เถรี
02-04-2010, 00:51
ขยับนั่งในท่าที่สบายของเรา เริ่มกำหนดลมหายใจพร้อมคำภาวนาหรือภาพพระของเรา เพื่อสร้างความมั่นคงผ่องใสให้แก่ดวงจิต
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓ เป็นการเจริญกรรมฐานวันสุดท้ายของเดือนมีนาคม ณ บ้านอนุสาวรีย์แห่งนี้
เมื่อครู่ได้กล่าวถึงว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงฝากพุทธศาสนาเอาไว้กับพุทธบริษัททั้ง ๔ ญาติโยมทั้งหลาย ก็คือ ฝ่ายของอุบาสกบริษัท และฝ่ายของอุบาสิกาบริษัท
การที่เราจะยังพระพุทธศาสนาให้เจริญนั้น ก็คือการที่เราจำเป็นต้องศึกษา ไม่ว่าจะเป็นด้านปริยัติ ด้านปฏิบัติ หรือด้านของปฏิเวธ ให้เข้าใจลึกซึ้งอย่างแท้จริงและทำจนเกิดผล เมื่อผลนั้นเกิดแล้ว สามารถนำไปสั่งสอนคนอื่นต่อได้ด้วย
ผลที่ควรจะเกิดขึ้นนั้น ควรจะเกิดในด้านใดบ้าง ? พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า ให้ศึกษาในเรื่องของ อธิศีล อธิจิต และอธิปัญญา
ในเรื่องของอธิศีลนั้น ให้พวกเราทั้งหลายรักษาศีลตามสภาพของตน จะเป็นศีล ๕ กรรมบถ ๑๐ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ก็ให้เป็นไปตามสภาพ แต่มีข้อแม้ว่า ให้ตั้งกำลังใจให้มั่นคงถึงระดับที่ว่า ตัวตายดีกว่ายอมให้ศีลขาด เมื่อรักษาศีลทุกสิกขาบทได้โดยเด็ดขาด ก็อย่ายุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นเขาละเมิดศีล ตลอดจนเห็นผู้อื่นละเมิดศีลเราก็ไม่ยินดีด้วย ถ้าทำดังนี้ได้ก็ได้ชื่อว่า เราได้ปฏิบัติในอธิศีลส่วนหนึ่ง
แต่ถ้าจะให้เป็นอธิศีลอย่างแท้จริง ก็ให้เรากำหนดพิจารณาในเรื่องของศีลในแต่ละวัน ว่ามีข้อบกพร่องตรงไหนบ้าง ? ที่จะต้องระมัดระวังแก้ไข และประคับประคองรักษาไว้ไม่ให้ขาดอีก ให้ใช้ลมหายใจเข้าออก ควบกับการพิจารณาในศีลของตน
และถ้ามีปัญญาเห็นว่าการรักษาศีลนั้น ถึงแม้เราตั้งใจรักษาเพียงไรก็ตาม สภาพร่างกายนี้ก็เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงแปรปรวนไปในท่ามกลาง และสลายไปในที่สุด ไม่มีอะไรเป็นตัวเป็นตนให้ยึดถือมั่นหมายได้อย่างแท้จริง ถ้าอย่างนี้ท่านทั้งหลายก็สามารถที่จะถอนกำลังใจของตน ที่พอใจในร่างกายนี้ พอใจในโลกนี้ออกเสียได้ เมื่อถอนกำลังใจออกเสียได้ ก็สามารถที่จะหลุดพ้นออกจากวัฏสงสารเข้าสู่พระนิพพาน ก็ได้ชื่อว่าท่านได้ปฏิบัติในอธิศีล คือ เป็นศีลอย่างยิ่งที่แท้จริง
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓ เป็นการเจริญกรรมฐานวันสุดท้ายของเดือนมีนาคม ณ บ้านอนุสาวรีย์แห่งนี้
เมื่อครู่ได้กล่าวถึงว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงฝากพุทธศาสนาเอาไว้กับพุทธบริษัททั้ง ๔ ญาติโยมทั้งหลาย ก็คือ ฝ่ายของอุบาสกบริษัท และฝ่ายของอุบาสิกาบริษัท
การที่เราจะยังพระพุทธศาสนาให้เจริญนั้น ก็คือการที่เราจำเป็นต้องศึกษา ไม่ว่าจะเป็นด้านปริยัติ ด้านปฏิบัติ หรือด้านของปฏิเวธ ให้เข้าใจลึกซึ้งอย่างแท้จริงและทำจนเกิดผล เมื่อผลนั้นเกิดแล้ว สามารถนำไปสั่งสอนคนอื่นต่อได้ด้วย
ผลที่ควรจะเกิดขึ้นนั้น ควรจะเกิดในด้านใดบ้าง ? พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า ให้ศึกษาในเรื่องของ อธิศีล อธิจิต และอธิปัญญา
ในเรื่องของอธิศีลนั้น ให้พวกเราทั้งหลายรักษาศีลตามสภาพของตน จะเป็นศีล ๕ กรรมบถ ๑๐ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ก็ให้เป็นไปตามสภาพ แต่มีข้อแม้ว่า ให้ตั้งกำลังใจให้มั่นคงถึงระดับที่ว่า ตัวตายดีกว่ายอมให้ศีลขาด เมื่อรักษาศีลทุกสิกขาบทได้โดยเด็ดขาด ก็อย่ายุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นเขาละเมิดศีล ตลอดจนเห็นผู้อื่นละเมิดศีลเราก็ไม่ยินดีด้วย ถ้าทำดังนี้ได้ก็ได้ชื่อว่า เราได้ปฏิบัติในอธิศีลส่วนหนึ่ง
แต่ถ้าจะให้เป็นอธิศีลอย่างแท้จริง ก็ให้เรากำหนดพิจารณาในเรื่องของศีลในแต่ละวัน ว่ามีข้อบกพร่องตรงไหนบ้าง ? ที่จะต้องระมัดระวังแก้ไข และประคับประคองรักษาไว้ไม่ให้ขาดอีก ให้ใช้ลมหายใจเข้าออก ควบกับการพิจารณาในศีลของตน
และถ้ามีปัญญาเห็นว่าการรักษาศีลนั้น ถึงแม้เราตั้งใจรักษาเพียงไรก็ตาม สภาพร่างกายนี้ก็เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงแปรปรวนไปในท่ามกลาง และสลายไปในที่สุด ไม่มีอะไรเป็นตัวเป็นตนให้ยึดถือมั่นหมายได้อย่างแท้จริง ถ้าอย่างนี้ท่านทั้งหลายก็สามารถที่จะถอนกำลังใจของตน ที่พอใจในร่างกายนี้ พอใจในโลกนี้ออกเสียได้ เมื่อถอนกำลังใจออกเสียได้ ก็สามารถที่จะหลุดพ้นออกจากวัฏสงสารเข้าสู่พระนิพพาน ก็ได้ชื่อว่าท่านได้ปฏิบัติในอธิศีล คือ เป็นศีลอย่างยิ่งที่แท้จริง