ลัก...ยิ้ม
19-08-2010, 09:51
จงอยู่กับธรรมปัจจุบันให้มาก ๆ
เมื่อวันจันทร์ที่ ๙ ส.ค. ๒๕๓๖ สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้
แต่ก่อนที่พระองค์จะตรัสสอน หลวงพ่อท่านได้ถามเพื่อนของผมว่า “เอ็งอยากได้พระอนาคามีหรืออยากได้หลวงพ่อกลับมา” (ก็ตอบท่านว่า อยากได้ทั้ง ๒ อย่าง)
หลวงพ่อท่านไม่ตอบ ปล่อยให้ใช้ความคิดพิจารณาเพื่อให้เกิดปัญญา ในที่สุดก็คิดออกว่า พระอนาคามีนั้นจะต้องใช้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนจึงจะได้ โดยใช้ความเพียรปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนที่พระท่านให้ไว้เท่านั้น แต่การอยากได้หลวงพ่อกลับมานั้น เป็นตัณหา เป็นความชั่วของจิต ที่ฝืนพระธรรมคำสอนของพระองค์โดยตรง ขัดหลักสัทธรรม ๕ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจ และมีความปรารถนาไม่สมหวัง ล้วนเป็นของธรรมดาที่ไม่มีใครจะฝืนได้ ยิ่งฝืนก็ยิ่งทุกข์ หรือมันเหมือนกับที่อยากให้พระอรหันต์ท่านกลับลงมาเกิดอีก อันเป็นอารมณ์ของคนบ้า โง่ และหลงอย่างสุด ๆ เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ พระพุทธองค์ก็ทรงตรัสว่า
๑. “คำนึงถึงธรรมปัจจุบันให้มาก ละธรรมอดีตและอนาคตลงเสียก่อน พึ่งตนเองให้มาก ๆ เพื่อการเป็นพระอริยเจ้าเบื้องสูง อย่าพอใจแค่พระโสดาบัน จักไม่พ้นทุกข์”
๒. “หมั่นคิดถึงคำถามของท่านฤๅษีที่กล่าวทิ้งไว้ให้เจ้าคิด เมื่อเย็นนี้ด้วย ถ้าเจ้าไม่โง่มากเกินไป จงใช้จิตปฏิบัติธรรมเพื่ออริยมรรค อริยผล ดีกว่าที่จักใช้จิตมาครุ่นคิดคำนึงถึงเรื่องของท่านฤๅษี จนถูกความเศร้าหมองเข้ามาครอบงำจิต”
๓. “อย่าโง่นักสิเจ้า กาลเวลาล่วงไป ชีวิตมันใกล้ความตายทุกขณะจิต ไม่ทำความเพียรตั้งแต่วาระนี้ แล้วจักไปทำความเพียรเอาที่ตรงไหน ธรรมะของตถาคตมิใช่ของเนิ่นช้า อย่าท้อถอยกับการกระทบกระทั่งของอารมณ์ เพราะเป็นธรรมดา จักละธรรมอันเป็นอกุศลประการใด ธรรมที่เป็นอกุศลประการนั้น ก็จักเข้ามาทดสอบจิตอยู่เสมอ”
เมื่อวันจันทร์ที่ ๙ ส.ค. ๒๕๓๖ สมเด็จองค์ปฐม ทรงพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้
แต่ก่อนที่พระองค์จะตรัสสอน หลวงพ่อท่านได้ถามเพื่อนของผมว่า “เอ็งอยากได้พระอนาคามีหรืออยากได้หลวงพ่อกลับมา” (ก็ตอบท่านว่า อยากได้ทั้ง ๒ อย่าง)
หลวงพ่อท่านไม่ตอบ ปล่อยให้ใช้ความคิดพิจารณาเพื่อให้เกิดปัญญา ในที่สุดก็คิดออกว่า พระอนาคามีนั้นจะต้องใช้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนจึงจะได้ โดยใช้ความเพียรปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนที่พระท่านให้ไว้เท่านั้น แต่การอยากได้หลวงพ่อกลับมานั้น เป็นตัณหา เป็นความชั่วของจิต ที่ฝืนพระธรรมคำสอนของพระองค์โดยตรง ขัดหลักสัทธรรม ๕ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจ และมีความปรารถนาไม่สมหวัง ล้วนเป็นของธรรมดาที่ไม่มีใครจะฝืนได้ ยิ่งฝืนก็ยิ่งทุกข์ หรือมันเหมือนกับที่อยากให้พระอรหันต์ท่านกลับลงมาเกิดอีก อันเป็นอารมณ์ของคนบ้า โง่ และหลงอย่างสุด ๆ เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ พระพุทธองค์ก็ทรงตรัสว่า
๑. “คำนึงถึงธรรมปัจจุบันให้มาก ละธรรมอดีตและอนาคตลงเสียก่อน พึ่งตนเองให้มาก ๆ เพื่อการเป็นพระอริยเจ้าเบื้องสูง อย่าพอใจแค่พระโสดาบัน จักไม่พ้นทุกข์”
๒. “หมั่นคิดถึงคำถามของท่านฤๅษีที่กล่าวทิ้งไว้ให้เจ้าคิด เมื่อเย็นนี้ด้วย ถ้าเจ้าไม่โง่มากเกินไป จงใช้จิตปฏิบัติธรรมเพื่ออริยมรรค อริยผล ดีกว่าที่จักใช้จิตมาครุ่นคิดคำนึงถึงเรื่องของท่านฤๅษี จนถูกความเศร้าหมองเข้ามาครอบงำจิต”
๓. “อย่าโง่นักสิเจ้า กาลเวลาล่วงไป ชีวิตมันใกล้ความตายทุกขณะจิต ไม่ทำความเพียรตั้งแต่วาระนี้ แล้วจักไปทำความเพียรเอาที่ตรงไหน ธรรมะของตถาคตมิใช่ของเนิ่นช้า อย่าท้อถอยกับการกระทบกระทั่งของอารมณ์ เพราะเป็นธรรมดา จักละธรรมอันเป็นอกุศลประการใด ธรรมที่เป็นอกุศลประการนั้น ก็จักเข้ามาทดสอบจิตอยู่เสมอ”