View Full Version : เนื้อคู่
(พระอาจารย์คุยกับพระ) ในธรรมชาติเขาจะคัดเลือกโดยอัตโนมัติว่า ถ้าสัตว์ตัวไหนอ่อนแอ ก็เอาตัวไม่รอด  ตัวแข็งแรงเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์อยู่รอดได้ ผมไปนึกถึงเรื่องกิเลส  ถ้าหากว่าใครมีกำลังใจเข้มแข็ง ก็พอที่จะสู้กับกิเลสได้ แต่ถ้ากำลังใจไม่เข้มแข็งพอก็แพ้กิเลส  กลายเป็นลูกไก่ที่โดนงูกินบ้าง  โดนหมากัดบ้าง
วันนี้ไปงานแต่ง ก็เลยนึกถึงเรื่องที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้  ว่าคนเราที่จะแต่งงานกัน มีอยู่ด้วยกัน ๒  สาเหตุ สาเหตุแรกก็คือ เคยเป็นเนื้อคู่กันมาในชาติก่อน  บาลีเขาบอกว่า ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน  (บุพเพสันนิวาส)   สาเหตุที่สองก็คือ ปจุจปฺปนฺน หิเตน วา เกื้อกูลกันในปัจจุบันนี้จนเห็นใจกัน 
เพราะฉะนั้นถ้าใครบอกว่าเราไม่มีเนื้อคู่นี่อย่าไปเชื่อ  การที่ไม่มีเนื้อคู่แปลว่าของอดีตไม่ได้ตามมา  เราก็หาเอาในปัจจุบันนี่แหละ  แต่ว่าในเรื่องของเนื้อคู่  เนื่องจากว่าเราไม่ได้เกิดเพียงชาติเดียว กว่าจะเป็นคนได้เราเกิดมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว  เป็นหมู หมา กา ไก่ กันมาก็เยอะ  เนื้อคู่ในแต่ละชาติก็จะมีอยู่ทุกชาติ 
ใครก็ตามที่เกิดร่วมกับเรามากที่สุด คนนั้นก็จะมีอิทธิพลกับเรามากที่สุด ถ้าประเภทนี้ก็จะลักษณะเดียวกับภรรยาของพรานกุกกุฏมิตร  พอเห็นหน้าเท่านั้นก็หนีตามไปเลย  อันนี้บุพเพสันนิวาส...ห้ามไม่ได้ เพราะว่าเขาเห็นเข้าเขาจะรู้เลยว่านี่คู่ของเขา 
คราวนี้ที่จะพูดก็คือว่า ในเมื่อเราไม่ได้เกิดชาติเดียว  ถ้าใครจะทรงพรหมจรรย์บวชอยู่ต่อ...โปรดระมัดระวัง  จะมีโผล่มาเป็นระยะ ๆ  คนไหนเคยเกิดร่วมกับเรามากหน่อย เจอหน้าก็มืออ่อนตีนอ่อนเลย  
ผมเจอมาแล้วครับ  หน้าตาก็ธรรมดา  แต่ทำไมมีแรงดึงดูดมากอย่างนั้นก็ไม่รู้ ?  ผมเจอหน้าเขาทำอะไรไม่ถูกเลย  ถึงเวลาทำวัตร  ปากสวดมนต์แต่ตาแอบมองเขา   เวลานั่งกรรมฐานเขาหลับตากัน ผมก็ลืมตาจ้องแต่ยายบ้านั่น  
แต่คราวนี้ผมรู้ตัว ความรู้สึกบอกเลยว่า อย่าพูดกับเขาแม้แต่คำเดียว พูดเมื่อไรผมตายแน่  ผมก็เลยเลี่ยงไม่คุยด้วย แล้วเขาก็รู้ ไม่ว่าผมคุยกับใครอยู่ตรงไหน เขาต้องแถมาอยู่ใกล้ ๆ แล้วก็พยายามจะถามนั่นถามนี่  พอเขาเอ่ยปากถาม  ผมก็หันหลังให้เดินหนีเลย ผมรู้ว่าถ้าพูดเมื่อไร ผมตายแน่ เพราะแนวป้องกันพังแล้ว
ช่วงนั้นทรมานมาก คือใจของผมยอมแพ้ตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว แต่ที่ตื๊อสู้อยู่นี่เป็นความดื้อ  ให้มันรู้ไปว่ากูจะสู้ไม่ได้..!
