View Full Version : ท่องคาถาจนได้อภิญญา
ตอนนี้พวกทหารจากกองร้อยเฉพาะกิจนราธิวาส  จะโทรมาปรึกษาเป็นประจำ ครั้งล่าสุดที่เขาโทรมาเกิดจากว่า มีอิสลามคนหนึ่ง เขาท่องคัมภีร์อัลกุรอานแบบกลับหลังแล้วเกิดอภิญญาขึ้นมา เพียงแต่ว่าเขากลายเป็นบ้า ๆ บอ ๆ  แล้วไปก่อคดีตามแรงบ้าของเขา ตำรวจทหารจะไปจับเขาก็จับไม่ได้ เพราะถึงเวลาเหมือนกับเขาหายไปเฉย ๆ พ้นวงล้อมตำรวจไปแล้วถึงได้เห็นตัวอีกที
พอโจรรายนี้เข้าไปในเขตของ ผบ.ร้อยท่านนี้  เขาก็ต้องออกไปปิดล้อมและตรวจค้นว่าผู้ร้ายอยู่ที่ไหน พอรู้ว่าโจรมันหนีเข้าไปในสวนยาง เขาก็โทรมาถามอาตมาว่า "ผมจะทำอย่างไรดี ?" อาตมาถามเขาว่า  "ในตัวของเอ็งมีอะไรบ้าง ?" เขาบอกว่า  "มีพระกริ่งพิชัยสงครามกับตะกรุดมหาสะท้อน" 
"เอ็งอาราธนาตามวิธีที่ให้ไปเลยนะ คาถามีกี่บทว่าให้หมด  ขอบารมีพระท่านแค่ว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ต้องสำเร็จ" ไม่ขออย่างอื่น  พอเขาวางกำลังล้อมเสร็จ เขาก็อธิษฐานขอให้ปฏิบัติการครั้งนี้สำเร็จ ปรากฏว่าไอ้โจรบ้านั่นเดินออกมาเฉย ๆ เดินออกมาให้จับตัวเลย  เดินออกมาเห็น ๆ ด้วย เขาคงจะเดินออกมาลักษณะแบบที่ฝ่าวงล้อมคนอื่น แต่คนอื่นไม่เห็น  อย่างที่เคยทำได้ทุกที แต่ครั้งนี้เขาเห็น ก็เลยจับตัวได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าป่านนี้เขาเอาไปไว้ที่ไหน ?
   
ถาม :  แล้วเขาจะหลุดจากกรงไหมนี่ ?
ตอบ : ไม่แน่ใจ  
บางเวลาท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็จะโทรมา พอเขาโทรมาจะเวลาไหนก็ตาม อาตมาต้องสละเวลาให้เขา เพราะว่าถ้าไม่ฉุกเฉินจริง ๆ เขาก็ไม่โทรมาหรอก
ถาม : ท่องคัมภีร์อัลกุรอานอย่างไรครับ ?
ตอบ : ที่จะพูดถึงคือเรื่องนี้ แม้แต่คนอิสลามก็ตาม เขาท่องคัมภีร์ตามความเชื่อถือของเขา ท่องบ่นด้วยความเชื่อมั่นศรัทธาและจริงจัง  ก็ยังเกิดอภิญญาได้ แล้วของเราเอง..ศาสนาพุทธ วิธีสร้างอภิญญามีนับไม่ถ้วน  สู้เขาไม่ได้นี่น่าขายหน้านะ..! 
ลองไปท่องกลับหลังบ้าง อันดับแรกเอาอิติปิ โสฯ ถอยหลังก่อน  ถึงเวลาก็ท่องอิติปิ โส ภะคะวาฯ แล้วเดินถอยหลังไปเรื่อย ๆ  ตอนลงบันไดระวังให้ดี  ถ้าถอยผิดจังหวะจะตกบันได..!
เรื่องนี้อาตมาเคยแกล้งรุ่นน้องที่วัดท่าซุงมาแล้ว  รุ่นน้องบวชใหม่ไฟแรง ตอนที่เขาเป็นนาค อาตมาเป็นพระพี่เลี้ยงให้เขา
เขาก็ถามว่า "หลวงพี่ครับ...ทันทีที่บวชเสร็จ เราจะทำอย่างไรจึงจะได้อานิสงส์สูงสุดครับ ?" ก็เลยบอกว่า  "เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน  คุณเดินออกจากโบสถ์แล้ว ให้ตั้งใจเดินถอยหลัง สวดอิติปิ โสฯ ไปเรื่อย ๆ คุณเคยได้ยินไหม ? อิติปิ โสฯ ถอยหลัง"  
"เคยได้ยินครับ"  "เออ..นั่นแหละ เดินสวดอิติปิ โสฯ ถอยหลังไปเรื่อย ๆ จนถึงกุฏิ  ใครทักห้ามพูดอย่างเด็ดขาด  ถ้าสมาธิเคลื่อนเดี๋ยวคุณจะได้บุญน้อย"  
ถาม : ใจร้าย..!
