PDA

View Full Version : นิสสัคคีย์ ปาจิตตีย์


ลัก...ยิ้ม
08-09-2010, 09:43
นิสสัคคีย์ ปาจิตตีย์


เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๒ ส.ค. ๒๕๓๖ ตอน ๑๖.๐๐ น. ฟังเสียงตามสาย หลวงพ่อท่านสอนพระวินัยพระเรื่องนิสสัคคีย์ ปาจิตตีย์ มีความสำคัญว่า

๑. นิสสัคคีย์ ปาจิตตีย์ แปลว่า ของเลว ของที่ไม่คู่ควรกับสมณวิสัย หรือของเลวได้มาต้องทุบทิ้ง ทำลายไป เช่น ท่านปิณโฑลได้บาตรปุ่มแก่นจันทร์มา พระพุทธเจ้าก็สั่งให้ทำลายจนสิ้นซาก เป็นต้น

๒. คำว่ารูปิยะ (เงิน ทอง หรือสิ่งสมมุติที่ใช้แทนเงิน ทอง) หลวงพ่อท่านอธิบายว่า ในปัจจุบันพระมีความจำเป็นต้องจับเงิน เพราะพระต้องเสียค่ารถ ค่าหมอ ค่ายา ค่าอาหาร ค่าสิ่งจำเป็นต่าง ๆ ในการดำรงชีพอยู่ ไม่มีใครยกโทษให้พระในเรื่องนี้ ดังนั้นอาบัติข้อนี้ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ เพราะอาบัติอยู่ที่จิตมิใช่อยู่ที่กาย จะให้คนอื่นรับก็ดี จะรับเองก็ดี ล้วนเป็นอาบัติทั้งสิ้น เมื่อเลี่ยงไม่ได้ ก็รับเสียเลยก็สิ้นเรื่อง

๓. แต่รับแล้วให้นำมาทำเป็นสาธารณประโยชน์ เช่น ซ่อมโบสถ์ วิหาร ผู้ให้เขาก็ได้บุญทางวิหารทานอีกต่อหนึ่ง หรือเอามาเป็นสังฆทานก็ได้

๔. อย่าสะสมเป็นสมบัติส่วนตัว เรื่องเอาของที่เขาถวายไปขายเป็นเงินก็ดี หรือเอาของมาแลกกันก็ดี ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ควรทั้งสิ้น

ลัก...ยิ้ม
09-09-2010, 10:52
เมื่อฟังหลวงพ่อสอนแล้วก็อดเอามาใคร่ครวญพิจารณาไม่ได้ เพราะความเป็นพระมีค่าเพียงบาทเดียว หรือ ๕ มาสก เท่ากับ ๑ บาท ท่านสอนว่าพระเดินไปเห็นของมีค่าเกินกว่า ๑ บาทตกอยู่ เมื่อตาเห็นรูป จิตนึกอยากได้ ก็อาบัติเล็ก ๆ น้อย ๆ เกิดแล้ว พอเอามือจับของนั้น ยังมิได้ยกขึ้นหรือขยับของนั้น อาบัติปาจิตตีย์ก็เกิดแล้ว เพราะจิตเป็นบาปแล้ว หากยกของนั้นขึ้นมาก็อาบัติปาราชิกแล้วเป็นอัตโนมัติ เพราะไปเอาของ ๆ ผู้อื่นที่มีค่าเกินกว่า ๕ มาสก หรือ ๑ บาท มาเป็นของส่วนตัว ทำไมถึงละเอียดอย่างนี้ การเป็นพระนี่ช่างแสนยาก ก็คิดต่อไปว่าที่เราต้องกราบไหว้บูชาพระก็เพราะเหตุนี้แหละ จิตท่านต้องบริสุทธิ์จริง ๆ

จิตยังฟุ้งต่อไปว่า พระที่ท่านขึ้นรถเมล์ เขาก็เก็บเงินค่ารถ หากกระเป๋ารถเดินมาแล้ว พระแกล้งหลับโดยเจตนาเพื่อจะหลบเลี่ยงการเสียค่ารถ หากค่ารถเกินกว่า ๑ บาท แล้วกระเป๋าเห็นพระหลับก็ผ่านไปไม่เก็บ ผลก็คืออาบัติปาราชิกเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเช่นกัน เพราะอาบัติเกิดที่จิต เจตนาของจิตเป็นตัวบุญและบาป การเป็นพระที่สมบูรณ์จึงยากด้วยเหตุเหล่านี้

จิตฟุ้งต่อไปว่า มีพระระดับสมเด็จท่านตาย (มรณภาพ) ท่านเป็นพระใหญ่ที่ไม่จับเงิน จับทอง แต่พอตายท่านมีสมบัติเป็นเงินสดหลายสิบล้าน ไม่มีหลักฐานบอกว่าเป็นของสงฆ์แต่อย่างใด พวกญาติโยมของท่านก็ได้รับมรดกจากเงินส่วนนี้กันคนละหลายล้าน

เพื่อนผมท่านหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า เพื่อนของท่านก็ได้รับเงินมรดกนี้ด้วย ได้แล้วก็ซื้อรถอเมริกันคันใหญ่นั่ง (เมื่อประมาณ ๓๐ กว่าปีที่แล้ว) เพื่อนผมได้นั่งรถคันใหญ่นั้น แต่พอรู้ว่าเขาซื้อมันด้วยเงินอันไม่บริสุทธิ์ของพระใหญ่องค์นั้น เพื่อนผมก็บอกให้รถหยุด เธอมีธุระจะต้องลง เพราะเธอกลัวว่าหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในระหว่างนั่งรถคันนั้น เธออาจจะต้องไปสู่ทุคติ นับว่าเพื่อนของผมมีหิริโอตตัปปะและฉลาดมาก

ลัก...ยิ้ม
10-09-2010, 08:17
หลวงพ่อฤๅษีท่านเล่าให้ผมฟังว่า มีพระระดับสมเด็จท่านตาย (มรณภาพ) จำได้ว่าเป็นวัดสระเกศ ท่านเป็นสมเด็จพระสังฆราช วัดนี้ท่านจับเงินจับทอง เมื่อคณะสงฆ์มาตรวจพบว่ามีหีบ ๑ ใบ ใส่กุญแจอยู่ พอเปิดหีบมีเงินอยู่เต็ม นับได้ถ้าจำไม่ผิดก็กว่า ๒๕ ล้านบาท (ในสมัยที่เงินมีคุณค่าสูง) แต่มีหนังสือเขียนด้วยลายมือของท่านเองว่า เงินทั้งหมดนี้เป็นเงินของสงฆ์ มิใช่เงินส่วนตัวท่าน ผมก็ฟุ้งมาพอสมควรแล้ว เห็นจะต้องขอจบอารมณ์ฟุ้งไว้เพียงเท่านี้


ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๖
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com