู่ : ก่อนที่เราจะปฏิบัติกรรมฐาน เราต้องมีความรู้ไว้บ้าง ต้องศึกษามาก่อน ถ้าเราไม่รู้ เราทำแล้วเสียสติ เพราะสติเราไม่พอ บางคนก็บอกว่า ทำวิปัสสนาแล้วเป็นบ้า ที่จริงไม่ได้เกี่ยวกับวิปัสสนา แต่เป็นเพราะผู้ปฏิบัติไม่มีสติ คนเราทำแล้วไม่มีสติก็เป็นบ้า ต้องมีสติเพราะบางคนสติไม่พอ ก็ทำให้เสียสติได้ ไม่ใช่อย่างที่พูดกันว่า ทำกรรมฐานแล้วเป็นบ้า
กระโถนข้างวัด
15-01-2015, 10:18
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22425&stc=1&d=1421291856
หลวงปู่ตอบคำถาม
ถาม : ถ้าเรารู้สึกปวดเมื่อย เราจะแก้อารมณ์นั้นอย่างไรครับ ?
หลวงปู่ : เราต้องตั้งจิตว่าตัวของเรานั้นมอบให้ครูบาอาจารย์ หรือมอบให้พระพุทธเจ้า เมื่อเกิดการเป็นเหน็บชาหรืออะไร เราอย่าไปยึดติดคิดว่าเป็นตัวของเรา เป็นร่างกายของเรา ไม่ต้องกังวลกับความปวดเมื่อย กับร่างกาย
กระโถนข้างวัด
16-01-2015, 09:25
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22427&stc=1&d=1421375769
หลวงปู่ตอบคำถาม
ถาม : เรื่องนรกสวรรค์นี้มีจริงหรือเป็นแค่การเปรียบเทียบครับหลวงปู่ ?
หลวงปู่ : เรื่องนี้ตามพระอภิธรรมก็ปรากฏว่ามีจริง แม้แต่ในพระธัมมจักกัปปวัตนสูตรที่พระพุทธองค์ทรงเทศน์ก็มี และในภพภูมิที่เราอยู่นี้ คือ กามภูมิ ๑๑ (นรก ๔ มนุษย์ ๑ สวรรค์ ๖) ในพระอภิธรรม ในพระสูตรก็มี เราดูแล้วเชื่อแน่ว่ามีจริง
กระโถนข้างวัด
17-01-2015, 07:32
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22431&stc=1&d=1421454593http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22432&stc=1&d=1421454594
พระพรหมของหลวงปู่
ถาม : เรื่องพรหมนี้อย่างไรครับหลวงปู่ ?
หลวงปู่ : รูปที่คุณไปเอามานี้เป็นรูปพรหม พรหมนี้มีจริงไหมเล่า ?
ถาม : น่าจะมีจริง อยู่ในเมืองมนุษย์เรานี้หรือครับ ?
หลวงปู่ : ไม่ใช่ พรหมเขาอยู่กันเป็นชั้น ๆ ปฐมะ ทุติยะ ตติยะ จตุตถะ เขามีชื่อเรียกอยู่ เช่น พรหมปาริสัชชา พรหมปโรหิตา มหาพรหมา เป็นชั้นหนึ่ง เป็นต้น
ถาม : ผมก็นับถือพรหมอยู่ แต่คิดว่าพรหมนี้อยู่อีกสภาวะหนึ่ง จะมาโปรดมนุษย์ไม่ได้ คิดว่าพรหมอยู่ข้างบน ?
หลวงปู่ : ถ้าอย่างนั้น คุณก็ไม่ได้คิดว่า เทวดาบ้าง พรหมบ้าง มีอยู่ข้างบน ไม่เชื่อใช่ไหม ? ถ้าคุณไม่เชื่อคุณจะนับถือพรหมทำไม ? พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ มีอยู่ในพระสูตรหลายสูตร เช่น ในอาฏานาฏิยสูตร ก็กล่าวถึงเทวดาจำนวนมาก และในมหาสมัยสูตร ก็กล่าวถึงพรหมบ้าง เทวดาบ้าง นับไม่ถ้วน ตอนนี้เชื่อหรือยัง ?
ถาม : เชื่อแล้วครับ หลวงปู่
กระโถนข้างวัด
18-01-2015, 07:16
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22433&stc=1&d=1421540141
ถาม : ขอกราบเรียนถามว่าคนเราเวลาใกล้จะตายมีกรรมมาปรากฏนั้น มาปรากฏในลักษณะไหนครับ ?
หลวงปู่ : ในเวลามรณาสันนะ (ใกล้จะตาย) ภวังคจิตเกิดขึ้นทางมโนทวารก่อนภวังค์จะตก เราต้องรับอารมณ์ปัจจุบันกับอดีตพร้อมกัน แล้วจุติเกิดขึ้น จุติแล้วก็ดับไป ในขณะจุติเกิดขึ้น ชวนจิตตั้งอยู่ ปรากฏขึ้นในอารมณ์ที่เป็นปัจจุบัน
แล้วจุติจิตจะเกิดขึ้นในตอนมรณาสันนะ ถ้าไม่อย่างนั้น เขาก็ไม่สัมพันธ์กัน ที่เราไปเกิดนั้น เขาก็ไม่ได้ว่าไปเกิดในภพนั้น ภพนี้ แต่จุติแล้วก็ต้องไปเกิด จะเป็นเปรตหรือเดรัจฉานหรือจะเป็นอะไรก็เป็นไป ก็เหมือนกับ โฆสกกุมาร ทำบุญมาก่อนจะตาย อารมณ์ปัจจุบันเสวยอยู่ ตอนที่อดข้าวอดน้ำ พอเห็นลูกสุนัขกินข้าวอร่อยเกิดคิดขึ้นว่าถ้าเป็นสุนัข จะได้กินอย่างนี้ พอภวังคจิตปัจจุบันและอนาคตดับ ก็ไปเกิดเป็นสุนัข หรืออย่าง พระติสสเถร ก่อนจะตายยังคิดเสียดายจีวรแพรอยู่ เลยไปเกิดเป็นเล็นอยู่ในจีวร อารมณ์ปัจจุบันนี้ดับลง ก็ไปติดกับอารมณ์อนาคต แบบนั้น
กระโถนข้างวัด
19-01-2015, 07:33
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22436&stc=1&d=1421627609
ถาม : กรรมนี้เราตัดได้ไหมครับ ?
หลวงปู่ : ตัดไม่ได้ ถ้าเป็นครุกรรม (กรรมหนัก) เช่น อนันตริยกรรม ๕ คือ ฆ่าบิดา ฆ่ามารดา ฆ่าพระอรหันต์ ทำโลหิตของพระพุทธเจ้าให้ห้อ และทำสงฆ์ให้แตกกัน
ถาม : ถ้าเช่นนั้นกรรมอื่นนี้ เราตัดได้ใช่ไหมครับ ?
หลวงปู่ : กรรมอื่น ๆ นั้น เราทำบุญไป ก็หลุดไปมาก แต่ถ้าเป็นครุกรรมแล้ว จะทำบุญขนาดไหนก็ไม่พ้น เหมือนอย่างพระเจ้าอชาตศัตรู ทำบุญไม่รู้เท่าไร แต่เพราะกรรมที่ปลงพระชนม์พระราชบิดา จึงต้องตกนรก หนีไม่พ้น ถ้าเป็นลหุกรรม (กรรมเบา) เราทำบุญมาก ๆ กุศลบุญที่เราทำนั้นอาจจะให้ผลก่อน แต่กรรมเราก็ยังไม่หลุด ถ้าเราทำบุญไปเรื่อย ๆ บางทีเราไปเกิดในกาลที่ไม่มีพระพุทธเจ้า เราก็มีเจตนาทำบุญอยู่เนือง ๆ ผลบุญก็ให้ผลก่อนเรื่อยไป กรรมก็ตามไม่ทัน นี่ลหุกรรมเป็นแบบนี้
เราต้องทำบุญมาก ๆ เรื่องการทำบุญนี้จะติดเป็นนิสัย ถ้าเราเคยทำอยู่ในชาตินี้ เราระลึกถึงบุญอยู่เสมอ บุญนี้ให้ผลเราก่อน กรรมที่ไม่ดีก็ตามมาไม่ทัน เพราะบุญหรือมหากุศลของเรามากขึ้น เพราะฉะนั้น..ก่อนจะทำบุญ เขาจึงให้รับศีล ๕ ก่อน เป็นการทำบุญด้วยศีล ก็ได้ทั้งทานบารมี และศีลบารมี เราปฏิบัติตามรอยพระบาทของพระพุทธองค์ ที่ทรงบำเพ็ญบารมีอยู่ตลอดเวลา แม้เวรกรรมจะตามมาแต่ก็ไม่ชนะ แต่พระองค์ก็ยังได้รับวิบากของกรรมอยู่เหมือนกัน เรื่องกรรมนี้ลึกซึ้ง บางคนไม่เคยเข้าวัด ไม่เคยสนใจในศาสนา พออายุมากขึ้นหันมาเข้าวัด บางทีปฏิบัติดีกว่าคนที่ทำมาก่อนก็มี จิตใจเปลี่ยนไปด้วยกรรมในอดีต บางคนจน พอกรรมหมดไป ก็ได้เอกลาภ มีสมบัติขึ้น มีเงินมีทองขึ้น เพราะฉะนั้น..เรื่องกรรมนี้ เราไม่เชื่อไม่ได้
