View Full Version : ธุดงควัตร
ถาม  :  หลวงพ่อคะ  ตอนที่หลวงพ่อไปธุดงค์  หลวงพ่อได้อะไรมาคะ ?
ตอบ  :  ได้สังขารุเปกขาญาณกลับมา  ตอนแรกจะไปเอาแค่พรหมวิหารสี่....แต่ได้เกินมา  ไปได้ตัวสุดท้ายเยอะไปหน่อย ตั้งใจจะไปเอาเมตตา กลายเป็นอุเบกขาเต็มที่เลย เพราะเหลือแต่ตายแน่ ๆ  เท่านั้น
ตอนแรกที่อาตมาจะออกธุดงค์  พระพี่พระน้องขอตามกันเป็นพรวน  ๗ - ๘ รูป  พอรู้ว่าอาตมาจะไปไหนเขาก็ถอนตัวกันเกลี้ยงเลย   ไม่ไปด้วย  เพราะรู้ว่าไปแล้วตายแน่ อาตมาก็แหม..อุตส่าห์ลาหลวงพ่อไว้แล้ว
ถ้าไม่ไปก็เสียเชิงชาย  ไปคนเดียวก็ได้วะ   
จริง ๆ  แล้วเมืองไทยป่ายังเยอะอยู่ พอที่พระจะธุดงค์ได้เต็มที่เลย    เพียงแต่กล้าพอไหม ?    ถ้ากล้าไม่พอก็ไม่มีป่าให้ธุดงค์  จะเอาป่าที่สบาย ๆ  ไม่มีหรอก  
ต้องถามพระครูหน่อยของเรา (ท่านธัมมะทินนะ) ไปจ๊ะเอ๋กับเสือครั้งเดียว  ประกาศตัดขาดการธุดงค์ตลอดชีวิตเลย  ไม่ไปอีกแล้ว  พอเจอเสือ..ท่านบอกว่าขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ตอนไหนยังไม่รู้เลย  แล้วที่มีความสามารถมากกว่านั้น  คือ ของทุกอย่างเอาขึ้นไปครบด้วย  ถ้าเป็นอาตมาคงขึ้นไปแต่ตัว
ของพระครูหน่อยยังไม่ตลกเท่ากับที่ชาวบ้านเขาเจอ  ชาวบ้านเขาไปล่าสัตว์  พอใกล้สว่างก็เดินกลับ    ผ่านลำธารก็เลยแวะเข้าไปล้างหน้า  ได้ยินเสียงแผล็บ ๆ อยู่ฝั่งตรงข้าม  เงยหน้าขึ้นมา  จ๊ะเอ๋กับเสือ   เสือเห็นคนก็ตกใจ   คนเห็นเสือก็ตกใจอีก   ต่างฝ่ายต่างตกใจ   เสือก็กระโจนข้ามฝั่งมา   คนก็กระโดดข้ามไปฝั่งตรงข้าม  ต่างฝ่ายกระโดดข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม   แล้วคนก็วิ่งเตลิดไปถึงหมู่บ้าน อีกตั้งนานกว่ากล้าจะชวนพรรคพวกมาเก็บปืนที่วางทิ้งไว้
บรรดาสัตว์ในป่า  อันดับหนึ่งที่น่ากลัวคืองู  อันดับสองคือหมี  เพราะเราหนีหมีไม่ได้ วิ่งขึ้นเขาหมีก็เร็วกว่า   ปีนต้นไม้หมีก็เร็วกว่า   ว่ายน้ำหมีก็เร็วกว่า   วิ่งหมีก็เร็วกว่า  แต่หมีเป็นสัตว์ขี้ตกใจ   ถ้าเจอหน้าให้ตะโกนใส่ดัง ๆ  หมีจะเตลิดชนิดฝุ่นตลบเลย   แล้วเราต้องรีบวิ่งนะ  ไม่ใช่ตะโกนใส่หมีหนีไปแล้วยังรออยู่  เพราะหมีจะวิ่งไปพักเดียว  พอตั้งสติได้หมีจะย้อนกลับมาดู  ว่าเมื่อครู่นี้คืออะไร  หมีเป็นอย่างนี้ทุกตัว    ส่วนสัตว์ในป่าที่น่ากลัวเป็นอันดับสามคือหมูป่า   หมูป่าเป็นสัตว์ที่ไม่หนีคน   ถ้าพุ่งมาขวิดเราครั้งแรกผิด ก็ไม่ไปไหน จะเลี้ยวกลับมาขวิดซ้ำอีก
