View Full Version : เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่  ๕  ธันวาคม  ๒๕๕๒
หายใจเข้าออกยาว ๆ สัก ๒ - ๓ ครั้ง  เพื่อระบายลมหยาบออกให้หมด  หลังจากนั้นกำหนดความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจเข้าผ่านจมูก...ผ่านกลางอก...ไปสุดที่ท้อง หายใจออกจากท้อง...ผ่านกลางอก....มาสุดที่ปลายจมูก จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นพุทโธ  นะมะพะธะ พองหนอยุบหนอ สัมมาอะระหัง  แล้วแต่เราถนัด    
หายใจเข้าพร้อมกับคำภาวนา  ผ่านจมูก...ผ่านกลางอก...ไปสุดที่ท้อง    หายใจออกจากท้องพร้อมคำภาวนา...ผ่านอก....มาสุดที่ปลายจมูก    กำหนดลมหายใจเข้าออกอย่างนี้สักครู่หนึ่ง  เพื่อให้กำลังใจของเราทรงตัวตั้งมั่น   ถ้าความรู้สึกไหลไปที่อื่น    ให้ดึงกลับมาอยู่กับลมหายใจเข้าออกนี้    คิดเรื่องอื่นเมื่อไรก็ให้ดึงกลับมาตรงนี้    แรก ๆ ก็จะยากอยู่สักหน่อย เพราะจิตมีอาการฟุ้งซ่านและเคลื่อนไปเป็นปกติ  แต่ถ้าหากว่าเราตั้งใจทำจริง ๆ ไม่ช้าก็สามารถที่จะบังคับจิต ให้กำหนดรู้ลมหายใจเข้า ลมหายใจออกตามความต้องการของเราได้ 
หลังจากนั้นแล้วให้กำหนดภาพพระ  จะเป็นพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งหรือแบบใดแบบหนึ่งที่เรารัก  เราชอบ เราจดจำได้แม่นยำ   เอาไว้เหนือศีรษะของเรา เป็นขนาดที่กำลังมองสบาย ๆ   พระพุทธรูปที่ประทับอยู่เหนือศีรษะของเรา  จะนั่ง  จะนอน  หรือยืนก็ได้  แล้วแต่ความชอบใจของเรา    พอเราหายใจเข้า...ภาพพระก็ไหลลงมาอยู่ในศีรษะ...อยู่ในอก...ลงไปอยู่ในท้อง    หายใจออก...ภาพพระไหลจากท้อง...ผ่านอก...ขึ้นไปอยู่บนศีรษะตามเดิม   
หายใจเข้าพร้อมกับภาพพระและคำภาวนา    หายใจออกพร้อมกับภาพพระและคำภาวนา    หายใจเข้า...ภาพพระไหลลงไปในท้อง    หายใจออก...ภาพพระไหลขึ้นไปอยู่ที่ศีรษะ   หายใจเข้า....ภาพพระไหลลงไปในท้อง    อาจจะกำหนดว่าท่านเล็กลง...เล็กลง....เล็กลงจนไปอยู่ในท้อง  หายใจออก...ท่านไหลขึ้นไปอยู่บนศีรษะโดยท่านใหญ่ขึ้น...ใหญ่ขึ้น...ใหญ่ขึ้น   จนเป็นขนาดปกติของท่านอยู่บนศีรษะ    หรือจะหายใจเข้าให้ท่านใหญ่ขึ้น...ใหญ่ขึ้น...ใหญ่ขึ้น จนคลุมเราไว้ทั้งตัว    หายใจออกจนท่านเล็กลง...เล็กลง...เล็กลงจนไปอยู่บนศีรษะก็ได้     แล้วแต่ว่าเราชอบแบบไหน
จากนั้นกำหนดภาพพระให้นิ่งอยู่บนศีรษะของเรา    หายใจเข้า..เหมือนลมหายใจผ่านองค์พระ...ผ่านศีรษะของเรา...ผ่านอก...ลงไปอยู่ในท้อง    หายใจออก...ลมหายใจผ่านท้อง...ผ่านอก....ผ่านศีรษะขึ้นไปที่องค์พระ
หายใจเข้าองค์พระก็สว่างขึ้น    หายใจออกองค์พระก็สว่างขึ้น    หายใจเข้าองค์พระก็สว่างขึ้น  หายใจออกองค์พระก็สว่างขึ้น     กำหนดความสว่างของพระพร้อมกับลมหายใจเข้าออก  ค่อย ๆ  ครอบคลุมกายของเราลงมา   พระองค์ท่านสว่างไสวอยู่เหนือศีรษะของเรา     พระรัศมีค่อย ๆ ครอบคลุมเราลงมาจากศีรษะ  ถึงหน้าผาก  ถึงคิ้ว    ถึงตา  ถึงจมูก    ถึงปาก  ถึงคาง    ถึงคอ  ถึงไหล่    ถึงอก  ถึงท้อง    ถึงต้นขา  ถึงปลายขา   หายใจเข้าภาพพระก็สว่างขึ้น  ตัวเราก็สว่างขึ้น   หายใจออกภาพพระก็สว่างขึ้น  ตัวเราก็สว่างขึ้น   หายใจเข้าภาพพระก็สว่างขึ้น  ตัวเราก็สว่างขึ้น   หายใจออกภาพพระก็สว่างขึ้น  ตัวเราก็สว่างขึ้น
