ลัก...ยิ้ม
17-02-2010, 15:21
บารมีเต็มเป็นอย่างไร
เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๔ พ.ค. ๒๕๓๖ หลวงพ่อฤๅษีท่านเมตตามาสอน มีความสำคัญ ดังนี้
๑. “บารมีเต็ม คือ การทำกรรมฐานทุกครั้งด้วยความตั้งใจและเต็มใจ ทำจริง หรือการทำงานเพื่อศาสนกิจก็เช่นกัน เอางานนั้นมาเป็นกรรมฐาน ทำด้วยความเต็มใจและตั้งใจทำจริง สลัดตัดความเบื่อหน่าย เกียจคร้านทิ้งไป”
๒. “มีเจตนาตั้งใจทำจริงเพื่อพระนิพพานจุดเดียว เหนื่อยนั้น เหนื่อยแน่เพราะเรายังมีขันธ์ ๕ ก็ต้องทำจิตยอมรับความเบื่อหน่ายนั้นว่าเป็นธรรมดา”
๓. “ที่เราเหน็ดเหนื่อย เพลิดเพลิน อยู่ในกามโลกีย์วิสัยมากี่แสนอสงไขยกัปแล้ว เราเกิดตายอยู่กับความเหนื่อยของขันธ์ ๕ นี้มานานเท่าไหร่ ความเหนื่อยเหล่านั้นมันหาสาระไม่ได้ ขอให้ตั้งใจจริง เต็มใจจริง เหนื่อยเพื่อทำกรรมฐานให้พ้นโลก ช่วยศาสนกิจเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตที่ทรงขันธ์ ๕ อยู่นี้อดทนไปเถิด ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแล้ว”
๔. “สลัดตัดความเบื่อหน่ายทิ้งไป รู้ทุกข์นั้นดีกว่าไม่รู้ทุกข์ รู้เหน็ดเหนื่อยดีกว่าไม่รู้เหน็ดเหนื่อย รู้ธรรมดีกว่าไม่รู้ธรรม จิตจะได้ชำระความมัวเมา ในกามโลกียวิสัยทิ้งไปจากอารมณ์เสียที”
เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๔ พ.ค. ๒๕๓๖ หลวงพ่อฤๅษีท่านเมตตามาสอน มีความสำคัญ ดังนี้
๑. “บารมีเต็ม คือ การทำกรรมฐานทุกครั้งด้วยความตั้งใจและเต็มใจ ทำจริง หรือการทำงานเพื่อศาสนกิจก็เช่นกัน เอางานนั้นมาเป็นกรรมฐาน ทำด้วยความเต็มใจและตั้งใจทำจริง สลัดตัดความเบื่อหน่าย เกียจคร้านทิ้งไป”
๒. “มีเจตนาตั้งใจทำจริงเพื่อพระนิพพานจุดเดียว เหนื่อยนั้น เหนื่อยแน่เพราะเรายังมีขันธ์ ๕ ก็ต้องทำจิตยอมรับความเบื่อหน่ายนั้นว่าเป็นธรรมดา”
๓. “ที่เราเหน็ดเหนื่อย เพลิดเพลิน อยู่ในกามโลกีย์วิสัยมากี่แสนอสงไขยกัปแล้ว เราเกิดตายอยู่กับความเหนื่อยของขันธ์ ๕ นี้มานานเท่าไหร่ ความเหนื่อยเหล่านั้นมันหาสาระไม่ได้ ขอให้ตั้งใจจริง เต็มใจจริง เหนื่อยเพื่อทำกรรมฐานให้พ้นโลก ช่วยศาสนกิจเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตที่ทรงขันธ์ ๕ อยู่นี้อดทนไปเถิด ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแล้ว”
๔. “สลัดตัดความเบื่อหน่ายทิ้งไป รู้ทุกข์นั้นดีกว่าไม่รู้ทุกข์ รู้เหน็ดเหนื่อยดีกว่าไม่รู้เหน็ดเหนื่อย รู้ธรรมดีกว่าไม่รู้ธรรม จิตจะได้ชำระความมัวเมา ในกามโลกียวิสัยทิ้งไปจากอารมณ์เสียที”