ลัก...ยิ้ม
10-09-2010, 15:22
สมเด็จฯ โต โปรด ร.๔
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๙ ส.ค. ๒๕๓๖ สมเด็จท่านเมตตาสอนเพื่อนของผมไว้ มีความสำคัญดังนี้
๑. เพื่อนของผม ท่านยกเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาว่า ขณะนั้น ร.๔ กำลังมีความกังวลเรื่องพระชายากำลังจะคลอดบุตร ก็ให้มหาดเล็กไปนิมนต์สมเด็จฯ โต ท่านมาเทศน์โปรด การเทศน์ของท่านในวันนั้น ท่านเทศน์ไม่ยอมจบ ร.๔ ก็ทรงกระสับกระส่าย จนกระทั่งมหาดเล็กเข้ามารายงานว่าพระองค์ได้บุตรชาย ทั้งแม่และลูกสบายดี จิตของ ร.๔ ก็สงบ การเทศน์ก็จบลงเช่นกัน จำได้ว่าหลวงพ่อฤๅษีท่านนำมาเล่าให้ฟัง ในขณะนั้นก็หัวเราะชอบใจอย่างเดียว แต่ไม่ทราบเหตุผลของการเทศน์
๒. สมเด็จฯ โต ท่านก็เมตตาโปรดสอนเพื่อนผม มีความสำคัญว่า การเทศน์นั้นมุ่งทำให้คนฟังเป็นสุขและสงบ เพราะพระธรรมเป็นยารักษาจิตให้สงบเป็นสุขได้
๓. ท่านสอนว่า “เอ็งคิดว่า พระอรหันต์ท่านทำอะไร ไม่มีเหตุผลหรอกหรือ การเพ้อเจ้อ เหลวไหล มีในจิตของพระอรหันต์หรือ?” (ก็ตอบว่า ย่อมไม่มี)
๔. “นั่นแหละ คือบารมีของคนที่ยังไม่ถึงธรรมนั้น ๆ จึงคิดไม่ตรงเป้าหมาย แถมตีความหมายของธรรมไปในอุบายของอารมณ์จิตต่าง ๆ ไปอีก เอาอารมณ์จิตของตนเอง ตีความหมายของธรรมผิดไปจากความจริง”
๕. “เอ็งจะเห็นได้ว่า ธรรมนั้น กว่าจิตจะเข้าถึงได้ในแต่ละระดับไม่ใช่ของง่าย จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะใช้อารมณ์จิตของตนเองคิดไปในธรรมที่ยังเข้าไม่ถึงนั้น ๆ ดังนั้น จึงควรเดินมรรคผลตามบารมีของจิตของตนเข้าไว้เป็นสำคัญ ค่อย ๆ ทำความเข้าใจในธรรมนั้นไปเรื่อย ๆ อย่าออกนอกทางพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าก็แล้วกัน จิตมันก็จะมีอารมณ์ละเอียดขึ้นตามลำดับ ในที่สุดก็สามารถเข้าใจในธรรมนั้น ๆ ได้ละเอียดขึ้นตามลำดับเช่นกัน”
๖. “เมื่อมาเจอของจริงเข้าอย่างนี้ เอ็งคงจะเข้าใจแล้วซินะ ถ้าระดับจิตยังไม่ถึงอย่างหนึ่ง หรือถ้าพระท่านไม่สงเคราะห์อย่างหนึ่ง เอ็งก็ไม่สามารถจะรู้ได้มาถึงเพียงนี้ เพราะฉะนั้นจงอย่าประมาทในธรรม คิดว่าเรารู้ดีแล้ว”
๗. “จำไว้เสมอว่า ถ้ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด คำว่ารู้ดีในธรรมจงอย่าได้ปรากฏแก่จิตของเอ็ง มันจะโง่ตื้นเขินในธรรมอย่างแท้จริง”
๘. “จำไว้ พระอริยเบื้องสูง ท่านทำกิริยาอะไร ย่อมมีเหตุผลทั้งสิ้น คำว่าทำเพื่อเล่น ๆ ไม่มี”
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๖