เมื่อทั้งภาพพระและตัวเราสว่างไสวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันดีแล้ว  ก็ให้กำหนดใจแผ่เมตตาไปสู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย  โดยตั้งใจว่าเราไม่เป็นศัตรูกับใคร  เรายินดีเป็นมิตรกับสัตว์และคนทั่วทั้งโลก   ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายจงล่วงพ้นจากความทุกข์    จงมีแต่ความสุข    มีความปรารถนาที่สมหวังทุกท่าน  ทุกตนเทอญ   
โดยกำหนดให้รัศมีสว่างจากองค์พระ  สว่างทะลุกายเราออกไปรอบ ๆ ได้   สว่างไปทั้งห้องนี้..สว่างไปทั้งเขตอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมินี้..สว่างกว้างออกไปทั้งเขตพญาไท..กว้างออกไปทั้งกรุงเทพมหานคร  ให้รัศมีสีขาวแผ่ออกกว้างไปเรื่อย ๆ    ลักษณะเหมือนโยนก้อนหินลงในน้ำ แล้วน้ำกระเพื่อมเป็นวง กว้างออกไป..กว้างออกไป  ให้กำหนดใจคิดว่า..มนุษย์ทั้งหลาย  สัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์  เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น    ขอให้ท่านทั้งหลายที่ตกล่วงไปแล้วในวันหนึ่งคืนหนึ่ง  จงไปเสวยสุขในสุคติภพโดยถ้วนหน้ากันเถิด
กำหนดความรู้สึกนี้แผ่ขยายรัศมีออกไปอีก  กว้างทั้งภาคกลางของเรา...กว้างทั้งประเทศของเรา..กว้างทั้งทวีปเอเชีย  กว้างทั้งโลก  จนกระทั่งรู้สึกว่าโลกเราเหลือเล็กนิดเดียว  ตัวเราโตเต็มแผ่นดินแผ่นฟ้า  องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เรากำหนดภาพอยู่  ก็โตเต็มแผ่นดินแผ่นฟ้า  โลกเป็นวัตถุนิดเดียวที่อยู่ใต้ร่างกายเรานี่เอง   สามารถกำหนดจิตให้ครอบคลุมทั่วถึงโดยง่าย  ให้ตั้งใจว่า..มนุษย์ทั้งหลาย  สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนทุกข์  เกิด แก่ เจ็บ ตาย  ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น    ผู้ที่ชีวิตของท่านทั้งหลายเหล่านั้น ตกอยู่ในความทุกข์ยาก เศร้าหมอง เดือดร้อน ลำเค็ญ  ทุกข์กายทุกข์ใจ  เจ็บไข้ได้ป่วย  พิกลพิการใดใดก็ดี   ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น จงได้ล่วงพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายนั้นเถิด
กำหนดความรู้สึกแผ่เมตตานี้ ให้กว้างออกไปอีก กว้างออกไปอีก    จากโลกนี้ไปสู่ดวงดาวอื่น ๆ  ในสุริยจักรวาลเดียวกันนี้  ก็คือดาวศุกร์  ดาวอังคาร  ดาวพุธ  ดาวพฤหัส ไล่กว้างออกไปเรื่อย  จนกระทั่งกว้างออกจากสุริยจักรวาลนี้ไปสู่สุริยจักรวาลอื่น ๆ   ไปสู่ดวงดาวทั้งหลายในแสนโกฏิจักรวาล  ที่มีมนุษย์  มีสัตว์อาศัยอยู่  ให้ตั้งความหวังดีปรารถนาดีของเราไปถึงเขาทั้งหลายเหล่านั้น  ปรารถนาให้เขาพ้นทุกข์  มีแต่ความสุขโดยเสมอหน้ากัน  ให้กำหนดใจคิดว่า..มนุษย์ทั้งหลาย  สัตว์ทั้งหลาย  ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น  ผู้ที่ชีวิตของท่านทั้งหลายเหล่านั้น มีความสุขความเจริญดีอยู่แล้ว    ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น จงมีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ  ขึ้นไปด้วยเถิด  
กำหนดรัศมีของภาพพระที่ขาวสว่างไสวนั้น แผ่กว้างออกไป..กว้างออกไป    จนพ้นเขตแห่งจักรวาลทั้งหลาย   เข้าไปสู่ขอบเขตของทั้งสุคติภูมิและทุคติภูมิ เบื้องบนไล่ขึ้นไป  ไม่ว่าจะเป็นส่วนของอากาศเทวดาก็ดี  พระพรหมก็ดี   ตลอดจนถึงพระบนนิพพานที่พ้นสุขพ้นทุกข์  พ้นบุญพ้นบาปไปแล้วก็ดี  เบื้องล่างคือบรรดาสัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย  อสุรกายทั้งหลาย  เปรตทั้งหลาย  สัตว์นรกทั้งหลาย  ขอให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นในทุกภพทุกภูมิ  ทุกหมู่ทุกเหล่า  ประสบแต่ความสุขความเจริญ  ล่วงพ้นจากความทุกข์  โดยถ้วนหน้ากันด้วยเถิด   
