PDA

View Full Version : หลวงปู่บุดดา เมตตาสอนธรรม


ลัก...ยิ้ม
27-10-2009, 08:46
หลวงปู่บุดดา เมตตามาสอนเรื่อง "การวางเฉย"
วันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๖

ลูกในอดีตของท่าน ถามท่านว่า หากมีคนเขามุ่งประทุษร้ายควรจะปล่อยวางเฉย ๆ ได้หรือไม่ ท่านเมตตาสอนให้มีความสำคัญดังนี้

ก) "เฉยอย่างนั้นคนโง่นะ บางอย่างต้องต่อสู้ แก้ไขได้ต้องแก้ไขไป ไม่ใช่เขาใช้ให้ไปตาย ก็ยอมไปตาย สิ่งที่ให้วางเฉย ก็คือกิเลสที่มากระทบอายตนะ ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ตัวธรรมล้วน ๆ คือ ไม่ปรุงแต่งในธรรมที่เข้ามากระทบสัมผัสนั้น ๆ อย่างใครเขาจะคิดร้ายก็ช่างเขา แต่ถ้าถึงขั้นเอาไม้หวดตีเราเข้าแล้ว ถ้าเรารู้จักเมตตาตัวเองก็ต้องหลบนะ เพราะถ้าให้เขาตีกายเรา จิตเราอาศัยมันอยู่ก็ต้องเจ็บไปด้วย แต่ถ้าเขาแค่คิด ยังไม่ได้ทำก็กรรมของเขา ถ้าเขาทำเราแล้วเราหลบ เราแก้ไขไม่ได้ต่อกร ก็กรรมของเขาอีกเช่นกัน คนละกรรมกันอย่าไปยุ่งให้จิตวุ่นวาย กรรมใครกรรมมันนะ อย่าลืม

ใครเขาอยากจะตี ให้เขาตีไปก็แล้วกัน เราหลบได้ เราหลบ หลบอยู่ในธรรม ธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่มีตัวไม่มีตน หลบพ้นนะลูก ถ้าหลบไม่พ้นก็ให้รับอย่างพระโมคคัลลานะ รับอย่างคนฉลาด อย่ารับอย่างโง่ ๆ รับแล้วไปนิพพาน คือรับด้วยจิตผ่องใสบริสุทธิ์ ไม่ใช่รับด้วยความขัดข้องหมองใจ จิตไม่บริสุทธิ์การไปของจิตก็บริสุทธิ์ไม่ได้ อย่ารับอย่างคนโง่ เพราะมีอบายภูมิ ๔ เป็นที่ไป"

ข) "เรามันประกาศตัวเป็นลูกพระพุทธเจ้าแล้ว ต้องเชื่อท่านนะ เชื่อพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ ท่านว่าอย่างไร เราก็ว่าอย่างนั้นจึงจะได้ดี จึงจะไปนิพพานได้ตามท่าน"

ธรรมะหลวงพ่อ (ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๑ หน้า ๑๐๓ - ๑๐๔)
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

ลัก...ยิ้ม
27-10-2009, 09:06
หลวงปู่บุดดาสอนลูกสาวของท่าน เรื่อง "อายตนะ"
วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๓๖

๑.
ตา มันทำหน้าที่ดู ก็ให้มันทำหน้าที่ไป จิตไม่ปรุงแต่งธรรม มันก็รู้อยู่แต่ปัจจุบัน จิตสงบไม่มีเรื่อง
หู ได้ยินก็ได้ยินไปตามหน้าที่ จิตไม่ปรุงแต่งธรรม มันก็รู้ได้ยินอยู่แต่ปัจจุบัน จิตก็สงบไม่มีเรื่อง
จมูก ได้กลิ่น ก็ได้กลิ่นไปตามหน้าที่ จิตไม่ปรุงแต่งธรรม มันได้กลิ่นได้รู้อยู่แต่ปัจจุบัน จิตก็สงบ ไม่มีเรื่อง
ลิ้น ได้ลิ้มรสตามหน้าที่ จิตไม่ปรุงแต่งธรรม มันได้ลิ้มรสแต่ปัจจุบัน จิตก็สงบ ไม่มีเรื่อง
กาย ได้สัมผัส ก็ได้สัมผัสตามหน้าที่ จิตไม่ปรุงแต่งธรรม มันได้สัมผัสทุกข์ สุข รู้อยู่แต่ปัจจุบัน จิตก็สงบไม่มีเรื่อง
ใจ หรือจิตสังขาร ได้สัมผัสธรรมารมณ์ตามหน้าที่ จิตไม่ปรุงแต่งธรรม กระทบสัมผัสทุกข์ สุข ไม่ทุกข์ไม่สุข จิตมันรู้อยู่แต่ในธรรมปัจจุบัน จิตก็สงบ ไม่มีเรื่อง

