PDA

View Full Version : เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๗


ตัวเล็ก
07-10-2024, 17:39
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๗

asy1DYKuHfw

เถรี
08-10-2024, 01:00
วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพมีนัดกับลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) ซึ่งนอกจากจะมารับวัตถุมงคลของวัดท่าขนุน เพื่อเอาไปส่งให้กับผู้ที่ได้จองไว้แล้ว ยังขอมาเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลด้วย ด้วยความที่รู้จักมักคุ้นกัน ก็เลยโดนล้วงย่ามเอาวัตถุมงคลไปเสียหลายชิ้น ประมาณว่า "หลวงตาเก็บเอาไว้ก็ประโยชน์น้อย เดี๋ยวหนูเอาไปจำหน่ายให้แล้วเอาเงินมาถวายหลวงตา เพื่อที่จะทำบุญต่อไปจะได้ประโยชน์มากกว่า" ประมาณนั้น..!

หลังจากฉันเพลแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินทางไปยังวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร ซึ่งต้องไปโดยรถแท็กซี่ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะไม่ไว้วางใจว่า ถึงแม้ทางด้านเจ้าภาพจะบอกว่าเตรียมสถานที่เอาไว้ สำหรับพระภาวนาจารย์ผู้มาอธิษฐานจิตพุทธาเทวาภิเษกแล้ว ถ้าเกิดเข้าไปจอดแล้วโดนเขาบังอยู่ก็ออกไม่ได้อยู่ดี แต่ถ้าหากว่าไปรถแท็กซี่ก็จะง่ายที่สุด

เมื่อไปถึง เจ้าหน้าที่ก็นำไปยังเรือนพัก เพิ่งจะนั่งลงได้พักหนึ่ง ครูบากฤษดา สุเมโธ (พระครูสุเมธธรรมวัฒน์) วัดสันพระเจ้าแดงก็มาถึง ทักทายพูดคุยกันได้ไม่เท่าไร หลวงพ่อเจ้าคุณสุรศักดิ์ (พระราชภาวนาวชิราจารย์ วิ.) เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม วัดประดู่ (พระอารามหลวง) ก็มาถึง กราบพระแล้วทักทายกันได้สักพักหนึ่ง ดร.ช้าง - พระครูปลัดสุวัฒนอนุตตรคุณ, ดร. (หลวงพ่อช้าง) วัดจุกเฌอก็มาถึงเช่นกัน

ตามมาด้วยพระครูอรุณธรรมาภินันท์ (หลวงพ่อชุมพร) ถ้าจำไม่ผิดท่านอยู่วัดป่าอรุณธรรม แต่ว่าทักทายแล้วไม่ทราบว่าท่านมัวแต่สนใจกับญาติโยมหรือเปล่า ? ถึงไม่ได้สนใจที่จะตอบรับ แม้กระทั่งเข้าไปจับแขนสอบถาม ประมาณว่า "ออกเดินทางมาเมื่อไร ? สะดวกหรือไม่ ?" ท่านเองก็ตอบแบบเสียไม่ได้

กระผม/อาตมภาพก็ทำความเข้าใจไปว่า น่าจะเกิดจากการที่ท่านเป็นนักภาวนาและอยู่วัดป่าสายธรรมยุต อาจจะไม่เคยชินกับการปฏิสันถารกับผู้อื่น จึงได้แต่คุยกับบรรดาพระเถรานุเถระที่รู้จักคุ้นเคยกันแทน

เมื่อได้เวลา ทางเจ้าหน้าที่ก็มานิมนต์ให้เข้าไปยังพระอุโบสถวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร ก็ได้เจอกับหลวงพี่โอเลี้ยงของกระผม/อาตมภาพ หรือพระครูธีรธรรมวงศ์ วัดจอมเกษ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และพ่อท่านสูติ (พระครูรัตนสิกขการ) วัดถ้ำพระพุทธโกษีย์ หรือที่ชาวบ้านเรียกง่าย ๆ ว่าวัดในเตา พระครูปืน (พระครูปลัดสราวุธ ปญฺญาวุโธ) วัดลาดชะโด แล้วก็ยังมีพระครูธรรมธรอดิเรก อนุตฺตโร วัดหนองทราย ซึ่งท่านมาเกือบจะช้าที่สุด

เถรี
08-10-2024, 01:11
เมื่อถึงเวลาที่กำหนดเอาไว้ ก็คือ ๑๔.๑๔ น. ซึ่งฤกษ์นี้น่าจะกำหนดโดยท่านอาจารย์วันชัย เชยนิ่ม ศิษย์ของท่านอาจารย์ปู่เทพย์ สาริกบุตร ท่านถึงได้กำหนดให้เป็นฤกษ์จักรพรรดิซ้อนจักรพรรดิ..! แต่กระผม/อาตมภาพยังไม่มั่นใจว่าฤกษ์นี้จะดีจริงหรือเปล่า ? เพราะว่าอะไรก็ตาม ถ้าหากว่าดีจนเกินไป บางคนบุญไม่ถึงก็รับไม่ไหวเหมือนกัน..!