พวกที่มาตามวาระกรรม ถ้าเราตื๊อผ่านไปได้ พ้นวาระนั้นไปแล้ว ก็มักจะมาคิดว่า "ตอนนั้นกูบ้าไปได้อย่างไรวะ?" จะคิดอย่างนั้นจริง ๆ  คือว่าพ้นวาระไปแล้ว เขาก็ไม่มีอิทธิพลกับเราแล้ว ก็มานั่งมอง  "หน้าตาหรืออะไรก็ไม่ได้ถูกใจสักอย่าง ทำไมตอนนั้นมัวแต่มองเขาอยู่ได้คนเดียว" 
คราวนี้ตรงจุดที่จะเตือนพวกคุณก็คือว่า พอพ้นคนนั้นไป คนใหม่ก็จะมาอีก เพราะเราไม่ได้เกิดชาติเดียว ยิ่งเกิดมากก็ยิ่งมีเยอะ  คนไหนอยู่ร่วมกับเรามาก ก็มีอานุภาพมากหน่อย คนไหนอยู่ร่วมกับเราน้อย คนนั้นก็สร้างความสนใจให้กับเราน้อยหน่อย 
หลวงปู่ฝั้น วัดป่าอุดมสมพร สมัยก่อนผมเป็นลูกศิษย์ท่าน   ท่านบอกว่าท่านเดินธุดงค์ไป  พอข้ามแม่น้ำ สองแม่ลูกเอาเรือมารับคนข้ามฟาก  ท่านบอกว่า พอเห็นหน้าลูกสาวก็แวบเข้ามาในใจ พอขึ้นจากเรือได้แล้ว ท่านบอกว่าเหมือนคนเดินไม่มีสติเลย เห็นแต่อีหน้าใบโพธิ์ลอยอยู่ข้างหน้า  
คราวนี้พอค่ำ ๆ ท่านก็ปักกลด  ปรากฏว่ายายแม่ก็พาลูกสาวตามมา ตามมาถึงก็มากราบมาไหว้ เอาน้ำร้อน น้ำชามาถวาย แล้วก็บรรยายว่าตัวเองก็ตัวคนเดียว ผัวตายแล้ว  มีนากี่ไร่ มีควายกี่ตัว  มีลูกสาวแค่คนเดียว  ถ้าพระคุณเจ้าไม่รังเกียจ สึกมาก็จะให้แต่งงานกัน แล้วก็ยกสมบัติให้ช่วยดูแลเพราะโยมก็แก่แล้ว 
โห...คุณเอ๊ย  ลูกสาวเขาก็สวยถูกใจ  แถมสมบัติให้อีกบาน  ทำอย่างไรละคราวนี้ ? หลวงปู่ฝั้นบอกว่า ตอนนั้นเกือบไม่ได้สติ เออ ๆ  ให้พ้นหน้ากันไปก่อน  เออ ๆ เดี๋ยวค่อยคุยกันนะโยม  เดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้คำตอบ  อะไรทำนองนั้น 
ปกติแล้วพระธุดงค์   ปักกลดแล้วเขาห้ามถอน   รักษาสัจจะบารมี ตายเป็นตาย  ไม่ได้อรุณไม่ถอนกลดเด็ดขาด พอเขากลับไป บอกว่าพรุ่งนี้จะมารอคำตอบ   พอลับหลังเท่านั้น หลวงปู่ฝั้นถอนกลดหนีเลย  ถ้าอยู่ตายแน่ 
ท่านบอกว่าเดินธุดงค์ข้ามไป ๔ จังหวัดเลย  ถ้าตามมาจะยอมแต่งงานด้วย โอ้โห..แล้วสมัยนั้นป่าเสือ ป่าช้าง ทั้งนั้น  ผู้หญิงที่ไหนจะเดินตามมา  แต่ท่านบอกว่า ๒ ปีกว่า ๆ  เห็นแต่หน้าเขาอยู่นั่น   อานุภาพสุดยอดจริง ๆ พอพ้นวาระไปแล้วท่านบอกว่า จึงหมดความสนใจ