กระโถนข้างวัด
20-01-2015, 08:18
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22438&stc=1&d=1421716437
ประวัติความเป็นมาของประคำ
ปี พ.ศ. ๒๒๕ คณะสงฆ์อินเดียได้ประชุมกันจัดส่งพระอรหันตเถระ ไปเผยแพร่พระพุทธศาสนา ในดินแดนต่าง ๆ ในการนี้ ได้มอบหมายให้พระอรหันต์ ๒ รูป คือ พระโสณเถระ และพระอุตตรเถระ เดินทางมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาและนำพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐานมายังดินแดนสุวรรณภูมิ โดยมีเมืองนครปฐมเป็นศูนย์กลาง ครั้นเมื่อเดินทางผ่านเมืองสะเทิมในรัฐมอญ พระอรหันต์เถระทั้งสองรูปได้พบกับพระฤๅษี ๓ องค์ ซึ่งบำเพ็ญเพียรอยู่ที่บริเวณภูเขาสุทัศนคีรี ใกล้เมืองสะเทิม คือ พระฤๅษีคุปตะ พระฤๅษีจุลละ พระฤๅษีเทวิละ บรรดาพระฤๅษี เมื่อได้เห็นจริยาวัตรและปฏิปทาอันงดงามของพระโสณเถระและพระอุตตรเถระ ก็บังเกิดศรัทธาปสาทะชักชวนกันไปนมัสการ และถามว่า “ท่านเป็นศิษย์ของผู้ใด ? ใครคือพระศาสดาของท่าน ? ” พระอรหันตเถระทั้งสอง ก็ตอบว่า “พระสมณโคดมศากยบุตรอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นอาจารย์ของพวกเรา พระองค์คือพระศาสดาของพวกเราทั้งหลาย”
กระโถนข้างวัด
21-01-2015, 08:43
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22439&stc=1&d=1421804582
ประวัติความเป็นมาของประคำ (๒)
พระฤๅษีทั้ง ๓ องค์ เมื่อได้ทราบว่าพระรัตนตรัยบังเกิดขึ้นในโลกนี้แล้ว ก็รู้สึกปีติยินดี แต่มีความเสียดายที่ไม่ได้พบพระพุทธองค์ เพราะทรงปรินิพพานไปนานแล้ว ถึง ๒๒๕ ปี จึงซักถามพระเป็นเจ้าทั้งสองต่อไปว่า พระรัตนตรัยทั้งสามมีคุณเท่าใด ? พระอรหันตเถระทั้งสองก็อธิบายให้ฟังว่า คุณพระพุทธเจ้ามีจำนวน ๕๖ ดังบทสวดพระพุทธคุณ (อิติปิ โส ภควาฯ) คุณพระธรรมเจ้ามีจำนวน ๓๘ ดังบทสวดพระธรรมคุณ (สวากขาโตฯ) และคุณพระสังฆเจ้ามีจำนวน ๑๔ ดังบทสวดพระสังฆคุณ (สุปฏิปันโนฯ) เมื่อรวมกันแล้ว คุณพระศรีรัตนตรัยมีจำนวนทั้งสิ้น ๑๐๘
