เถรี
20-01-2010, 00:11
ถาม : บางคนเขาบอกว่าขณะที่กำลังเสพกาม สามารถควบอานาปานสติไปด้วยครับ ?
ตอบ : เรื่องปกติ..ถ้าคล่องตัวจริง ๆ ก็ทำได้
ถาม : เวลาที่ตั้งใจจะรักษาศีลแปดทุกครั้ง มักจะโดนกิเลสตีหนักมาก ๆ โดนตัวกำหนัดเล่นงาน พอเราหลงตามไป สำเร็จแล้ว ก็ทรงฌานทันทีเลยครับ ทำไมเป็นแบบนั้นครับ ทั้ง ๆ ที่เราก็เพิ่งหลงคล้อยตามกิเลส แต่พอสมใจอยาก กลับลงฌาน นิ่งปุ๊บเลย ?
ตอบ : อย่างนี้เขาจึงได้เรียกว่า โลกียะ ยังข้องอยู่ด้วยโลก แต่ให้สังเกตไว้ว่า จะได้แค่ตอนนั้น หลังจากนั้นพอเลิกแล้ว ลองเข้าสมาธิครั้งใหม่ จะเข้ายากมาก เพราะในช่วงนั้นเหมือนคุณกำลังทุ่มเทกำลัง เอาเป็นเอาตายกับใครสักคน กำลังทั้งหมดจะรวมตัวอยู่ เมื่อทำอะไรต่อเนื่องไปก็จะได้ง่าย
ถาม : บางทีก็มาคิดว่า ทำไมทำให้เป็นฌานได้ ?
ตอบ : จะทำให้หลงด้วย หลงคิดว่าทำอย่างนี้แล้วเข้าท่า ในส่วนของความดีก็มีส่วนของความดี ในส่วนของความไม่ดีก็มีส่วนของความไม่ดี จะปนกันไม่ได้ เราต้องแยกแยะให้ออก ถ้าเราสามารถทรงฌานได้ ก็เป็นอานิสงส์ในส่วนของสมาธิ แต่ในขณะเดียวกัน เวลาที่เราเกลือกกลั้วกับกามฉันทะ ก็เป็นนิวรณ์เต็ม ๆ คุณเอาไปปนกันไม่ได้ คนละประเด็นกัน เพียงแต่ว่ามาไล่ ๆ กัน
ถาม : อ้าว..แล้วถ้าเกิดคนทำติดใจ เขาก็เลือกทำอย่างนี้เพื่อทรงฌานตลอด ?
ตอบ : ก็บอกแล้ว ถึงเวลาอาจจะหลงติดด้วย ด้วยการเข้าใจผิด คิดว่าทำอย่างนั้นแล้วจะดี คราวนี้ก็เป็นมิจฉาสมาธิเต็ม ๆ ตายเมื่อไรก็เป็นมหิทธิกาเปรตหรือกาลกัญจิกอสุรกาย
ถาม : อ้าว..แล้วการทรงสมาธิ ไม่ส่งให้เขาเป็นพรหมหรือครับ ?
ตอบ : นั่นเป็นมิจฉาสมาธิ
ถาม : นึกไปนึกมา บางทีตอนทำ ๆ อยู่ เราก็ทรงฌานอยู่ ?
ตอบ : ไม่ได้บอกว่าทรงฌานไม่ได้นี่
ถาม : พยายามต้านเต็มที่ครับ ควบทุกลมฌานเลย แต่ก็ยังทำต่ออยู่ ?
ตอบ : แสดงว่ารู้ตัว แต่อยาก..
ถาม : กะจะให้มันหยุด แต่ก็ไม่พาเรากลับ สุดท้ายพาเราตกเหว ก็เลยมาสงสัยไปว่า เอ..ถ้าอย่างนี้เราอุปาทานไปเองหรือเปล่าว่าเราเข้าฌาน ?
ตอบ : ถ้ากำลังมีมากพอ จะต้องหยุดได้
ถาม : อีกรูปแบบหนึ่งของมาร ?
ตอบ : อ๋อ...ไม่ใช่อีกรูปแบบหนึ่ง แต่เป็นรูปแบบปกติเลย เพราะเขามาในข้อสอบ ๔ แนว รัก โลภ โกรธ หลง เพียงแต่ว่าแตกแขนงออกไปเป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้าน ก็แล้วแต่เขา
ถาม : อารมณ์อย่างนี้ ถ้าทรงฌานจนชิน เผลอหลุดไปนี่ คนละเรื่องกันเลย ?