อีกรายหนึ่งก็ หลวงปู่สิงห์  ขนฺตยาคโม  วัดป่าสาลวัน เรียกว่ามือหนึ่งของหลวงปู่มั่น  หลวงปู่สิงห์ท่านบอกว่าท่านไปกิจนิมนต์  กำลังเดินขึ้นไปบนบ้าน  สบตากับสาวที่อยู่บนบ้าน เชื่อไหม ? ขาอ่อนทรุดลงไปเลย  โยมเขาคิดว่าท่านก้าวบันไดพลาด  แต่ความจริงหลวงปู่บอกว่า อดีตสัญญาแวบเข้ามาในใจ  มือตีนอ่อนไปหมด ทรุดกองอยู่ตรงนั้น  จนโยมต้องมาประคอง พอหันไปดูผู้หญิงก็ล้มหงายตึงไปเหมือนกัน  อันนี้แสดงว่าท่านคู่กันจริง ๆ แรงขนาดนั้นเลย  
คราวนี้จะทำอย่างไร? แม่ผู้หญิงก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ   จนต้องส่งคนมาทาบทาม มาสู่ขอ หลวงปู่ท่านก็เป็นนักกรรมฐานมือหนึ่ง ก็ลองสู้กันดูสักทีว่าจะไหวไหม ?  เขายื่นข้อเสนอมาว่า  ถ้าท่านจะสึกมาแต่งด้วยต้องการอะไรบ้าง  จะยอมให้หมดทุกอย่างเลย  หลวงปู่สิงห์ท่านบอกว่า
เอาบ้านหลังหนึ่ง ให้ลอยอยู่กลางอากาศ ห้ามแตะพื้น  อย่างที่สอง เอายาวิเศษที่กินแล้วไม่แก่  ไม่ตาย  เจออย่างแรกเข้าไปก็เดี้ยงแล้ว  โยมก็อึก ๆ อัก ๆ "จะไปหาที่ไหนได้เล่าพระคุณท่าน..?"   
"เออ ถ้าหาไม่ได้แสดงว่าโยมทำตามสัญญาไม่ได้  อาตมาไม่สึก..!" นั่นต้องบอกว่าความฉลาดของหลวงปู่   เพราะบ้านที่ลอยอยู่ในอากาศก็มีแต่วิมาน ส่วนที่ไม่แก่ไม่ตายก็พระนิพพานที่เดียว  จะไปหาที่อื่นไม่ได้ อันนั้นท่านชนะ ท่านผ่านมาได้ 
อีกรายหนึ่งก็หลวงปู่เทสก์  เทสรงฺสี  สมัยก่อนผมคลุกคลีตีโมงกับลูกศิษย์สายหลวงปู่มั่นเยอะมาก   ตอนผมเป็นเด็ก ๆ ผมวิ่งรับใช้ท่านอยู่  มีเรื่องมีราวอะไรบางทีท่านก็เล่าคุยกันเอง ผมก็เงี่ยหูใกล้ ๆ ได้ยินด้วย   
หลวงปู่เทสก์ท่านบอกว่า  โยมผู้หญิงคนนั้น ใส่บาตรท่านเป็นปี ๆ และก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก  ปรากฏว่าวันนั้นเขามาส่งข่าวว่าป่วย ใส่บาตรไม่ไหว  หลวงปู่เทสก์ก็คิดว่า "เออ..โยมเขาก็มีบุญคุณกับเรา ไปเยี่ยมเขาสักหน่อยดีกว่า" 
ตอนหลังทำวัตรเย็นก็ชวนเด็กวัดไปเป็นเพื่อน ไปเยี่ยม  ปรากฏว่าพระป่ากว่าจะทำวัตรเย็นเสร็จก็สองทุ่มแล้ว   เด็กวัดก็ง่วง  พอไปถึงเด็กก็หลับซะนี่  ผู้หญิงเห็นว่าไม่มีเด็กเป็นก้างขวางคอ เขาก็พูดเปิดเผยขึ้นมาเรื่อย ๆ หลวงปู่เทสก์ท่านบอกว่า มือตีนสั่น  เหงี่อเริ่มหยด  ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ใส่ใจ ดูไปดูมาทำไมสวยเหมือนกันวะ ?   
เพราะฉะนั้น..ที่จะเตือนพวกคุณก็คือว่า เรื่องของผู้ชายเรา...ไม่มีอะไรที่มีอิทธิพลเท่ากับผู้หญิง และเรื่องของผู้หญิง...ไม่มีอะไรที่มีอิทธิพลเท่ากับผู้ชาย แต่ว่าอย่าให้อารมณ์ของเราชนะเหตุผลได้
เราลองนึกดูว่า กว่าเราจะโตมาจนป่านนี้ กว่าจะแก่มาจนป่านนี้   พ่อแม่เลี้ยงเรามากี่ปี  เรารักพ่อรักแม่เท่ากับไอ้บ้าหรืออีบ้าที่เพิ่งเจอกันหรือเปล่า ?   คิดดูให้ดี ๆ   ตีเสียว่ากว่าจะบวชได้ ๒๐ ปี พ่อแม่เลี้ยงเรามา เจอหน้าเขาแค่ไม่กี่ครั้งดันหน้ามืดตามัว  หัวทิ่มหัวตำ แต่พ่อแม่เลี้ยงเรามาจนเหนื่อยยากแทบตาย  เราดันรักไม่เท่าไร ตรงนี้ถูกหรือไม่ถูก ? เราต้องคิดให้เป็น 
แต่ก็ว่าอย่างว่านั่นแหละ เรื่องของกามราคะเป็นสิ่งครองโลก สุนทรภู่ท่านบอกว่า อันตัณหาราคะนั้นสาหัส ถ้าใครตัดเสียได้ฉันให้ถอง  อุตส่าห์เรียนวิชาหาเงินทอง ก็เพราะของสิ่งเดียวมันเกี่ยวกวน จริง ๆ สุนทรภู่ท้าผิดจังหวะ ถ้าลองมาท้าผมตอนนี้  รับรองโดนถองแน่ ๆ..!
  
ผมเองก็ตัดไม่ได้หรอก....แต่ว่าป่วยจนไม่มีแรงจะทำอะไรแล้ว  เท่ากับตัดไปได้เอง เพราะฉะนั้น..เรื่องอย่างนี้ต้องระวังให้ดี  ไม่ใช่อะไรหรอก  เณรท่านบ่นร่ำ ๆ ว่าจะสึก  เริ่มคึกมากขึ้น  ผมก็เลยบอกว่าให้ทำกรรมฐานบ้าง ถ้าเอาแต่กินแล้วนอนเดี๋ยวก็คึกตายหรอก..!
พระพุทธเจ้าตรัสว่าบุคคลที่เกิดมาได้พบกัน ในอดีตไม่เคยมีความสัมพันธ์กันเลยไม่มี อย่างน้อย ๆ ต้องเป็นฐานะใดฐานะหนึ่ง เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นลูก เป็นหลาน เป็นญาติพี่น้อง เป็นเจ้านาย เป็นลูกน้อง เป็นเพื่อนฝูง เป็นบริวาร  จะต้องเป็นสักฐานะหนึ่ง 
เรื่องของพระพุทธศาสนาเรานั้นไม่มีคำว่าบังเอิญ ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมทั้งหมด กรรมดีกรรมชั่วที่เราสร้างมา ถึงเวลาก็จะส่งผลให้เป็น คำว่าบังเอิญไม่มี มีแต่เป็นไปตามวาระกรรมทั้งนั้น ดังนั้น..เราต้องระมัดระวังให้ดีว่า ถ้าหากไม่สร้างกำลังใจให้เข้มแข็งพอ ถ้าเรื่องพวกนี้มา..เราเสร็จแน่..!