พระฤๅษีทั้งสามถามต่อไปว่า ในกัปของเรานี้ ยังมีพระพุทธเจ้าองค์ใหม่เกิดขึ้นอีกหรือไม่ ? พระอรหันตเถระทั้งสองได้อธิบายให้ฟังว่า ในขณะนี้อยู่ใน "ภัทรกัป" ซึ่งจะมีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นถึง ๕ พระองค์ พระสมณโคดมบรมศาสดานี้ เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๔ ในภัทรกัป ดังนั้น จึงยังเหลือพระพุทธเจ้าที่จะมาบังเกิดขึ้นอีกหนึ่งพระองค์ คือ พระศรีอริยเมตไตรย
พระฤๅษีทั้งสาม จึงขอทราบพระนามของพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ในภัทรกัปนี้ พระอรหันตเถระทั้งสองจึงแจ้งให้ทราบดั่งประพันธ์ในคาถาปัฐยาวัตรฉันท์ ดังนี้
"นะกาโร กะกุสันโธ จะ โมกาโร โกนาคะมะโน
พุทกาโร กัสสะโป พุทโธ ธากาโร สักกะยะปุงคะโว
ยะกาโร อะริยะเมตเตยโย ปัญจะพุทธา นะมามิหัง"
แล้วพระอรหันตเถระทั้งสองก็อำลาพระฤๅษีทั้งสาม ออกเดินทางมายังสุวรรณภูมิตามจุดมุ่งหมาย เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาต่อไป
กระโถนข้างวัด
22-01-2015, 09:19
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22444&stc=1&d=1421893134
ประวัติความเป็นมาของประคำ (๓)
ฝ่ายพระฤๅษีทั้งสามได้ปรึกษากันว่า เราควรจะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เพื่อให้น้อมระลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัยอยู่เสมอ ในที่สุด... จึงได้ตกลงกันสร้างลูกประคำขึ้นมา โดยกำหนดให้ลูกประคำมีจำนวน ๑๐๘ เม็ด เท่ากับคุณของพระศรีรัตนตรัย และที่ยอดประคำอีก ๓ เม็ด เพื่อแทนองค์แห่งพระศรีรัตนตรัยทั้งสาม คือ พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสงฆเจ้า สำหรับบทสวดภาวนาได้กำหนดเอาพระนามของพระพุทธเจ้า ทั้ง ๕ พระองค์ ในภัทรกัปนี้ คือ "นะ โม พุท ธา ยะ" มาประยุกต์รวมกันเข้ากับพระคาถา “โอม” คือ “มะ อะ อุ” ซึ่งเป็นคาถาของท้าวมหาพรหม ที่บรรดาพระฤๅษีทั้งหลายนำมาใช้กันอยู่เป็นประจำนั้น มาสวดภาวนาเวลาชักลูกประคำ โดยอนุโลมปฏิโลม ดังต่อไปนี้คือ “นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ มะอะอุ อุอะมะ”
ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ลูกประคำ ๑๐๘ ก็ได้แพร่หลายเรื่อยมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้
กระโถนข้างวัด
22-01-2015, 12:20
http://www.watthakhanun.com/webboard/attachment.php?attachmentid=22445&stc=1&d=1421903978
ประคำเส้นสุดท้ายที่หลวงปู่ใช้ทำจากอำพัน ปัจจุบันบรรจุอยู่ในปราสาท ๙ ยอด
คาถาประจำประคำที่หลวงปู่ใช้ อีกบทหนึ่ง ก็คือ " ทิปุอา อาทิปุ อิสวาสุ นะโมอุตตะโม โพธิสัตโต นะมามิหัง "
vBulletin® v3.8.11, Copyright ©2000-2025, vBulletin Solutions Inc.