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๙ ส.ค. ๒๕๓๖ สมเด็จท่านเมตตาสอนเพื่อนของผมไว้ มีความสำคัญดังนี้
๑. เพื่อนของผม ท่านยกเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาว่า ขณะนั้น ร.๔ กำลังมีความกังวลเรื่องพระชายากำลังจะคลอดบุตร ก็ให้มหาดเล็กไปนิมนต์สมเด็จฯ โต ท่านมาเทศน์โปรด การเทศน์ของท่านในวันนั้น ท่านเทศน์ไม่ยอมจบ ร.๔ ก็ทรงกระสับกระส่าย จนกระทั่งมหาดเล็กเข้ามารายงานว่าพระองค์ได้บุตรชาย ทั้งแม่และลูกสบายดี จิตของ ร.๔ ก็สงบ การเทศน์ก็จบลงเช่นกัน จำได้ว่าหลวงพ่อฤๅษีท่านนำมาเล่าให้ฟัง ในขณะนั้นก็หัวเราะชอบใจอย่างเดียว แต่ไม่ทราบเหตุผลของการเทศน์
๒. สมเด็จฯ โต ท่านก็เมตตาโปรดสอนเพื่อนผม มีความสำคัญว่า การเทศน์นั้นมุ่งทำให้คนฟังเป็นสุขและสงบ เพราะพระธรรมเป็นยารักษาจิตให้สงบเป็นสุขได้
๓. ท่านสอนว่า “เอ็งคิดว่า พระอรหันต์ท่านทำอะไร ไม่มีเหตุผลหรอกหรือ การเพ้อเจ้อ เหลวไหล มีในจิตของพระอรหันต์หรือ?” (ก็ตอบว่า ย่อมไม่มี)
๔. “นั่นแหละ คือบารมีของคนที่ยังไม่ถึงธรรมนั้น ๆ จึงคิดไม่ตรงเป้าหมาย แถมตีความหมายของธรรมไปในอุบายของอารมณ์จิตต่าง ๆ ไปอีก เอาอารมณ์จิตของตนเอง ตีความหมายของธรรมผิดไปจากความจริง”
๕. “เอ็งจะเห็นได้ว่า ธรรมนั้น กว่าจิตจะเข้าถึงได้ในแต่ละระดับไม่ใช่ของง่าย จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะใช้อารมณ์จิตของตนเองคิดไปในธรรมที่ยังเข้าไม่ถึงนั้น ๆ ดังนั้น จึงควรเดินมรรคผลตามบารมีของจิตของตนเข้าไว้เป็นสำคัญ ค่อย ๆ ทำความเข้าใจในธรรมนั้นไปเรื่อย ๆ อย่าออกนอกทางพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าก็แล้วกัน จิตมันก็จะมีอารมณ์ละเอียดขึ้นตามลำดับ ในที่สุดก็สามารถเข้าใจในธรรมนั้น ๆ ได้ละเอียดขึ้นตามลำดับเช่นกัน”
๖. “เมื่อมาเจอของจริงเข้าอย่างนี้ เอ็งคงจะเข้าใจแล้วซินะ ถ้าระดับจิตยังไม่ถึงอย่างหนึ่ง หรือถ้าพระท่านไม่สงเคราะห์อย่างหนึ่ง เอ็งก็ไม่สามารถจะรู้ได้มาถึงเพียงนี้ เพราะฉะนั้นจงอย่าประมาทในธรรม คิดว่าเรารู้ดีแล้ว”
๗. “จำไว้เสมอว่า ถ้ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด คำว่ารู้ดีในธรรมจงอย่าได้ปรากฏแก่จิตของเอ็ง มันจะโง่ตื้นเขินในธรรมอย่างแท้จริง”
๘. “จำไว้ พระอริยเบื้องสูง ท่านทำกิริยาอะไร ย่อมมีเหตุผลทั้งสิ้น คำว่าทำเพื่อเล่น ๆ ไม่มี”
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๖
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com