ตอบ : ไม่ได้ใจร้ายเว้ย  อยากจะรู้ว่าเขามีประสบการณ์แค่ไหน..!  
ถาม : แล้วเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : เขาก็ทำจริง ๆ  
ถาม : ถึงกุฏิหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไม่รู้ถึงหรือเปล่า เพราะอาตมาเผ่นไปก่อน..!  
อิติปิ โสฯ ถอยหลังของอาตมาเป็นอย่างนี้   ต้องใช้สมาธิมาก เพราะถ้าเผลอ..จะไปชนอย่างอื่นเข้า ต้องระวังทุกอย่าง บุญก็จะมากไปด้วย  อธิบายให้น่าเชื่อ เพื่อน ๆ ก็เชื่อกันหมด น้องเขาก็เชื่อด้วย
ถาม : จะให้ได้อานิสงส์เยอะ  ก็ต้องนั่งสวดอิติปิ โส ฯ ถอยหลัง ?
ตอบ : ก็ลองดู ไถไปกว่าจะถึงกุฏิ สบงอาจจะขาดไปแล้ว  บางอย่างก็เกิดจากความซนเก่า ๆ ที่กลับมา
อีกเรื่องก็ หลวงพี่สุธน ท่านสึกไปแล้ว ตอนอยู่วัดท่านปฏิบัติดีมาก สึกไปเพราะว่าทางบ้านขอร้องให้กลับไปช่วยทำมาหากิน  
วันนั้นท่านฉันอาหารแล้วก้างปลาติดคอ มาเจอกันตอนทำวัตรเย็นเสร็จแล้ว ราว ๆ ทุ่มครึ่ง เห็นหลวงพี่สุธนลูบคอ อาตมาก็ถามว่า "หลวงพี่เป็นอะไรครับ ?"  ท่านก็บอกว่า  "ก้างปลาติดคอตั้งแต่เช้าแล้ว  ผมแก้ทุกวิธีก็แก้ไม่ได้   บางคนก็บอกให้ปั้นข้าวกลืนบ้าง  กลืนกล้วยทั้งลูกบ้าง เอาแมวมาข่วนบ้าง  บีบมะนาวใส่บ้าง ลองทำดูหมดแล้ว ไม่หายสักที"  
อาตมาก็บอกว่า "อ๋อ...มีอีกวิธีครับหลวงพี่  เขาบอกให้ดื่มน้ำร้อน" อาตมาก็หันไปกดน้ำร้อนใส่แก้วให้   ตอนกดก็ว่าคาถาสะเดาะก้าง  แล้วก็ส่งแก้วน้ำร้อนให้ไป  บอกว่า  "ฉันได้เลย น้ำร้อนจะทำให้กระดูกอ่อน แล้วก็หลุดออกมา"   พี่เขาก็กลืนเอื๊อก  "ลองกลืนน้ำลายดู"  "เอ๊ะ..หายจริง ๆ"   "ก็หายจริง ๆ สิครับ ผมมั่นใจ..เพราะน้ำร้อนทำให้กระดูกอ่อนแล้วหลุดออกมา"  ต่อไปถ้าพี่เขาก้างติดคออีก ก็คงกินน้ำร้อนหมดเป็นกา..!
ถาม : ยาวไหมครับคาถาสะเดาะก้าง ?
ตอบ :  คาถาบทนี้ได้จากหลวงปู่มหาอำพัน แต่แปลกมากเลย แปลกตรงที่อาตมาได้มาไม่เหมือนคนอื่นเขา คาถาว่า  พญานกออก ช่วยบอกพญานกเป็ดน้ำ ขอนขวางอยู่ในถ้ำ สะวะหะ  สะวะหาย สะวะหะ  สะวะหาย  สะวะหะ สะวะหาย  
 
แต่คนอื่นได้จากหลวงปู่  แม้กระทั่งลายมือหลวงปู่เขียนว่า "พญานกกรด"  แต่อาตมาเป็น  "พญานกออก" และไม่ได้จดด้วย  ฟังครั้งเดียวจำเลย ก็เลยสงสัยว่าของอาตมาใช้ได้ผลเพราะคำว่า "ออก" หรือเปล่า ?
ลองไปใช้ดู  บางทีฉุกเฉินขึ้นมาจะไปมาหาหมอกลางดึกก็ลำบาก สำคัญตรงที่ว่า เรื่องของคาถานั้น ห้ามลังเลสงสัยเด็ดขาด ใส่ไปเต็ม ๆ ด้วยความมั่นใจเลยถึงจะได้ผล
ถาม : มีคาถาแก้สะอึกไหม ?
ตอบ :  อมน้ำตาลปีบ   ควักน้ำตาลปีบมาก้อนหนึ่ง  ใส่ปากอมเลย  ทันทีที่น้ำตาลแตะลิ้น  ไม่เกินสามวินาที จะหายสะอึก 
ถาม : หลอกหรือเปล่า ?
