เถรี
20-10-2009, 09:49
ทุกคนนั่งในท่าสบายของตัวเอง นั่งตัวตรง ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทั้งหมด หายใจเข้าออกยาว ๆ สักสองสามครั้ง หลังจากนั้นก็กำหนดความรู้สึกทั้งหมดให้ไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา
การปฏิบัติกรรมฐานนั้นสำคัญที่สุดก็คือรู้อยู่ในอารมณ์ปัจจุบัน การที่เราจะรู้อารมณ์ปัจจุบันนั้น ก็คือ การรู้ลมหายใจเข้าออกนั่นเอง ถ้าหากว่าสติสมาธิของเราอยู่กับลมหายใจเข้าออก ก็แปลว่าเรากำลังอยู่กับปัจจุบัน การที่เราคิดถึงอดีตหรือว่าอนาคต ล้วนแล้วแต่สร้างความทุกข์ให้เราทั้งคู่ จึงจำเป็นจะต้องหยุดทุกสิ่งลงในปัจจุบันนี้เท่านั้น
สำหรับการตามดูลมหายใจเข้าออกหรืออานาปานสตินั้น เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เป็นหัวใจใหญ่ของการปฏิบัติกรรมฐานทั้งหมด ไม่ว่ากรรมฐานอื่นใดใน ๓๙ กอง ถ้าเว้นเสียจากอานาปานสตินี้แล้ว กรรมฐานต่าง ๆ นั้นก็ไม่สามารถจะทรงตัวได้ ดังนั้น..ให้ทุกคนเห็นความสำคัญของลมหายใจเข้าออก ให้เห็นควบไปด้วยว่า หายใจออก...ไม่หายใจเข้าก็ตายแล้ว หายใจเข้า...ถ้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว ในเมื่อเรารู้ตัวอยู่เสมอว่าจะตายดังนี้ ก็กลับไปเร่งรัดศีลของตัวเองทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์ ตั้งใจว่าถ้าตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว เพราะว่าเป็นที่เอกันตบรมสุข พ้นจากความทุกข์ทั้งปวง
การที่เราตามดู ตามรู้อยู่กับลมหายใจเข้าออก หรือว่าปัจจุบันนี้ อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายก็จะมีเป็นปกติ บางคนก็รู้สึกว่าขนลุก บางคนก็น้ำตาไหล บางคนก็ร่างกายโยกไปโยกมาหรือดิ้นตึงตังโครมคราม เหมือนกับการเข้าทรงก็มี บางคนก็รู้สึกว่าตัวลอยขึ้น อันนี้ไม่ใช่แค่ความรู้สึกเท่านั้น ในความจริงมันก็ลอยด้วย บางท่านก็รู้สึกว่าตัวพอง ตัวใหญ่ ตัวแตกระเบิด บางทีก็รู้สึกว่าเหลือแต่หน้าตาเท่านั้น บางท่านก็รู้สึกว่าเหลือแต่หน้ากับข้าวของที่เราใช้ส่วนตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น บางท่านยิ่งกว่านั้น รู้สึกว่าร่างกายระเบิดกลายเป็นจุณ ไม่เหลืออะไรเลยก็มี
การปฏิบัติกรรมฐานนั้นสำคัญที่สุดก็คือรู้อยู่ในอารมณ์ปัจจุบัน การที่เราจะรู้อารมณ์ปัจจุบันนั้น ก็คือ การรู้ลมหายใจเข้าออกนั่นเอง ถ้าหากว่าสติสมาธิของเราอยู่กับลมหายใจเข้าออก ก็แปลว่าเรากำลังอยู่กับปัจจุบัน การที่เราคิดถึงอดีตหรือว่าอนาคต ล้วนแล้วแต่สร้างความทุกข์ให้เราทั้งคู่ จึงจำเป็นจะต้องหยุดทุกสิ่งลงในปัจจุบันนี้เท่านั้น
สำหรับการตามดูลมหายใจเข้าออกหรืออานาปานสตินั้น เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เป็นหัวใจใหญ่ของการปฏิบัติกรรมฐานทั้งหมด ไม่ว่ากรรมฐานอื่นใดใน ๓๙ กอง ถ้าเว้นเสียจากอานาปานสตินี้แล้ว กรรมฐานต่าง ๆ นั้นก็ไม่สามารถจะทรงตัวได้ ดังนั้น..ให้ทุกคนเห็นความสำคัญของลมหายใจเข้าออก ให้เห็นควบไปด้วยว่า หายใจออก...ไม่หายใจเข้าก็ตายแล้ว หายใจเข้า...ถ้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว ในเมื่อเรารู้ตัวอยู่เสมอว่าจะตายดังนี้ ก็กลับไปเร่งรัดศีลของตัวเองทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์ ตั้งใจว่าถ้าตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว เพราะว่าเป็นที่เอกันตบรมสุข พ้นจากความทุกข์ทั้งปวง
การที่เราตามดู ตามรู้อยู่กับลมหายใจเข้าออก หรือว่าปัจจุบันนี้ อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายก็จะมีเป็นปกติ บางคนก็รู้สึกว่าขนลุก บางคนก็น้ำตาไหล บางคนก็ร่างกายโยกไปโยกมาหรือดิ้นตึงตังโครมคราม เหมือนกับการเข้าทรงก็มี บางคนก็รู้สึกว่าตัวลอยขึ้น อันนี้ไม่ใช่แค่ความรู้สึกเท่านั้น ในความจริงมันก็ลอยด้วย บางท่านก็รู้สึกว่าตัวพอง ตัวใหญ่ ตัวแตกระเบิด บางทีก็รู้สึกว่าเหลือแต่หน้าตาเท่านั้น บางท่านก็รู้สึกว่าเหลือแต่หน้ากับข้าวของที่เราใช้ส่วนตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น บางท่านยิ่งกว่านั้น รู้สึกว่าร่างกายระเบิดกลายเป็นจุณ ไม่เหลืออะไรเลยก็มี