เนื่องจากวันนี้ โดยปกติตามฤกษ์พรหมประสิทธิ์ก็เป็นวันสิทธิโชคอยู่แล้ว แล้วยังมากำหนดฤกษ์ในเวลา ๑๔.๑๔ น. เข้าไปอีก กระผม/อาตมภาพเกรงว่าจะดีเกินบุญของคนส่วนหนึ่ง แล้วไปสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นหรือเปล่า ?

ส่วนการพุทธาเทวาภิเษกวันนี้ก็เพราะว่ามีรูปพระพุทธสิหิงค์เป็นหลัก แล้วก็รูปพระวิษณุกรรม ซึ่งในงานนี้ก็จะมีพ่อบุญธรรม น่วมมานา เจ้าสำนักบ้านมีดี ซึ่งถ้าหากว่าใครศึกษาประวัติของอาจารย์สายฆราวาส ก็จะรู้จักท่านในนามพ่อป่อง น่วมมานา ศิษย์ของอาจารย์ปู่เที่ยง น่วมมานา เจ้าสำนักบ้านมีดีนั่นเอง

เมื่อได้เวลาพวกเราก็ไปกราบพระเดชพระคุณพระพรหมวชิราธิบดี (พีร์ สุชาโต ป.ธ. ๕) อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร ซึ่งอาจารย์ปู่ท่านก็อายุกาลผ่านวัย ๙๔ ปีเต็ม ย่างเข้า ๙๕ ปีแล้ว ตำแหน่งหนึ่งของท่านก็คือนายกสภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ดังนั้น..เมื่อกระผม/อาตมภาพเปิดหน้ากากให้ท่านดูหน้า ท่านก็จำได้ทันที เนื่องเพราะว่าเพิ่งจะไปรับโล่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อคณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มาจากท่านเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง

เมื่อท่านอาจารย์หลวงปู่พีร์ท่านจุดเทียนชัยและจุดเทียนวิปัสสีแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เข้าสมาธิ น้อมจิตกราบขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันตเจ้า พรหม เทวดา และครูบาอาจารย์ทั้งหมด เพื่อขอความอนุเคราะห์สงเคราะห์ในการปลุกเสกรูปพระพุทธสิหิงค์และรูปพระวิษณุกรรม

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงพระวรกายใหญ่โตเต็มมณฑลพิธี ได้ยินเสียงประกาศว่า "ที่นี่เรียกชื่อว่าพระศรีสรรเพชญ์ชุดาญาณ" แล้วก็มีกรรมกรอยู่ ๑ ท่าน ซึ่งนอกจากจะใส่ชุดสีน้ำเงินเทา ก็คือสีน้ำเงินเก่า ๆ จนอมขาวแล้ว ยังใส่หมวกนิรภัยมาด้วย บ่าแบกอีเตอร์มา อีกข้างหนึ่งก็ถือระดับน้ำและลูกดิ่งอยู่

กระผม/อาตมภาพถามว่า "จะไปรับจ้างก่อสร้างที่ไหนล่ะพ่อคุณ ?" ท่านก็ยกมือไหว้บอกว่า "ที่นี่แหละครับ กราบขออนุญาตให้กระผมเข้าไปในมณฑลพิธีด้วยครับ" เมื่อมองซ้ายมองขวาเสร็จ เห็นไม่มีใครอนุญาต กระผม/อาตมภาพจึงบอกว่า "เข้ามาได้เลย ช่วยจัดการในส่วนที่เป็นรูปของท่านเองด้วย" เจ้าพ่อกรรมกรก็เลยเข้ามาในพิธี แล้วกลืนหายเข้าไปในกองวัตถุมงคล..!

เถรี
08-10-2024, 01:15
กระผม/อาตมภาพกำหนดจิตน้อมอาราธนาบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครอบลงยังกองวัตถุมงคล แล้วก็ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามความเมตตาขององค์ท่าน ในขณะเดียวกัน ก็แอบดูในเรื่องของจิตสมาธิของบรรดาพระเถราจารย์ที่มาร่วมภาวนาด้วย ปรากฏว่าพระเดชพระคุณพระราชพัฒนากร (หลวงพ่อสมชาย ฉนฺทสาโร) วัดปริวาสราชสงคราม มาถึงตอนไหนก็ไม่รู้ ? นั่งเยื้อง ๆ อยู่เฉียงกันในระหว่างกองวัตถุมงคล

