View Full Version : เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๗
พิชวัฒน์
19-07-2024, 20:03
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๗
DuSeF71VcJk
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ อันดับแรกเลย เลขานุการวัดท่าขนุนต้องรีบตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ของผู้ที่สมัครบวชเฉลิมพระเกียรติ แล้วก็ส่งมาถึงกระผม/อาตมภาพให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะถ้าหากว่ามีใครขาดหรือว่าสมัครเพิ่มเติมมาในช่วงที่เราจัดชุดอุปสมบทไปแล้ว ก็จะต้องมีการจัดชุดอุปสมบทใหม่
ส่วนในเรื่องของเวรยามที่ได้กำหนดลงไปแล้วมีขาดมีเกิน ก็ต้องรอก่อนว่าผู้อุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติมีใครจะอยู่จำพรรษาหลังบ้าง ถ้าหากว่ามีแล้วค่อยเสริมเข้าไปทีหลัง เนื่องเพราะว่าถ้าหากว่าเลขานุการวัดท่าขนุน ไม่ได้ส่งข้อมูลให้กระผม/อาตมภาพว่าใครลาสิกขาไปบ้าง ชื่อนั้นก็จะยังคาอยู่ในบัญชีต่อไป ก็ต้องขออภัยหลายท่านที่จะต้องมาวุ่นวายไปด้วย เพราะว่าเลขานุการวัดท่าขนุนทำงานขาด ๆ เกิน ๆ
ในส่วนของงานพรุ่งนี้ เราจะมีการทำบุญวันอาสาฬบูชา ซึ่งปกติจะมีการอุปสมบทหมู่เพื่อจำพรรษาด้วย แต่ว่าปีนี้เลื่อนการอุปสมบทหมู่ไปรวมกับงานอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ ดังนั้น..หลังจากที่เราลงอุโบสถอธิษฐานพรรษากันแล้ว ก็จะเป็นการวางผางประทีป เพื่อตามถวายเป็นพุทธบูชากันเลย
ส่วนของสังฆทานสลากภัต เดี๋ยวกระผม/อาตมภาพจะต้องจัดเตรียมให้กับพวกเรา เนื่องเพราะว่าวันมะรืนคือวันเข้าพรรษา หลังจากแสดงพระธรรมเทศนาแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องขอสัตตาหะฯ เพื่อเดินทางไปกิจนิมนต์เลย ในช่วงเข้าพรรษาก็คงต้องขอสัตตาหะฯ เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่เป็นระยะ ๆ ทุกอาทิตย์ เพราะว่ามีการตรวจยกหมู่บ้านศีล ๕ ต้นแบบประจำปี ๒๕๖๗
วันนี้การจัดวันเวลาในการตรวจยกหมู่บ้านศีล ๕ ต้นแบบเพิ่งจะลงตัวเรียบร้อย ทำเอากระผม/อาตมภาพต้องแก้ไขตารางเวลาอุตลุด เพราะว่ามีการสลับกันในภาคและในจังหวัดด้วย ในส่วนนี้ก็ปล่อยให้ฝ่ายเลขานุการเขาปวดหัวไป กระผม/อาตมภาพเองก็ทำงานหนักแค่ในส่วนของการประชุม แล้วก็ตรวจประเมินในส่วนที่เขามอบหมายให้เท่านั้น