จริง ๆ แล้วผมเองตอนเป็นฆราวาส  ผู้หญิงล้อมรอบเยอะ แต่ไม่คิดจะไปรักไปใคร่ไยดีเขาหรอก เนื่องจากว่าตอนนั้นผมทำงานแล้ว แต่บรรดาสาว ๆ เขาเพิ่งเรียนจบ  ยังไม่มีงานทำบ้าง   เรียนยังไม่จบบ้าง  เขาอยากไปวัด ในเมื่ออยากไปวัดผมก็มีหน้าที่ไปรับ  ไปส่ง  แล้วค่ากิน ค่าอยู่  ค่ารถเป็นของผม สตางค์เขาเก็บไว้ทำบุญอย่างเดียว 
ผมไปรับไปส่งตรงเวลา จนกระทั่งพ่อแม่เขาไว้ใจ หลายต่อหลายบ้านเห็นผมเป็นลูกเป็นหลานไปด้วย ผมขอยืนยันว่า  เอาแมวไปเฝ้าปลาย่าง แล้วมีกติกาว่าห้ามกินนั้น โคตรทรมานเลย..!   
จริง ๆ ครับ เพราะเวลาพัก  พ่อแม่เขาจัดให้ผมนอนห้องเดียวกัน ผมไม่ใช่ตอไม้นะ มีความรู้สึก  แต่ทีนี้ผมดันรู้ตัวเองว่าจะต้องบวช ผมฝึกมโนมยิทธิตั้งแต่อายุยังไม่ครบยี่สิบ  รู้เลยว่าอนาคตจะต้องบวช ผมเรียนอยู่ชั้นมัธยม  ผมก็รู้เลยว่าผมต้องบวช 
ทีนี้นิสัยตัวผมเองนะ ถ้ามีอะไรกับใครผมต้องรับผิดชอบชีวิตเขา ให้ทิ้งมาบวชคงทำไม่ได้  ก็เลยกลายเป็นเครื่องกั้นตัวเองไว้อย่างหนึ่งว่า  อย่าไปยุ่งกับเขาเลย เดี๋ยวซวย..เดี๋ยวบวชไม่ได้  ก็เลยกลายเป็นว่าดีเหมือนกัน บางทีการที่เรารู้อะไรล่วงหน้า ก็ช่วยในการตัดสินใจของเราได้เยอะมากเลย
เพื่อนผมหลายคนเสียอนาคตไป  ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจบวชอย่างมาก  เพราะไปมีคู่เสียก่อน  ยกตัวอย่างคนหนึ่ง  ผมต้องชมจริง ๆ ว่าผู้หญิงเขาเก่ง  ผู้ชายตั้งเป้าจะบวชไม่สึก ผู้หญิงเขาไม่ห้ามนะ  แต่เขาอ้อน   "พี่..ไหน ๆ พี่จะไปบวชแล้ว  หนูอยู่คนเดียวก็เหงา มีลูกให้หนูสักคนเถอะ"   
ไอ้ผู้ชายก็เสือกบ้าไปเชื่อ โง่ฉิบหา..เลย..!  วันแรกที่โทรมา ดีใจใหญ่ว่าเมียท้องแล้ว  จะได้บวชแล้ว  ผมก็บอกว่า  "มึงตายแน่เลยไอ้เกื้อ..ไปไม่รอดหรอก เมียมึงทิ้งได้  แต่ลูกมึงทิ้งไม่ได้เด็ดขาดเลย..!"  