กระผม/อาตมภาพดูจนรอบข้างแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เนื่องเพราะว่าในมณฑลพิธีนี้ ถ้าไม่นับหลวงปู่พีร์แล้ว มีที่อาวุโสกว่าอยู่แค่ ๒ รูปเท่านั้นก็คือหลวงพ่อสมชาย วัดปริวาสราชสงคราม ที่ท่านอายุมากกว่า ๖ ปี แต่พรรษามากกว่า ๑๒ พรรษา ส่วนหลวงพ่อเจ้าคุณสุรศักดิ์นั้น ท่านอายุน้อยกว่า ๒ ปี แต่ว่าพรรษามากกว่า ๓ พรรษา ส่วนท่านอาจารย์ประสูติ (พ่อท่านสูติ) วัดในเตานั้น แม้ว่าพรรษาจะเท่ากัน แต่อายุท่านน้อยกว่าถึง ๖ ปี ส่วนที่เหลือก็อยู่ในรุ่นน้องหรือว่ารุ่นลูกศิษย์ไปเสียแล้ว ก็ได้แต่ถอนหายใจว่า "เออหนอ..เราแก่จนป่านนี้"

พอดีพระท่านเตือนว่า "เต็มแล้ว" กระผม/อาตมภาพจึงได้ถอนจิตจากการพิจารณาวิปัสสนาญาณ ขึ้นมาทำน้ำมนต์พรมในมณฑลพิธี โปรยดอกไม้ถวายเป็นพุทธบูชา ทางเจ้าภาพก็คือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการสร้างวัตถุมงคลในวันนี้ ก็รีบเข้ามาถวายไทยธรรม

กระผม/อาตมภาพรับแล้วก็กราบลาพระประธาน ออกมาเรียกแท็กซี่กลับสู่ที่พัก ได้แต่นั่งคิดว่า "ทำไมเราถึงได้แก่เร็วขนาดนี้ ?" เนื่องเพราะว่าสมัยก่อนนั้น บางทีกระผม/อาตมภาพเห็นเด็ก ๆ แล็วก็คิดว่า "เด็กเหล่านี้โตเร็วมาก" แต่พอนึกไปนึกมา กระผม/อาตมภาพก็หวนกลับมาพิจารณาตนว่า "ไม่ใช่เด็กเหล่านี้โตเร็ว หากแต่ว่าเราเองแก่เร็วต่างหาก..!"

เถรี
08-10-2024, 01:18
เนื่องเพราะว่าเวลาล่วงไป ๆ ถ้าหากเราเผลอประมาทเมื่อไร ก็จะไม่มีความดีติดตัวอยู่ จึงได้เร่งรัดในการปฏิบัติของตนเองทุกเมื่อเชื่อวัน โดยเฉพาะในระยะ ๓ - ๔ วันที่ผ่านมา ก็มีการซักซ้อมรักษากำลังใจทั้งกลางวันและกลางคืน สามารถทำได้ต่อเนื่องเกินกว่า ๒๐ ชั่วโมงอยู่ทุกวัน เพียงแต่ว่าการบันทึก "เสบียงบุญ" นั้น บางวันแอพฯ "เสบียงบุญ" ก็ล่ม ทำให้ไม่สามารถที่จะบันทึกเวลาได้ เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าใกล้ที่จะเข้ากรรมฐาน ๓ วันแล้ว จึงจำเป็นต้องมีการซักซ้อมกำลังใจไว้ก่อน

ลูกศิษย์บางท่านก็ถามว่า "ระดับหลวงพ่อแล้วยังต้องซ้อมอีกหรือครับ ?" กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า ในเรื่องของสมาธิภาวนานั้น ยิ่งซักซ้อมมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นคุณแก่ตัวเท่านั้น ไม่ใช่ไปประมาทว่าเราทำได้แล้ว เรามีความคล่องตัวแล้ว สามารถที่จะตั้งกำลังใจให้เข้าสมาธิยาวนานเท่าไรก็ได้ สามารถที่จะให้เข้าให้ออกเมื่อไรก็ได้ สามารถที่จะเข้าฌานสลับฌานก็ได้ ถ้าคิดในลักษณะนี้แล้วขาดการซักซ้อมเมื่อไร ท่านก็อาจจะเจออาการ "สนิมกิน" หรือไม่ถ้าร่างกายเจ็บไข้ได้ป่วยมาก ๆ บางทีสมาธิภาวนาก็ไม่เอาด้วย

แบบเดียวกับหลวงปู่พระโคธิกเถระ ซึ่งท่านไม่สามารถจะทรงสมาธิได้เลย เพราะว่าอาการเวทนาทางร่างกายมีมาก ถ้าเป็นเช่นนั้นโอกาสที่เราจะประกันความเสี่ยงว่ามีสุคติเป็นที่ไป ก็จะกลายเป็นว่าอาจจะพลาดได้

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น มีโอกาสเมื่อไรต้องรีบซ้อมการภาวนาให้มากเข้าไว้ กำลังใจที่อยู่กับสมาธิภาวนา อย่างน้อย รัก โลภ โกรธ หลง ก็กินเราไม่ได้ชั่วคราว ถ้าหากว่าสามารถขัดเกลาจนกระทั่งกำลังใจทรงตัว ไม่ตกต่ำอีก ใจของตนขาวขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามลำดับ จนกระทั่งเปล่งแสงสว่างดังประกายพรึก ตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านนิยมกล่าวถึงไว้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะตั้งความปรารถนาเอาไว้เช่นนั้น

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)