หลังจากที่กระผม/อาตมภาพเคยประท้วงไปแล้ว ตอนนี้ก็ได้รับอนุญาตในลักษณะที่ว่า สามารถที่จะตำหนิหรือว่าให้ข้อแนะนำ เพื่อให้ทางหมู่บ้านไปแก้ไขในส่วนต่าง ๆ ที่สามารถทำให้ดีกว่าที่เราไปตรวจเจอ เนื่องเพราะว่าก่อนหน้านี้ ทางผู้บังคับบัญชามีแนวทางว่า "ให้ชมอย่างเดียว ห้ามตำหนิ เขาจะเสียกำลังใจ" แต่กระผม/อาตมภาพพยายามที่จะผลักดัน เพื่อให้มีการตำหนิหรือให้คำแนะนำด้วย
เนื่องเพราะว่าในแต่ละหมู่บ้านนั้นมีศักยภาพที่ไม่เท่ากัน หรือว่าคนทำงานตั้งใจไม่เท่ากัน ถ้าเราตีว่า ๕๐ เปอร์เซ็นต์คือการผ่านเป็นหมู่บ้านต้นแบบ แล้วหมู่บ้านที่ได้ ๙๕ เปอร์เซ็นต์ หรือ ๙๐ เปอร์เซ็นต์ เขาจะคิดอย่างไร ? ในเมื่อไอ้ ๕๐ เปอร์เซ็นต์นั้นดันได้มาเป็นต้นแบบด้วย ก็ต้องมีการชี้ข้อบกพร่องเพื่อให้เขารู้แล้วก็ปรับปรุง ไม่เช่นนั้นแล้วในช่วงที่สื่อโซเชียลสามารถเข้าถึงได้รวดเร็ว เราตรวจยกจังหวัดนี้ ถ้าหากว่า ๕๐ เปอร์เซ็นต์ผ่าน เขาแจ้งต่อไปยังจังหวัดข้างเคียงในภาคเดียวกันก็บรรลัยแล้ว..! ไม่มีใครคิดที่จะทำให้ดีกว่านี้แล้ว เพราะว่าแค่นี้ก็ผ่าน ไปทำมากกว่านี้ให้เหนื่อยทำไม ?
เพียงแต่ว่าปีที่แล้ว การประชุมในระหว่างการตรวจยก พอกระผม/อาตมภาพกล่าวถึงตรงนี้ก็มักจะโดนตัดบทไปเลย แต่ว่าปีนี้กระผม/อาตมภาพค้านหัวชนฝาด้วยเหตุผลที่กล่าวมาแล้ว จนกระทั่งคณะกรรมการทั้งหมดบอกว่า "จะมีการตำหนิชี้จุดบกพร่องก็ได้ แต่ว่าท่านอื่นก็ยังจะชมเหมือนเดิม" ก็แล้วแต่แนวทางในการปฏิบัติ เพราะว่าโดยนิสัยของกระผม/อาตมภาพก็คือ ในเมื่อทำแล้วต้องทำให้ดี ไม่ใช่สักแต่ทำพอให้ผ่านก็ใช้ได้แล้ว
ส่วนบรรดานาคทั้งหลายที่ไม่เคยขานนาคแบบอุกาสะฯ มาก่อน ให้เร่งท่องคำขานนาคให้เร็วที่สุด เพราะว่าเรามีระยะเวลาในการเป็นนาคน้อยมาก ท่านทั้งหลายอาจจะไม่ใช่กระผม/อาตมภาพ ไม่สามารถที่จะจดจำอะไรได้ง่าย จึงต้องใช้ความพยายามและระยะเวลาที่มากกว่า
กระผม/อาตมภาพเองเมื่อตั้งใจจะไปบวช เห็นว่าวัดท่าซุงอยู่ในฝ่ายมหานิกาย เมื่อไปเปิดตำราการขานนาคแบบมหานิกายก็คือแบบอุกาสะฯ จึงท่องคำขานนาคแบบอุกาสะฯ ไป ครั้นไปถึงแสดงเจตจำนงในการอุปสมบทได้ ๒ วัน ทางเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบบอกว่า "วัดเราเราบวชแบบมหานิกายแปลง ก็คือถึงสังกัดมหานิกายก็ ใช้คำขานนาคแบบเอสาหังฯ ของธรรมยุต"
กระผม/อาตมภาพต้องใช้เวลา ๒ วันในการไปท่องคำขานนาคแบบเอหาสังฯ พอท่องได้ไปรายงานตัว เจ้าหน้าที่บอกว่า "คุณบวชหมู่ ต้องเปลี่ยนเป็นเอเต มะยัง ภันเตฯ" ก็ต้องเสียเวลาไปท่องอีกครึ่งวัน เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าปัจจุบันนี้จะให้บวชแบบไหนก็บอกมาได้เลย เพราะว่าท่องได้หมดตั้งแต่เมื่อ ๓๙ ปีที่แล้ว..!