ตอบ : ไม่ต้องเสียเวลามานึกหรอก ตอนนั้นฟุ้งจนเอาไม่อยู่..!
ตอบ : เรื่องปกติ..ถ้าคล่องตัวจริง ๆ ก็ทำได้
ถาม : เวลาที่ตั้งใจจะรักษาศีลแปดทุกครั้ง มักจะโดนกิเลสตีหนักมาก ๆ โดนตัวกำหนัดเล่นงาน พอเราหลงตามไป สำเร็จแล้ว ก็ทรงฌานทันทีเลยครับ ทำไมเป็นแบบนั้นครับ ทั้ง ๆ ที่เราก็เพิ่งหลงคล้อยตามกิเลส แต่พอสมใจอยาก กลับลงฌาน นิ่งปุ๊บเลย ?
ตอบ : อย่างนี้เขาจึงได้เรียกว่า โลกียะ ยังข้องอยู่ด้วยโลก แต่ให้สังเกตไว้ว่า จะได้แค่ตอนนั้น หลังจากนั้นพอเลิกแล้ว ลองเข้าสมาธิครั้งใหม่ จะเข้ายากมาก เพราะในช่วงนั้นเหมือนคุณกำลังทุ่มเทกำลัง เอาเป็นเอาตายกับใครสักคน กำลังทั้งหมดจะรวมตัวอยู่ เมื่อทำอะไรต่อเนื่องไปก็จะได้ง่าย
ถาม : บางทีก็มาคิดว่า ทำไมทำให้เป็นฌานได้ ?
ตอบ : จะทำให้หลงด้วย หลงคิดว่าทำอย่างนี้แล้วเข้าท่า ในส่วนของความดีก็มีส่วนของความดี ในส่วนของความไม่ดีก็มีส่วนของความไม่ดี จะปนกันไม่ได้ เราต้องแยกแยะให้ออก ถ้าเราสามารถทรงฌานได้ ก็เป็นอานิสงส์ในส่วนของสมาธิ แต่ในขณะเดียวกัน เวลาที่เราเกลือกกลั้วกับกามฉันทะ ก็เป็นนิวรณ์เต็ม ๆ คุณเอาไปปนกันไม่ได้ คนละประเด็นกัน เพียงแต่ว่ามาไล่ ๆ กัน
ถาม : อ้าว..แล้วถ้าเกิดคนทำติดใจ เขาก็เลือกทำอย่างนี้เพื่อทรงฌานตลอด ?
ตอบ : ก็บอกแล้ว ถึงเวลาอาจจะหลงติดด้วย ด้วยการเข้าใจผิด คิดว่าทำอย่างนั้นแล้วจะดี คราวนี้ก็เป็นมิจฉาสมาธิเต็ม ๆ ตายเมื่อไรก็เป็นมหิทธิกาเปรตหรือกาลกัญจิกอสุรกาย
ถาม : อ้าว..แล้วการทรงสมาธิ ไม่ส่งให้เขาเป็นพรหมหรือครับ ?
ตอบ : นั่นเป็นมิจฉาสมาธิ
ถาม : นึกไปนึกมา บางทีตอนทำ ๆ อยู่ เราก็ทรงฌานอยู่ ?
ตอบ : ไม่ได้บอกว่าทรงฌานไม่ได้นี่
ถาม : พยายามต้านเต็มที่ครับ ควบทุกลมฌานเลย แต่ก็ยังทำต่ออยู่ ?
ตอบ : แสดงว่ารู้ตัว แต่อยาก..
ถาม : กะจะให้มันหยุด แต่ก็ไม่พาเรากลับ สุดท้ายพาเราตกเหว ก็เลยมาสงสัยไปว่า เอ..ถ้าอย่างนี้เราอุปาทานไปเองหรือเปล่าว่าเราเข้าฌาน ?
ตอบ : ถ้ากำลังมีมากพอ จะต้องหยุดได้
ถาม : อีกรูปแบบหนึ่งของมาร ?
ตอบ : อ๋อ...ไม่ใช่อีกรูปแบบหนึ่ง แต่เป็นรูปแบบปกติเลย เพราะเขามาในข้อสอบ ๔ แนว รัก โลภ โกรธ หลง เพียงแต่ว่าแตกแขนงออกไปเป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้าน ก็แล้วแต่เขา
ถาม : อารมณ์อย่างนี้ ถ้าทรงฌานจนชิน เผลอหลุดไปนี่ คนละเรื่องกันเลย ?
ตอบ : ไม่ต้องเสียเวลามานึกหรอก ตอนนั้นฟุ้งจนเอาไม่อยู่..!