แต่ถ้าอยู่ในป่าแล้วเราไม่รู้จักป่าดีพอ   มีความกลัวเกิดขึ้น   ทุกอย่างจะช่วยซ้ำเลย มีแต่จะทำให้เรากลัวหนักขึ้น ๆ  และท้ายสุดก็อยู่ไม่ได้  หลวงปู่บุดดาท่านเตือนเอาไว้ว่า  ธรรมะไม่เสมอกัน  อย่าไปธุดงค์ด้วยกันเลย   เสียเวลาเปล่า ๆ อาตมาก็เจอมาแล้ว    ถึงเวลาไปต่อไม่ไหว เพื่อนจะกลับ ก็ต้องกลับมาส่งเขา เสียเวลาอย่าบอกใคร   ถ้าปล่อยกลับเองก็ตายเสียเปล่า ๆ  
เวลาอยู่ในป่า  เรื่องจินตนาการปรุงแต่งพยายามควบคุมไว้  ไม่อย่างนั้นแล้วทุกอย่างจะน่ากลัวมาก   บางเที่ยวที่ไปปักกลด มีเสียงตึ้บ...ตึ้บ....ตึ้บ   รอบบริเวณที่ปักกลดอยู่    ถ้าจินตนาการดี ๆ  ก็ผีก็องกอยแน่เลย กำลังกระโดดขาเดียวอยู่   เพื่อหาทางเข้ามาล้วงตับเราแน่ ๆ    แต่อาตมาไม่ค่อยจะกลัว ถึงเวลาออกไปส่องไฟดู   จริง ๆ แล้วก็คือ   เวลาดึกแล้วน้ำค้างลง หยดใส่หลังคากลด  แล้วหยดเป็นจังหวะเหมือนคนเดิน
ถาม  :  ทำไมเข้าป่าไปธุดงค์แล้วหลวงพ่อถึงหวังแค่ตัวเมตตาในพรหมวิหาร ?
ตอบ  :  ตอนนั้นทำงานแล้วรู้ตัวว่าเมตตาพร่อง  ไม่สามารถที่จะเมตตาได้ทั่วเสมอกัน  คนไหนสวย คนไหนหล่อ  คนไหนดีก็บริการดีหน่อย  คนไหนหน้าตาห่วย ๆ ก็ตะคอกใส่เขา ตอนนั้นเป็นอย่างนั้นจริง ๆ
ถาม  :  แล้วตอนเป็นพระ ?
ตอบ  :  เป็นพระแล้วก็ยังเป็น   แต่ไม่ได้เป็นมากเหมือนตอนเป็นฆราวาส  เพราะคอยสังเกตและแก้ไขตัวเองมาเรื่อย  ตอนแรกก็คิดว่าอยู่ที่กำลังสมาธิตก  ก็เลยเครียดเพราะงาน  ดูไปดูมาแล้วไม่ใช่  ตัวเมตตาพร่องต่างหาก  เพราะยังไปเลือกที่รักมักที่ชัง  เลือกคนรวย   คนจน  คนสวย   คนไม่สวย   ก็เลยคิดว่าวิธีที่จะฝึกซ้อมเมตตาบารมี  ที่ดีที่สุดก็ต้องออกป่า    เพราะถ้าอยู่ในป่าเราไม่มีอะไรจะสู้ได้  นอกจากเมตตาบารมี   ถ้าไม่ตั้งใจทำอาจจะตายฟรีก็ได้   ปรากฏว่าป่าที่ไปนั้นดุเกิน   เมตตาบารมีที่ต้องการเลยไม่ได้ โดดข้ามไปเป็นสุดยอดของอุเบกขาเลย  เหลือแต่ตายแน่..ตายแน่..คำเดียว
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก ณ  บ้านอนุสาวรีย์
เดือนตุลาคม  ๒๕๕๒
vBulletin® v3.8.11, Copyright ©2000-2025, vBulletin Solutions Inc.