 จริง ๆ ด้วย พอลูกคลอดออกมา  ก็เสร็จมาจนทุกวันนี้ ผมบวชมายี่สิบกว่าพรรษา ยังไม่เห็นเขามาบวชอีกเลย  เพราะฉะนั้น..อย่าทะลึ่งเชียวนะ   ต้องบอกว่าผู้หญิงเขาฉลาดมาก  เห็นน้ำเชี่ยวเขาไม่เอาเรือไปขวางหรอก เขาเกาะเรือลอยตามไปเลย 
ตัวอย่างที่ผมยกมานี่ก็คือว่า เรื่องของผู้หญิง ถ้าเขาหมายมั่นปั้นมือว่าเราเป็นชายในฝันร้ายของเขาละก็   เขากล้าลงทุนทุกเรื่อง  และลงทุนแบบไม่กลัวขาดทุนเลย 
เพราะฉะนั้น..ต้องใจแข็ง ๆ หน่อย ถ้าหากว่าใจอ่อน แล้วอย่างอื่นแข็งแทนก็ตัวใครตัวมัน..!  ไม่รู้จะช่วยอย่างไรจริง ๆ ถ้าหากเราตั้งอนาคตว่าเราจะมีครอบครัว..ก็มีไป  ไม่มีปัญหา แต่ถ้าใครคิดว่าจะกลับมาบวชใหม่  เอาดีทางด้านนี้ อย่าไปแตะเลย  แตะเมื่อไรไม่ได้กลับหรอก 
สังเกตไหม ? บวชไปนาน ๆ แม่ชีบ้าง  เด็กวัดบ้าง แรก ๆ เราเห็นก็ขี้มูก ขี้ตากรัง  พอปีสองปี  "ทำไมสวยขึ้น...สวยขึ้นหว่า ?"   อย่างทหารเวลาฝึก  เขาฝึกกันทีหนึ่งประมาณ  ๑๐ อาทิตย์  ก็ประมาณสองเดือนครึ่ง  เพื่อนบอกว่า  "กูเห็นควายยังสวยเลย..!"  เพราะสองเดือนครึ่งไม่ได้ไปไหนเลย   ฝึกอย่างเดียว ขนาดเห็นควายยิ้มยังสวยเลย แล้วทำไมคนจะไม่สวยขึ้นเรื่อย ๆ  ฉะนั้น..ต้องระวังให้ดี แรก ๆ ก็ไม่เท่าไร ดูไป ๆ ชักจะเข้าท่า  ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวซวยได้เลย   
ฉะนั้น..ต้องระมัดระวังให้ดีเรื่องเพศตรงข้าม พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า  ไม่รู้ไม่เห็นได้เลยเป็นดี ถ้ารู้เห็นก็อย่าพูดด้วย  ถ้าจำเป็นต้องพูดด้วย ให้พูดโดยธรรม พูดประเภทสอนให้เขาทำกรรมฐานอะไรก็ได้  
เดี๋ยวเขารำคาญด่าเราสักที  เขาก็ไปแล้ว  "คนอะไรโง่ฉิบหา..เลย สอนให้ทำอะไรก็ไม่รู้ ไอ้ที่สนุกกว่านั้นไม่สอน.."  
เรื่องนี้เรียกว่าเป็นจุดตายหนึ่งในสองอย่างของนักบวชเรา ท่านบอก สตรีกับสตางค์ ถ้าหากว่ารอดจากผู้หญิง ก็อาจจะตายเพราะสตางค์
มีพระผู้ใหญ่อยู่รูปหนึ่งทางอีสาน อย่าให้ผมบอกชื่อเลย  ท่านอาวุโสมาก ความรู้สูง ตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัด อย่างไรก็ต้องได้ขึ้นเป็นเจ้าคณะจังหวัดแน่  ปรากฏว่าพอสิ้นเจ้าคณะจังหวัดรูปเก่า  เขาก็แต่งตั้งพระอีกวัดหนึ่งให้เป็นแทน  ท่านก็โวยวาย เตรียมตัวที่จะประท้วงทิ้งบัตรสนเท่ห์   
แต่ดวงท่านยังดี พอดีว่าเพื่อนที่รู้ใจกันไปเยี่ยม ท่านก็โวยเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็บอกว่านี่ "ถ้าหากว่าคุณไม่รู้ว่าทำไมตำแหน่งคุณไปหล่นอยู่ที่วัดนั้น   ขอให้คุณรู้เอาไว้ด้วยว่า  ที่คุณไม่ได้  เพราะคุณพลาดเรื่องหนี้"   พอท่านได้ยินก็สะดุ้ง  ท่านเอาเงินไปให้ชาวบ้านเขากู้   ปล่อยเงินกู้กินดอก 
ผมเองก็โดนบ่อยนะ มีคนจะมากู้เงินผมตั้งแต่สมัยอยู่เกาะพระฤๅษี  "อาจารย์กู้หมื่นหนึ่งสิ"  "อาจารย์กู้สักสองหมื่นสิ" ผมไม่เคยขัดเลยครับ  ใครจะกู้..ผมให้เลย  "อาตมาคิดดอกร้อยละ ๑๒๐ หักดอกเดี๋ยวนี้เลย  ต้องการเท่าไรบอกได้  มีให้ทั้งนั้น" ไม่เห็นมีใครเอาจริงสักราย..! 