ในเมื่อพวกเราต้องใช้ระยะเวลาการท่องคำขานนาค แล้วยังจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของทางวัด และก็ทำงานต่าง ๆ ด้วย ก็แปลว่าต้องตั้งใจมากกว่าปกติ หลายคนที่ไม่คุ้นชินก็อาจจะเครียดไปเลย เพราะว่าอยู่บ้านเราอาจจะนอนตื่น ๙ โมง ๑๐ โมง แต่ที่นี่ต้องตื่นตั้งแต่ตี ๓ ครึ่ง..!
ขอบอกให้ท่านทั้งหลายทราบว่า "ตัดสินใจผิดที่มาบวชที่วัดท่าขนุน" ชาวบ้านแถวนี้แทบไม่มีใครเขาบวชวัดนี้หรอก เขาบอกว่า "เดี๋ยวลูกเขาลำบาก" ทุกคนมีศรัทธาในตัวหลวงปู่สาย อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนเป็นอย่างยิ่ง จะบวชลูกก็แห่มากราบลาหลวงปู่สายก่อน แต่เอาลูกไปบวชที่วัดอื่น..! ก็ต้องขออนุโมทนาด้วย ที่พยายามให้ลูกไปสบาย เพียงแต่ว่าสบายแล้วได้บุญหรือได้บาป ก็ไม่อาจจะที่จะรับรองได้..!
เพราะว่ากิจวัตรต่าง ๆ ในเรื่องของการสวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต เจริญกรรมฐานนั้น เป็นหน้าที่ของพระภิกษุสามเณรที่จะต้องทำ อันดับแรกเลยก็คือ เป็นการสร้างสมบุญกุศลให้กับตนเอง โดยฉวยโอกาสที่อยู่ในอุดมเพศ ทำอะไรก็ได้อานิสงส์มาก ในเมื่ออยู่ ๆ ได้อานิสงส์มากกว่าปกติหลายเท่า ก็ต้องรีบกอบโกยเอาไว้ ถึงเวลาสึกหาลาเพศไป เราจะได้อาศัยบุญกุศลตรงนี้ ในการดำเนินชีวิตของเรา ซึ่งจะมีความสะดวก ความคล่องตัวกว่าคนอื่น
แต่ถ้าหากว่าอยู่ต่อได้ สิ่งที่เราสั่งสมเอาไว้ เมื่อรวมตัวกันมากเข้าก็จะกลายเป็นบารมี ท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นกำลังใหญ่ในพระพุทธศาสนา สามารถช่วยแบ่งเบาภาระของครูบาอาจารย์ ตลอดจนช่วยยังพระพุทธศาสนาให้เจริญมั่นคงยิ่งขึ้น
การบวชพระจึงไม่ใช่การมาพักผ่อน แต่เป็นการมาขัดเกลา กาย วาจา ใจ ของเรา ให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ ถ้าใครตั้งเป้าไว้ถึงขนาดบรรลุมรรคบรรลุผลเลย ก็ยิ่งต้องทุ่มเทมากกว่าคนอื่นหลายเท่า
วัดนี้ไม่ได้ฉันเช้าแล้วเอน ฉันเพลแล้วนอน ยามบ่ายพักผ่อน ยามค่ำจำวัด หากแต่ว่าต้องทำวัตรเช้าเย็น ๓ เวลา ต้องออกบิณฑบาต ต้องเจริญกรรมฐาน เป็นงานประจำที่ถ้าหากว่าใครอยากโดนไล่ออกจากวัดก็ทิ้งได้ พูดง่าย ๆ ว่าบวชเบื่อแล้ว ไม่กล้าไปลาหลวงพ่อสึก ก็ใช้วิธีทิ้งกิจวัตรประจำวันเดี๋ยวก็โดนไล่ให้สึกเอง..!