ให้กำหนดใจคิดว่า..มนุษย์ทั้งหลาย  สัตว์ทั้งหลายผู้เป็นเพื่อนทุกข์  เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น  พึงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน  เสียสละให้กัน ช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ผู้ที่ตกอยู่ในความทุกข์ยากยิ่งกว่าตนให้พ้นทุกข์  เพื่อยังโลกนี้ไปสู่สันติสุขอันสมบูรณ์ด้วยเถิด   
ภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใหญ่โตเต็มจักรวาล ทุกภพทุกภูมิทุกหมู่ทุกเหล่าสว่างไสวไปด้วยพระรัศมีของท่าน  ตัวเราซึ่งเป็นพระแท่นที่พระองค์ท่านประทับนั่งอยู่ ก็พลอยสว่างไสวไปด้วย  หลังจากนั้นก็ซักซ้อมขยายกำลังใจให้กว้างออก  หดกำลังใจให้กลับเข้ามา เล็กสุดก็คือเสมอกับตัวเรา  โดยมีภาพพระสว่างอยู่บนศีรษะ  กว้างที่สุด ก็คือ ทุกภพทุกภูมิทุกหมู่ทุกเหล่า  เบื้องบนถึงพระนิพพาน  เบื้องล่างถึงอเวจีมหานรก  เบื้องขวางคือโลกธาตุที่หาประมาณมิได้
กำหนดกำลังใจแผ่ออก...รวมเข้า  แผ่ออก..รวมเข้า    ถ้าสามารถทำช้า ๆ ได้ก็ทำ    แต่ส่วนใหญ่แล้วจะถนัดแบบรวดเร็ว  ซึ่งบางทีก็ขาดความมั่นคงต่อเป้าหมาย    เมื่อสามารถทำซักซ้อมจนคล่องตัวแล้ว  ก็ให้ทุกคนรวบรวมกำลังใจทั้งหมด  มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน  ส่งความดีทั้งหลายทั้งปวงของเราที่ได้บำเพ็ญขณะนี้    จะเป็นกำลังของสมาธิสมาบัติในระดับสูงต่ำขนาดไหนก็ตาม  กำหนดตรงไปที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ขอให้พระองค์ท่านมีพระวรกายที่แข็งแรง  มีพระพลานามัยที่สมบูรณ์   ให้เจริญพระชนมายุยิ่งยืนนาน  อยู่เป็นมิ่งขวัญและกำลังใจของประชาชนชาวไทยสืบไปชั่วกาลนาน  
จะกำหนดภาพโดยองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่  มีพระพุทธรูปใส ๆ สว่าง ๆ  ครอบพระวรกายของพระองค์ท่านก็ได้  หรือจะกำหนดภาพของพระองค์ท่านอยู่เหนือเศียรของพวกเรา  โดยมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับสูงไปอีกชั้นหนึ่ง  โดยอาสนะที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่   ครอบคลุมลงมาทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและร่างกายของเรา  ให้สว่างไสวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันก็ได้  จากนั้นให้กำหนดคำภาวนาตามอัธยาศัยของเรา  ถ้ายังรู้ลมหายใจอยู่ ก็กำหนดรู้ลมหายใจไป    ถ้าหากว่าลมหายใจเบาลง ก็ให้รู้ว่าลมหายใจเบาลง  ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ ก็ให้กำหนดคำภาวนาไป  ถ้าคำภาวนาขาดหายไป ก็ให้รู้ว่าคำภาวนาขาดหายไป  ถ้าลมหายใจขาดหายไป ก็ให้รู้ว่าลมหายใจขาดหายไป  
กำหนดใจแน่วนิ่งอยู่ที่ภาพพระพุทธเจ้า ซึ่งครอบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราอยู่   ขอบารมีองค์สมเด็จพระบรมครูเมตตาอนุเคราะห์สงเคราะห์ ให้พระองค์หายจากอาการประชวรโดยเร็วไว  เสด็จออกจากโรงพยาบาล  กลับสู่พระราชสถานเป็นมิ่งขวัญเป็นกำลังใจแก่พวกเราสืบต่อไป  ณ  เบื้องหน้า  ให้กำหนดกำลังใจไว้อย่างนี้ จนกว่าจะมีสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูธรรมธรเล็ก  สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน  ณ  บ้านอนุสาวรีย์
วันเสาร์ที่  ๕  ธันวาคม  ๒๕๕๒
vBulletin® v3.8.11, Copyright ©2000-2025, vBulletin Solutions Inc.