เพราะถ้าเขากู้ผมหมื่นหนึ่ง  เขาต้องให้ดอกผมหมื่นสองเดี๋ยวนั้น  แล้วยังเป็นหนี้ผมอีกหมื่นหนึ่ง ดูซิว่าจะเอาไหม ? เรื่องเงินนี่อันตราย โดยเฉพาะถ้าเป็นพระสังฆาธิการ อยู่ในสายการปกครอง เจ้านายเขาเล่นงานโดยตรงได้เลย หลุดจากตำแหน่งมานักต่อนักแล้ว  รายนั้นโชคดีที่เขาเมตตา  ไม่เอาออกจากตำแหน่ง ให้เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดนับว่ายังดี  
เรื่องของพระเราต้องระวังให้ดี  เพราะเรามีค่าแค่บาทเดียว  (เอาของเขา) ถึงบาทเมื่อไรโดนอาบัติปาราชิก ขาดความเป็นพระทันที  ต้องระมัดระวังให้จงหนัก ส่วนเรื่องของผู้หญิงนี่ก็หนึ่งในสี่ข้อของอาบัติปาราชิกเหมือนกัน เสพเมถุน มีเมียเมื่อไรก็เรียบร้อย 
ฉะนั้น..นอกจากจะต้องระมัดระวังแล้วยังต้องสู้กันขนานหนักเลย เพราะว่าเป็น ๑ ใน ๔ กิเลสใหญ่ ก็คือ ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ  ราคะนี่เรื่องผู้หญิง โลภะก็เรื่องสตางค์   กิเลสใหญ่สองตัวรุมตี  ต้องระมัดระวังเอาไว้ให้มาก
แก่แล้วก็ไม่แน่ว่าจะรอดนะ ผมขอยืนยัน  
ถาม :  (เรื่องกามราคะ)
ตอบ :   ไม่ต้องห่วง  กิเลสเขาชำนาญ คุณภาวนามากี่วัน  ถามหน่อย   ส่วนเรื่องนั้นเขาชำนาญมาเป็นแสน ๆ ชาติ  ชีวิตนี้ทั้งชีวิตเกิดมาแล้วภาวนาก็แค่ไม่กี่ปี ส่วนไอ้นั่นเขาทำมาเป็นแสนชาติ เขาชำนาญกว่าเยอะ  ฉะนั้น..ภาวนาอยู่เราก็ฟุ้งไปได้ 
สมัยผมอยู่วัดท่าซุง หลวงน้ามีชัย ต้องขออภัยที่เอ่ยชื่อ เพราะสนิทกันมากจนล้อกันเล่นได้  หลวงน้าสึกไปตอนอายุ ๗๒  อายุ  ๗๒  ครับ ผมขอยืนยัน  แก่แล้วคนมักจะเห็นหล่อตอนนั้นเสียด้วย แปลกมาก....ตอนบวชแล้วดูดีไปหมด พอสึกไปแล้วก็หน้าตาธรรมดา   บางรายก็อยากเอาชนะ 
สมัยผมอยู่วัดท่าซุง  ผมด่ากระจายเลย  โยมบางคนเขามา ผมก็ถามตรง ๆ  "ถามหน่อยเถอะ ไม่มีที่ไปแล้วหรือ ? ถึงต้องมาหาผัวในวัด..!"  ยายนั่นก็ปากร้ายพอกัน  เขาบอก  "อ๋อ...ถ้าบวชหลายพรรษาหน่อยก็ไม่ต้องกลัวเอดส์..!"  
