เถรี
26-06-2010, 07:35
สมัยที่บวชอยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุงใหม่ ๆ ท่านให้ปฏิบัติให้มากเข้าไว้ ท่านบอกว่าในช่วงแรกเราต้องสร้างกำลังใจของตัวเอง ให้เข้มแข็งที่สุดเท่าที่จะสร้างได้ ถ้าหากว่ามีงานเข้ามาเมื่อไร จะได้มีกำลังไว้สู้กับงาน
ตอนนั้นอาตมาเป็นคนที่ค่อนข้างจะพลังงานเหลือเฟือ ให้ปฏิบัติอย่างเดียวรู้สึกไม่ชอบใจ อยากมีงานในรับผิดชอบเร็ว ๆ ในเมื่อไม่มีงานอื่นทำก็หางานทำเอง
งานแรกที่เท่ากับเป็นความผิดชอบก็คือ กวาดถูศาลานวราชบพิตร เพราะว่าเป็นศาลาที่หลวงพ่อท่านจะต้องลงรับสังฆทานทุกวัน ปรากฏว่าถูศาลาอย่างมีความสุขได้ไม่กี่วัน มีคนมาแย่งทำ เขาคงเห็นว่าพระรูปนี้ขยันอะไรนักหนา ถูอยู่ได้ทุกวัน
ในเวลาทำงานเรากำหนดความรู้สึกตามไปด้วย เวลากวาด เวลาถู ไม้ถู..ไม้กวาด ไปข้างหน้า ไปข้างหลัง แรงหรือเบา ยาวหรือสั้น กำหนดรู้ไปด้วย ก็เท่ากับเราปฏิบัติกรรมฐานไปด้วย ในขณะที่ทำงานตอนนั้นก็คิดว่า กำลังของเราสามารถที่จะทำงานได้
มาในระยะหลัง พอออกจากวัดไปทำงานด้วยตนเอง จึงพอที่จะเข้าใจที่หลวงพ่อท่านว่ามา เพราะว่าการทำงานต่าง ๆ เช่น งานก่อสร้างก็ดี การบริหารวัดวาอารามต่าง ๆ ก็ดี จะมีปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามาในลักษณะที่เป็นแรงกระทบอยู่ตลอดเวลา ถ้ากำลังใจของเราไม่มั่นคงก็จะพังในเวลาอันรวดเร็ว แต่ถ้าเราสะสมกำลังเอาไว้เพียงพอ ก็จะสามารถที่จะยืนหยัดต่อสู้กับกิเลสได้
คราวนี้ในปัจจุบัน อย่างการบริหารวัดวาอารามต่าง ๆ หรืองานรับผิดชอบ เวลามอบให้คนอื่นทำหน้าที่แทนเวลาเราไม่อยู่ ตัวอย่างชัดที่สุดก็คือ พระครูน้อย(พระครูสังฆรักษ์วิฑูรย์ จนฺทวํโส) พออาตมากลับไปทีไร ท่านเหมือนกับวางโลกลงไปได้ หายใจได้สะดวกสักที กลายเป็นว่าการที่ท่านต้องไปรับหน้าที่รับผิดชอบต่าง ๆ เพื่อที่จะบริหารวัดให้ดีแค่นั้นของอาตมา ในความรู้สึกของท่าน คือ เกินกำลังที่จะรับไหว..!
ตอนนั้นอาตมาเป็นคนที่ค่อนข้างจะพลังงานเหลือเฟือ ให้ปฏิบัติอย่างเดียวรู้สึกไม่ชอบใจ อยากมีงานในรับผิดชอบเร็ว ๆ ในเมื่อไม่มีงานอื่นทำก็หางานทำเอง
งานแรกที่เท่ากับเป็นความผิดชอบก็คือ กวาดถูศาลานวราชบพิตร เพราะว่าเป็นศาลาที่หลวงพ่อท่านจะต้องลงรับสังฆทานทุกวัน ปรากฏว่าถูศาลาอย่างมีความสุขได้ไม่กี่วัน มีคนมาแย่งทำ เขาคงเห็นว่าพระรูปนี้ขยันอะไรนักหนา ถูอยู่ได้ทุกวัน
ในเวลาทำงานเรากำหนดความรู้สึกตามไปด้วย เวลากวาด เวลาถู ไม้ถู..ไม้กวาด ไปข้างหน้า ไปข้างหลัง แรงหรือเบา ยาวหรือสั้น กำหนดรู้ไปด้วย ก็เท่ากับเราปฏิบัติกรรมฐานไปด้วย ในขณะที่ทำงานตอนนั้นก็คิดว่า กำลังของเราสามารถที่จะทำงานได้
มาในระยะหลัง พอออกจากวัดไปทำงานด้วยตนเอง จึงพอที่จะเข้าใจที่หลวงพ่อท่านว่ามา เพราะว่าการทำงานต่าง ๆ เช่น งานก่อสร้างก็ดี การบริหารวัดวาอารามต่าง ๆ ก็ดี จะมีปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามาในลักษณะที่เป็นแรงกระทบอยู่ตลอดเวลา ถ้ากำลังใจของเราไม่มั่นคงก็จะพังในเวลาอันรวดเร็ว แต่ถ้าเราสะสมกำลังเอาไว้เพียงพอ ก็จะสามารถที่จะยืนหยัดต่อสู้กับกิเลสได้
คราวนี้ในปัจจุบัน อย่างการบริหารวัดวาอารามต่าง ๆ หรืองานรับผิดชอบ เวลามอบให้คนอื่นทำหน้าที่แทนเวลาเราไม่อยู่ ตัวอย่างชัดที่สุดก็คือ พระครูน้อย(พระครูสังฆรักษ์วิฑูรย์ จนฺทวํโส) พออาตมากลับไปทีไร ท่านเหมือนกับวางโลกลงไปได้ หายใจได้สะดวกสักที กลายเป็นว่าการที่ท่านต้องไปรับหน้าที่รับผิดชอบต่าง ๆ เพื่อที่จะบริหารวัดให้ดีแค่นั้นของอาตมา ในความรู้สึกของท่าน คือ เกินกำลังที่จะรับไหว..!