ตอบ :  นี่เรื่องจริง..ไม่ได้หลอก ลองดู..หายแน่นอน ถ้าหลอกต้องให้อมบอระเพ็ดแทน ตอนแรกเขาบอกมาก็ไม่เชื่อ พอลองดูเองแล้วหาย  เลยต้องเชื่อ  
ในเรื่องที่เขาท่องคัมภีร์อัลกุรอานแล้วเกิดอภิญญาขึ้นมาได้ เราจะเห็นว่าเกิดจากความเชื่อมั่นและศรัทธาของเขา  ในตัวศรัทธาเชื่อมั่น  เป็นส่วนหนึ่งของเวสารัชชกรณธรรม  ธรรมที่ทำให้คนเกิดความกล้า เพราะว่ามีสิ่งที่ให้ยึดถือ  
มีเชื่อมั่นในคุณพระรัตนตรัย  ก็คือ เชื่อมั่นในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์  เชื่อมั่นในสิ่งศักดิสิทธิ์  เป็นเครื่องรางของขลังอะไรก็ได้ที่ตนเองมีอยู่   เชื่อมั่นในผู้นำ  ถ้าผู้นำเก่ง มีความสามารถ ทำอะไรประสบความสำเร็จทุกอย่าง  มีประสบการณ์สูง  บอกแล้วเราไปทำสำเร็จ สองครั้ง..สามครั้ง..สี่ครั้ง..ครั้งที่ห้าก็เชื่อว่าสำเร็จ  จะเกิดความมั่นใจ และท้ายที่สุดก็จะเชื่อมั่นในตนเอง
ถ้าใครมาถึงจุดเชื่อมั่นในตนเองได้ ทำอะไรก็สำเร็จทุกอย่าง  เพียงแต่ว่าต้องเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์จริง ๆ อย่าไปกั๊กไว้  ถ้าหากว่ามีความเชื่อมั่นในลักษณะนี้   ความดีที่เราทำ จะเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา ก็จะไม่ใช่ของยาก เพราะคนที่เชื่อมั่นก็จะทำไป ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งมัวแต่ลังเลสงสัยอยู่  เอ๊ะ..จะจริงไหม ? จะได้ไหม ?   กลายเป็นว่าคนหนึ่งข้าวอยู่ตรงหน้า กินได้ก็ลุยเลย  อีกคนหนึ่งมัวแต่สงสัย  จะกินได้ไหม ? จะเป็นพิษหรือเปล่า ? จะปวดท้อง  จะถ่ายท้องไหม ?  ก็ไม่ต้องกินสักที
เพราะฉะนั้น..ใครที่มัวแต่ลังเลอยู่ว่า ในส่วนของ ศีล สมาธิ และปัญญา จะช่วยให้เรามีความเจริญก้าวหน้า จนกระทั่งสามารถตัดกิเลสเข้าสู่พระนิพพานได้จริงหรือเปล่า ?  ขอให้เลิกสงสัยได้แล้ว   นักปฏิบัติอย่างพวกเราทั้งหมด ในเรื่องตัวสงสัยจริง ๆ จะเหลือน้อยมาก  เพราะถ้าหากมีอยู่เราก็จะไม่มาทำ   เพียงแต่ว่าเราทำ แต่ยังไม่เกิดผลเป็นที่ประจักษ์แก่ตา  ก็ยังมีความสงสัยตะขิดตะขวงใจเล็กน้อยเท่านั้นเอง  ไม่ใช่ตัวสังโยชน์ใหญ่ที่แท้จริง แต่ว่าเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น  
ประเภทมาเช้า  มากลางวัน  มาเย็น ตัวลังเลสงสัยมีน้อยแล้ว  ก็เหลืออยู่อย่างเดียว  ขอสามตัวเจ๋ง ๆ ทีเถอะ   แหม..ถ้าบอกได้บอกไปนานแล้ว  หลวงพ่อวัดท่าซุงไม่น่ามาตัดทางทำกินเลย   ถ้าไม่โดนท่านสั่งห้ามนี่ การสร้างบ้านวิริยบารมี  งวดสองงวดก็ได้แล้ว  ท่านบอกว่ารู้ ๆ อยู่แล้วไปทำ  เท่ากับไปช่วยเขาปล้น  ท่านจะปรับปาราชิกขาดความเป็นพระไปเลย   เป็นพระรูปเดียวในวัดที่โดนอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกห้ามให้หวย  เรื่องที่สองก็คือห้ามบอกว่าคนตายแล้วไปไหน
พระครูธรรมธรเล็ก  สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงก่อนทำกรรมฐาน  ณ  บ้านอนุสาวรีย์
วันเสาร์ที่  ๖  มีนาคม  ๒๕๕๓
vBulletin® v3.8.11, Copyright ©2000-2025, vBulletin Solutions Inc.