เถรี
28-01-2010, 10:40
พระพุทธเจ้าท่านไม่ปรินิพพานที่เมืองใหญ่ แต่ว่าไปปรินิพพานที่เมืองกุสินาราแทน พระอานนท์ทูลถามว่า "ทำไมพระองค์ไม่ปรินิพพานที่เมืองใหญ่ แต่ทรงปรินิพพานที่เมืองไกล เมืองกิ่งแค่นี้เอง" พระพุทธเจ้าบอกว่า "กุสินาราในอดีตไม่ใช่เมืองเล็ก เป็นเมืองใหญ่ชื่อมหาสุทัสสนะ เป็นเมืองที่พระเจ้าจักรพรรดิปกครองมาแล้ว ฯลฯ"
แต่จุดมุ่งหมายจริง ๆ ของพระองค์ท่านก็คือ กุสินาราเป็นเมืองเล็ก ถ้าหากพระองค์มรณภาพ เหล่ากษัตริย์แคว้นต่าง ๆ ที่เคารพนับถือ ต้องการอัฐิธาตุไปบูชา ถ้าหากพระองค์ปรินิพพานที่เมืองใหญ่ คนจะทำสงครามกันจนตายมหาศาล แต่ถ้าหากปรินิพพานที่เมืองเล็ก เมื่อเมืองใหญ่ยกทัพมา เมืองเล็กก็จะไม่กล้ารบ ต้องแบ่งพระอัฐิธาตุให้
จะเห็นว่ากระทั่งการมรณภาพ พระองค์ท่านก็ยังมองไปถึงการณ์ข้างหน้า เตรียมการไว้พร้อม ไม่ให้คนเดือดร้อนกัน นั่นขนาดเมืองเล็ก...พวกมัลลกษัตริย์เขายังลงมติว่ารบ จนกระทั่งโทณพราหมณ์ต้องไปเกลี้ยกล่อมว่า เราเป็นพุทธศาสนิกชน การรบราฆ่าฟันกันไม่ใช่วิสัยที่พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนเรา จึงได้ยอมสงบศึก
จุดหนึ่งที่หลวงพ่อท่านเคยบอกก็คือ กระดูกของครูบาอาจารย์ ไม่จำเป็นอย่าไปเอาไว้เลย ท่านบอกว่าเราจะเคารพนับถือเฉพาะแต่รุ่นของเราเท่านั้น พอรุ่นหลัง ๆ การเคารพก็จะจางลงไปเรื่อย และท้ายสุด ดีไม่ดี..ไม่มีใครรู้จัก บางท่านเอาไปแล้วก็เอาไปทิ้งไว้เฉย ๆ เหมือนเป็นสิ่งของทั่วไป ไม่มีการบูชาหรือดูแลรักษาให้สมเกียรติยศ
เมื่อวันที่ ๒๙ ไปงานหลวงปู่เก็บ (ท่านเจ้าคุณพระวิบูลเมธาจารย์) วัดดอนเจดีย์ อดีตเจ้าคณะอำเภอดอนเจดีย์ และอดีตเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี ท่านมรณภาพมา ๒๗ ปีแล้ว ปรากฏว่าเขาจัดงานใหญ่โตสมเกียรติท่านมาก เฉพาะโกศกระดูกของท่าน เขาทำในลักษณะย่อมุมไม้สิบสอง ปิดทองอร่าม ลวดลายละเอียดยิบเลย ถ้าหากลูกศิษย์รู้จักจัดงานบูชาพระคุณครูบาอาจารย์ลักษณะนั้น เคารพบูชายกย่องให้เกียรติอาจารย์ตนเองขนาดนั้น คนอื่นเห็นเขาก็เคารพตามเอง แต่ถ้าลูกศิษย์ไม่ได้ทำอย่างนั้น ทิ้งไว้เฉย ๆ นอกจากจะไม่ได้อะไรขึ้นมาแล้ว ยังเกิดโทษแก่ตนเองขึ้นด้วยซ้ำไป
แต่จุดมุ่งหมายจริง ๆ ของพระองค์ท่านก็คือ กุสินาราเป็นเมืองเล็ก ถ้าหากพระองค์มรณภาพ เหล่ากษัตริย์แคว้นต่าง ๆ ที่เคารพนับถือ ต้องการอัฐิธาตุไปบูชา ถ้าหากพระองค์ปรินิพพานที่เมืองใหญ่ คนจะทำสงครามกันจนตายมหาศาล แต่ถ้าหากปรินิพพานที่เมืองเล็ก เมื่อเมืองใหญ่ยกทัพมา เมืองเล็กก็จะไม่กล้ารบ ต้องแบ่งพระอัฐิธาตุให้
จะเห็นว่ากระทั่งการมรณภาพ พระองค์ท่านก็ยังมองไปถึงการณ์ข้างหน้า เตรียมการไว้พร้อม ไม่ให้คนเดือดร้อนกัน นั่นขนาดเมืองเล็ก...พวกมัลลกษัตริย์เขายังลงมติว่ารบ จนกระทั่งโทณพราหมณ์ต้องไปเกลี้ยกล่อมว่า เราเป็นพุทธศาสนิกชน การรบราฆ่าฟันกันไม่ใช่วิสัยที่พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนเรา จึงได้ยอมสงบศึก
จุดหนึ่งที่หลวงพ่อท่านเคยบอกก็คือ กระดูกของครูบาอาจารย์ ไม่จำเป็นอย่าไปเอาไว้เลย ท่านบอกว่าเราจะเคารพนับถือเฉพาะแต่รุ่นของเราเท่านั้น พอรุ่นหลัง ๆ การเคารพก็จะจางลงไปเรื่อย และท้ายสุด ดีไม่ดี..ไม่มีใครรู้จัก บางท่านเอาไปแล้วก็เอาไปทิ้งไว้เฉย ๆ เหมือนเป็นสิ่งของทั่วไป ไม่มีการบูชาหรือดูแลรักษาให้สมเกียรติยศ
เมื่อวันที่ ๒๙ ไปงานหลวงปู่เก็บ (ท่านเจ้าคุณพระวิบูลเมธาจารย์) วัดดอนเจดีย์ อดีตเจ้าคณะอำเภอดอนเจดีย์ และอดีตเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี ท่านมรณภาพมา ๒๗ ปีแล้ว ปรากฏว่าเขาจัดงานใหญ่โตสมเกียรติท่านมาก เฉพาะโกศกระดูกของท่าน เขาทำในลักษณะย่อมุมไม้สิบสอง ปิดทองอร่าม ลวดลายละเอียดยิบเลย ถ้าหากลูกศิษย์รู้จักจัดงานบูชาพระคุณครูบาอาจารย์ลักษณะนั้น เคารพบูชายกย่องให้เกียรติอาจารย์ตนเองขนาดนั้น คนอื่นเห็นเขาก็เคารพตามเอง แต่ถ้าลูกศิษย์ไม่ได้ทำอย่างนั้น ทิ้งไว้เฉย ๆ นอกจากจะไม่ได้อะไรขึ้นมาแล้ว ยังเกิดโทษแก่ตนเองขึ้นด้วยซ้ำไป