เถรี
26-04-2010, 12:18
ในอรรถกถา มหาสติปัฏฐานสูตร มีพระภิกษุอยู่ ๓๐ รูป นัดแนะกันออกไปเจริญกรรมฐานในป่า แต่ละคนเป็นนักปฏิบัติจริง ๆ ทุ่มเทให้กับการทำกรรมฐานจริง ๆ เมื่อมีเสือมาตะครุบไปกินทีละคน ๆ ท่านที่ไม่ได้ตายทันทีก็ไม่ร้อง เพราะว่ากลัวเสียงจะไปรบกวนการปฏิบัติธรรมของเพื่อน ท่านยอมเสียสละขนาดนั้น..!
จนกระทั่งวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ ก็มารวมกันเพื่อฟังปาฏิโมกข์ ปรากฏว่าเพื่อนพระหายไป ๕ - ๖ รูป พระท่านก็เลยออกไปสำรวจบริเวณ ไปเจอซากศพ ซากกระดูก เลยรู้ว่าถูกเสือคาบเอาไปกิน จึงตกลงกันว่า "อาวุโสทั้งหลาย..ถ้าหากเสือมารบกวนให้ส่งเสียงบอกเถอะ ไม่ต้องกลัวหรอกว่าคนอื่นจะเสียการปฏิบัติ เพราะถ้าตายไปเลยโดยที่ยังปฏิบัติไม่ถึง ก็น่าเสียดายและเสียเวลาอย่างมาก"
ในเมื่อตกลงกันว่าให้ร้องบอกได้ คืนถัดไป เสือก็มาตะครุบภิกษุไปอีกรูปหนึ่ง ท่านก็ตะโกนบอกว่า "เสือจับผมไปแล้ว..!" ท่านที่เหลือก็จุดคบไฟแล้วก็ตามไป เสือก็หนีและกระโดดข้ามผาขาดไป พระท่านตามไปไม่ได้ จึงตะโกนบอกว่า "อาวุโส...ตอนนี้เราไม่สามารถจะตามไปช่วยท่านได้แล้ว เหลืออยู่อย่างเดียว คือ ท่านต้องพยายามพิจารณาตัดร่างกายให้ได้"
พระท่านก็เลยพิจารณาตัดร่างกายตัวเอง ตามอรรถกถาท่านอธิบายว่า พอเสือกินมาถึงหัวเข่า ท่านก็ได้โสดาบัน พอกินมาถึงต้นขา ท่านได้อนาคามี พอกินมาถึงท้อง ท่านได้อรหันต์ ตายตอนนั้นพอดี
ต่อไปน่าจะเรื่องธุดงควัตร ของ ท.เลียงพิบูลย์ ที่งูใหญ่กลืนพระธุดงค์ลงไปจนถึงไหล่ แล้วพรานไปพบเจอเข้า พรานเขาก็ปรึกษากันว่าจะช่วยหลวงพ่อท่านอย่างไร แม้ว่าท่านจะตายแล้ว อย่างน้อยเอาศพท่านมาเผามาฝังก็ยังดี เขาปรึกษากันว่า ถ้าเรากรีดหนังงูให้ขาด งูจะไม่มีแรงรัด เพราะถ้างูเกร็งตัวรัด หนังก็จะฉีกกว้างไปเรื่อย
พอปรึกษากันว่าจะกรีดหนังงู ก็ไปลับมีด ปรากฏว่าพระที่นอนนิ่งสนิทอยู่ ท่านก็ยกมือโบก พอยกโบกมือท่านก็กลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจกัน ก็เลยพูดออกมา แต่เสียงพูดท่านเบา เพราะกลัวว่างูจะตกใจแล้วคายท่านออกมา เกรงว่างูจะไม่ได้กิน
จนกระทั่งวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ ก็มารวมกันเพื่อฟังปาฏิโมกข์ ปรากฏว่าเพื่อนพระหายไป ๕ - ๖ รูป พระท่านก็เลยออกไปสำรวจบริเวณ ไปเจอซากศพ ซากกระดูก เลยรู้ว่าถูกเสือคาบเอาไปกิน จึงตกลงกันว่า "อาวุโสทั้งหลาย..ถ้าหากเสือมารบกวนให้ส่งเสียงบอกเถอะ ไม่ต้องกลัวหรอกว่าคนอื่นจะเสียการปฏิบัติ เพราะถ้าตายไปเลยโดยที่ยังปฏิบัติไม่ถึง ก็น่าเสียดายและเสียเวลาอย่างมาก"
ในเมื่อตกลงกันว่าให้ร้องบอกได้ คืนถัดไป เสือก็มาตะครุบภิกษุไปอีกรูปหนึ่ง ท่านก็ตะโกนบอกว่า "เสือจับผมไปแล้ว..!" ท่านที่เหลือก็จุดคบไฟแล้วก็ตามไป เสือก็หนีและกระโดดข้ามผาขาดไป พระท่านตามไปไม่ได้ จึงตะโกนบอกว่า "อาวุโส...ตอนนี้เราไม่สามารถจะตามไปช่วยท่านได้แล้ว เหลืออยู่อย่างเดียว คือ ท่านต้องพยายามพิจารณาตัดร่างกายให้ได้"
พระท่านก็เลยพิจารณาตัดร่างกายตัวเอง ตามอรรถกถาท่านอธิบายว่า พอเสือกินมาถึงหัวเข่า ท่านก็ได้โสดาบัน พอกินมาถึงต้นขา ท่านได้อนาคามี พอกินมาถึงท้อง ท่านได้อรหันต์ ตายตอนนั้นพอดี
ต่อไปน่าจะเรื่องธุดงควัตร ของ ท.เลียงพิบูลย์ ที่งูใหญ่กลืนพระธุดงค์ลงไปจนถึงไหล่ แล้วพรานไปพบเจอเข้า พรานเขาก็ปรึกษากันว่าจะช่วยหลวงพ่อท่านอย่างไร แม้ว่าท่านจะตายแล้ว อย่างน้อยเอาศพท่านมาเผามาฝังก็ยังดี เขาปรึกษากันว่า ถ้าเรากรีดหนังงูให้ขาด งูจะไม่มีแรงรัด เพราะถ้างูเกร็งตัวรัด หนังก็จะฉีกกว้างไปเรื่อย
พอปรึกษากันว่าจะกรีดหนังงู ก็ไปลับมีด ปรากฏว่าพระที่นอนนิ่งสนิทอยู่ ท่านก็ยกมือโบก พอยกโบกมือท่านก็กลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจกัน ก็เลยพูดออกมา แต่เสียงพูดท่านเบา เพราะกลัวว่างูจะตกใจแล้วคายท่านออกมา เกรงว่างูจะไม่ได้กิน