เจริญ....แสดงว่าเขาใจถึงใช้ได้ ด่าตรง ๆ ก็ตอบมาตรง ๆ เหมือนกัน แล้วคุณคิดดูว่าผู้หญิงเขากล้าขนาดนั้น  ถ้าขืนเราอ่อนหน่อยละก็....ตายเลย 
สมัยก่อนผมด่าแหลกเลย ผมเพิ่งจะมาเลิกด่าก่อนออกจากวัดได้ไม่นาน  เพราะว่ามีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง  เขาเอาของขวัญปีใหม่มาถวาย ผมก็  "ขอให้มีความสุขความเจริญนะ  ทำอะไรก็ขอให้ประสบความสำเร็จสมหวังทุกอย่าง" เขาว่าอย่างไรรู้ไหม ?
"หลวงพี่พูดดี ๆ กับเขาก็เป็นด้วยนะ"  ผมได้ยินผมสะดุ้งเลย   นี่กูปากร้ายขนาดนั้นเลยหรือ ? สมัยก่อนผมไม่ให้ผู้หญิงเข้าใกล้เลย ด่าฉิบหายวายป่วงหมด  ยายนั่นพูดทีผมได้คิด  ผมก็เลยเลิกด่า บางอย่างเขาพูดก็สะดุดใจเราเหมือนกัน 
ฉะนั้น..คุณต้องหาทางป้องกันระวังตัวเอง  หลวงน้ามีชัย ก่อนท่านจะสึก  เจอหน้ากันผมก็เข้าไปไหว้ ท่านว่า
  
"เออ..ท่านเล็กยังดีนะ เจอหน้าผมยังไหว้ คนอื่นพอรู้ว่าผมจะสึก ก็ไม่ไหว้ผมแล้ว" 
 "อ้าว...แล้วตอนนี้หลวงน้าเป็นพระอยู่หรือเปล่า ?" 
"เป็น"  
"หลวงน้าเป็นพระอยู่  ทำไมผมจะไหว้หลวงน้าไม่ได้ แต่ถามจริง ๆ เถอะหลวงน้า แก่จนป่านนี้แล้วจะไปทำอะไรเขา ยังไหวหรือ ?"  ท่านก็เขิน  
"ฮึ..ผมอยากเที่ยว" 
"แหม..หลวงน้าก็ตะแบงข้างไปได้ เป็นพระเที่ยวง่ายกว่าตั้งเยอะ ไม่ต้องเสียสตางค์ด้วย"
"ก็ผมไม่นึกอยากจะอยู่นี่"  
บอกตรง ๆ ก็หมดเรื่อง ยังมีการตะแบงข้างอีก เพราะฉะนั้น..เรื่องอย่างนี้อย่าคิดนะ ภาษิตจีนเขาบอกว่าตั้งแต่ ๘ ขวบยัน ๘๐ นี่ไว้ใจไม่ได้  เรื่องจริง....ดูอย่างล้อต๊อกมีลูกตอนอายุ ๗๙ ตอนแรกก็ด่าเมียหาว่ามีชู้  พอไปหาหมอ ให้หมอตรวจดีเอ็นเอดู  อ้าว..ลูกตัวเองนี่หว่า  นี่อายุตั้ง ๗๙ ยังมีน้ำยาอยู่นะ 
เรื่องพวกนี้ไว้ใจไม่ได้ ประมาทเมื่อไรเราตายเมื่อนั้น   ฉะนั้น..อย่าทิ้งการภาวนา ทิ้งเมื่อไรไปไม่รอดหรอก ถ้าต้องการความเจริญในพุทธศาสนา ขอยืนยันภาวนาเข้าไว้ จะมากจะน้อยก็ช่วยระงับกิเลสได้มาก
พระครูธรรมธรเล็ก  สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์สอนพระหลังทำวัตร  บนศาลาวัดท่าขนุน
vBulletin® v3.8.11, Copyright ©2000-2025, vBulletin Solutions Inc.