เพียงแต่ว่าช่วงที่พวกเราทั้งหลายบวชเป็นช่วงเวลาที่เข้าพรรษาแล้ว ถ้าใครจะอยู่ต่อเพื่อเอาอานิสงส์พรรษา ก็จะไม่ได้แบบคนอื่นเขา แต่ได้อายุพรรษา ก็คือไปอธิษฐานพรรษาหลัง ซึ่งจะไปออกพรรษาในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ หรือถ้าหากว่าเป็นแบบของวัดท่าขนุนก็คือ ไปออกพรรษาวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๒ ก็คือวันรุ่งขึ้นหลังจากลอยกระทง ถ้าอย่างนั้นเราจะได้อายุพรรษาเหมือนกับบุคคลที่จำพรรษาแรก แต่ว่าไม่ได้อานิสงส์การจำพรรษา ๑ เดือน และไม่ได้อานิสงส์กฐิน เพราะว่าออกพรรษาลังนั้น กาลกฐินก็หมดไปแล้ว
เรื่องของการบวชนั้นเป็นเรื่องที่ยากที่สุดประการหนึ่ง เพราะว่าโอกาสที่จะได้ชาติกำเนิดเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากสุด ๆ เมื่อเกิดเป็นมนุษย์แล้วจะได้พบพระพุทธศาสนาก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ได้พบพระพุทธศาสนาแล้วจะเลื่อมใสมาฟังเทศน์ฟังธรรมก็ยาก มีโอกาสฟังเทศน์ฟังธรรมแล้วจะเลื่อมใสน้อมนำไปปฏิบัติก็ยิ่งยาก โดยเฉพาะการเกิดของพระพุทธเจ้าแต่ละครั้งนั้นยากสุด ๆ ถ้านับเป็นชาติก็นับกันไม่ถ้วน เขาถึงได้ต้องนับกันเป็นกัป แต่ละกัปเกิดกันเป็นแสนเป็นล้านชาติ..!
ปัจจุบันนี้มีบุคคลจำนวนมากประกาศตนเองว่าไม่นับถือศาสนา เชื่อเถอะ..ไอ้พวกนั้นเอาหลักศาสนาไปใช้เยอะเลย เพียงแต่ว่าไม่อยากจะตีกรอบตัวเองอยู่ในศีลในธรรม เพราะว่าทำอะไรไปขัดกับศีลกับธรรมแล้วรู้สึกละอายใจ
ความจริงบุคคลที่อยู่ในลักษณะแบบนี้ ถ้าตั้งใจมาปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนาจะได้ดีเร็วมาก แต่ด้วยความที่ตั้งใจผิดจนเป็นมิจฉาทิฏฐิ บอกว่าไม่เห็นประโยชน์ของศาสนาอย่างหนึ่ง ไม่ชอบอยู่ในกรอบที่คร่ำครึโบร่ำโบราณอีกอย่างหนึ่ง
ความจริงสิ่งที่เขาเข้าใจนั้นผิด แต่ไม่มีใครไปอธิบายให้เขารู้ว่า หลักธรรมของพระพุทธเจ้านั้นเป็น "อกาลิโก" เหมาะสมกับทุกยุคทุกสมัย ปฏิบัติเมื่อไรก็เกิดผลเมื่อนั้น จะมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่าเราปฏิบัติถูกต้องตรงตามทางหรือเปล่า ? ก็ต้องปล่อยให้เขาไม่มีศาสนากันต่อไป จะได้เวียนว่ายตายเกิดทนทุกข์ไปไม่รู้จบ..!
เนื่องเพราะว่าชาตินี้เขาเกิดเป็นมนุษย์ได้เพราะอาศัยบุญเก่า ถ้าหากว่าเราไม่ทำบุญใหม่ต่อ ถึงเวลาบุญเก่าขาดช่วงลง ก็อาจจะต้องลงสู่อบายภูมิ แล้วถ้าลงไปเมื่อไรก็โดนทบต้นทบดอกหนี้เก่าที่ไม่ได้ใช้ คราวนี้กว่าที่จะกลับขึ้นมาได้ก็สาหัส พระพุทธเจ้าที่เกิดยากหนักหนาอาจจะผ่านไปหลายพระองค์แล้ว แต่คราวนี้ในเมื่อทิฏฐิ คือความเห็นความชอบของเขาเป็นอย่างนั้น ก็ต้องปล่อยไปตามทางของเขา
เราทั้งหลายรู้ว่าอะไรดีอะไรควร เราก็ปฏิบัติของเราต่อไป ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างได้ ห่วงใยได้แต่อย่าไปเอามาเป็นกังวล เพราะว่าใจเราจะหมองเสียเปล่า ๆ
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
vBulletin® v3.8.11, Copyright ©2000-2025, vBulletin Solutions Inc.