๒. "อายตนะ ๖ ต่างทำหน้าที่ของมันไปในธรรมปัจจุบัน ถ้าหากคุมอายตนะจิตได้ตัวเดียว การปรุงแต่งธรรมไปในอดีตกับอนาคตก็ไม่มี ตัวธรรมแท้ ๆ เกิดขึ้น สัมผัสอยู่ภายนอกและภายใน มีแต่ปัจจุบันธรรม สุข ทุกข์ ดี เลว ไม่สุข ไม่ทุกข์ ไม่ดี ไม่เลว มันก็เกิดอยู่แต่ในอารมณ์ธรรมปัจจุบันนี้ ถ้าใครรู้จักสงบระงับอารมณ์ให้อยู่แต่ในธรรมปัจจุบันนี้ไซร้แล้ว จิตจักเป็นสุขได้อย่างแท้จริง"

๓. "อายตนะจิตตัวเดียว มันชอบปรุงแต่งธรรมดี-เลว ออกมาอยู่เรื่อย ๆ ตามนิสัยเคยชินของโลกียชน มันร้อนเหมือนไฟไหม้ป่า ป่าอะไร? ก็ป่ากายป่าใจนะ เอ็งจงอย่าเอาไฟไปสุมจิตนะ ไม่ว่าจิตตนเองหรือจิตผู้อื่น หมั่นศึกษาไฟ ๓ กองเข้าไว้ จะโมหะ โทสะ ราคะก็ดี ล้วนเป็นไฟไหม้ป่าที่ร้อนแรงทั้งสิ้น ลักษณะของไฟจะอย่างไรก็มีความร้อน เผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นจุณไปได้"

๔. "ไอ้คนเรานี้ มันก็แปลกชอบเอาลมปากเผากัน เอาไฟกิเลส โมหะ โทสะ ราคะ เผากัน เผาตนเอง เผากายเผาใจตนเองยังไม่พอ ชอบเผื่อแผ่ไปเผาชาวบ้านชาวช่องเขาด้วย เผาจิตเผากายของเขา มันสนุกหรืออย่างไร วิสัยโลก ชอบนินทา-สรรเสริญ ไฟร้อนบวกไฟเย็น ก็เผาได้เผาดี"

๕. "ใครจะมาเป็นลูกพระพุทธเจ้าแล้วต้องหัดดับไฟ มิใช่เที่ยวไปจุดไฟลนก้นใครต่อใคร หรือจุดไฟเผาตนเอง ใช้ไม่ได้ เราต้องการเป็นคนพ้นวิสัยโลก คนในโลกชอบจุดไฟ วิสัยลูกพระพุทธเจ้าใฝ่โลกุตรธรรม ต้องหมั่นดับไฟ ๓ กองนี้เข้าไว้ จะทำอะไรก็ต้องคิดถอยหน้า ถอยหลัง ว่าทำอย่างนี้ พูดอย่างนี้ คิดอย่างนี้ มันเบียดเบียนตนเองหรือเบียดเบียนผู้อื่นหรือไม่ คิดถอยหน้า ถอยหลังไป ถ้าไม่เบียดเบียน ไม่เป็นการเอาไฟไปสุมก้นใคร ก้นกูก็ไม่เอา ก็ทำไปได้เลย ถ้าไม่ใช่เป็นการหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตนเองและคนอื่น"

๖. "อย่างเอ็งนี่ต้องระวังให้มาก ๆ ใกล้พระอริยเจ้าหลาย ๆ องค์ จิตของท่านไม่ร้อนแล้ว เอ็งมันชอบจุดไฟเผาตนเอง แล้วพาลไปจ่อคบเพลิงคบไฟใกล้ท่านทั้งหลายเข้าให้อีก คุณภาพของไฟมันเผาไหม้อยู่ดี มีความร้อนอยู่ดี ใกล้กายใครก็ร้อน ใกล้จิตใครก็ร้อน พระอริยเจ้าท่านไม่ร้อนกับเอ็งไปด้วย ระวังเข้าไว้ ไม่เช่นนั้นเอ็งจะแย่"

๗. "จำไว้นะ หมั่นดับไฟในอายตนะจิตตัวเดียว ไฟอื่น ๆ ที่เข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็ไม่มีความหมาย เชื้อไฟแท้ ๆ มันอยู่ที่อายตนะจิตตัวเดียว มันจะไฟเย็น-ไฟร้อน เผาเราไปสวรรค์-นรก ก็ตรงอายตนะจิตนะ หมั่นศึกษาจริต ๖ และเอาพระกรรมฐานควบคุมอายตนะจิตเอาไว้ให้ดี ๆ นะ"


ธรรมะหลวงพ่อ (ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๑ หน้า ๑๐๘ - ๑๐๙)
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน