View Full Version : หลวงตาเล่าถึงหลวงพ่อฤๅษี
http://i398.photobucket.com/albums/pp69/tidtou/8a4b5d7d.jpg
พระครูภาวนาพิลาศ 
หลวงตาวัชรชัย วัดถ้ำนารายณ์
วัดถ้ำนารายณ์(เขาวง) จ.สระบุรี
ครั้งหนึ่ง...ก่อนจะได้บวช  สมัยกำลังประจบยื่นหน้ายื่นตายื่นอารมณ์เลวให้พ่อเห็น   ตอนนั้นนะของกำลังขึ้น  กำลังร้อนวิชา(มาร)  หลวงตานี่คิดเลยนะว่าคนอย่างเรานี่หาอาจารย์ยาก !  จะมีใครมีวิชาพอที่จะเป็นครูเราได้หนอ   แล้วพระองค์นี้คือ  หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ
เมื่อไรท่านจะแสดงอานุภาพกำราบมาร  เช่น  เหาะให้เราดู  หรือจะทำตัวลอยนิด ๆ  พอหายคันความอยาก  หรืออย่างน้อยก็พูดทักเราเสียหน่อยว่า  เรากำลังคิดอะไร  จะได้บวชเมื่อไหร่  บวชแล้วจะเป็นพระอรหันต์พรรษาไหน    ตอนนั้นกล้านึกกล้าคิดถึงขนาดนั้นแหละ  ไอ้หลวงตาองค์นี้ละ
แต่เปล่าเลย  เงียบสนิท..... 
หน้าพ่อยังไม่หันมามองหลวงตาเลยลูกเอ๋ย   เหมือนไม่รู้กระแสจิตว่าเราคิด...เอ้อ..ทะลุนรกไปแล้วเลยหนอ
ท่านก็คุยกับญาติโยมไปเรื่อย ๆ  พูดถึงเรื่องศีล  ๕ (ซึ่งเราก็มีแล้วละ)
พูดถึงเรื่องความเคารพพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  (เราก็เหนียวแน่นมากมายถวายชีวิตแล้ว..คิดว่ายังนั้นนา)
พูดถึงเรื่องความตายของร่างกาย  (เราก็พร้อมตายอันนี้ไม่สงสัย)
แล้วพ่อก็พูดถึงการปรารถนานิพพานในชาติปัจจุบัน   (เราก็อยากไป)
ตอนนั้นเป็นเวลาบ่าย  ที่บ้านซอยสายลมของเรานั่นแหละ  แล้วพ่อก็พูดว่า
"เออ  คิดแค่นี้ลูก  คิดแค่นี้ไปนิพพานกันแน่   ไม่ต้องคิดมาก  อย่าให้เหมือนกับคนบ้าบางคนที่คอยแต่จะคิดว่า  เมื่อไรครูบาอาจารย์จะแสดงฤทธิ์ทายใจมัน  เออ..คิดอย่างนั้นไปนรกลูก !  เพราะอะไร..เพราะความเลวของตัวเองมีเต็มตัวเต็มหัวใจ  ไม่เคยคิดจะละออก   ความดีของศีล  ของพระรัตนตรัยไม่เคยคิดน้อมนำเข้ามาเป็นที่พึ่ง   ความตายจ่อจมูกอยู่ไม่เคยคิดหวาดระแวงในความตาย  จะได้มุ่งสู่พระนิพพานเสียชาตินี้"
หลวงตานี่  เหงื่อแตกเลย  ก้มหน้าต่ำง้ำพื้นเลย  แล้วพ่อก็ส่งท้ายให้อีก....
"มันจะให้ครูบาอาจารย์ทายใจมัน  ทายที่ว่ามันคิดได้ไม่เกินหมาคิด  ครูเขาพูดออกไปแล้วกิเลสมันหมดไปจากใจไหม  ศีลจะผ่องใสขึ้นไหม   จะเบื่อร่างกายหรือจะหลงใหลทะนงในชีวิตร่างกายมากขึ้น   ความคิดระยำอย่างนั้นใครอย่าเอาอย่างลูกเอ๊ย"
จบครึ่งม้วน...ม้วนต้วนเลย !
ลูกหลานฟังแล้ว  คิดว่าพ่อเรามีญาณหยั่งรู้หรือไม่ลูก?
ฟังต่อ...พอตกค่ำก็ถึงเวลาปฏิบัติพระกรรมฐานกัน  พวกลูกหลานของพ่อก็นั่งเบียดกันชนิดกราบไม่ถึงพื้นเลยละ
หลวงตาก็นั่งใจตะลึงตะลานอยู่  ใจก็นึกว่าทำไมเราจะต้องมารบกวนให้พ่อลำบากปากด่าสั่งสอนด้วยหนอ    ทำไมต้องอยากรู้ว่าท่านเก่งหรือไม่เก่ง   หรือว่าให้ท่านเห็นเราเป็นลูกศิษย์คนสำคัญชนิดต้องเอาใจทายทักถึงอดีตอนาคตด้วยหนอ
ไม่เอาละ   ตั้งแต่นี้ไป เราจะไม่กวนอารมณ์ใจท่าน  วันนี้เราจะนั่งภาวนาพุทโธคอยท่าน  ประเดี๋ยวท่านลงมานั่งประจำที่จะได้ไม่ต้องหนักใจกับเรามากนัก
๑  ทุ่มตรง...พ่อก็เปิดประตูลงมาจากห้องพักที่บ้านซอยสายลม   ตามธรรมดาปกติพ่อจะทักคนข้างทาง  เออ ๆ คะ ๆ  พองาม  แล้วจะขึ้นนั่งบนแท่นอาสนะในที่สูง  เปิดไมค์ลองเสียง    แต่วันนั้นพอเปิดประตูผางออกมา   ก้าวยืนหน้าประตูได้ก้าวเดียว  ก็ยกมือชี้หน้าหลวงตาทันที
"เออ  ให้มันได้อย่างนี้สิ   ภาวนาพุทโธไปซี  อย่างนี้จึงจะดี...ดีลูก..ดี"
พระคุณพ่อเอย...ช่างทรมานใจนักหนา    ใจหลวงตานี่สลด  ก้มหน้าขอบพระคุณพ่อที่สั่งสอนสมสันดานลูกนัก
จบม้วนแรกแล้วลูก   หนังประวัติลีลาการสอนของพ่อพวกเราทั้งหลาย
ลูกหลานเอย..หลวงตานั่งคิดย้อนหลังไปถึงเวลาแรกที่พบพ่อ  ความมุ่งมั่นฝันใฝ่ตอนนั้นคืออยากได้พระอภิญญามาเป็นอาจารย์   เฝ้ามองพ่อมาแต่บัดนั้นว่าองค์นี้ใช่ไหมหนอ  เมื่อไหร่ท่านจะแสดงฤทธิ์ให้เราดูประจักษ์ตากระชับใจ   จะได้ลงมือปฏิบัติพระกรรมฐานแบบถวายชีวิตเสียที  น่าจะทายใจเราให้ถึงก้นบึ้งสักครั้ง   น่าจะเหาะน้อย ๆ  ลอยก้น   เหนือพื้นสักคืบก็ยังดี  จนวันดีคืนดีท่านก็แสดงให้ดู  ทายถึงใจเลย !
"นี่ไอ้บ้า  อย่ามานั่งขวางทางคนทำงาน  อย่านั่งรอฤทธิ์รอเดชเอาไว้เหาะไปนรกขุมไหน   คนที่ใจมีฤทธิ์นี่เขากล้าทำดี  ขยันทำดีผิดมนุษย์ทั่ว ๆ ไป  เขามีน้ำใจรักศีลยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง  เขาคิดทีละอย่าง   แล้วทำให้เสร็จไปทีละอย่าง  ทำให้มันเห็นฤทธิ์ขยันซะบ้าง  นี่ฤทธิ์น้อย ๆ  เขาคิดกันทำกันอย่างนี้  พอจะเข้าใจไหม  ถอยไป..ถอยไป.."
โอย  ตายเลย  ตายเลย  เล่นด่าอย่างนี้อายตายเลย
ก็อย่างที่รู้ ๆ กัน  ในหมู่พระลูก ๆ ของพ่อ  ว่าใจของพวกเรานี่  ยังมีพลานุภาพมหาศาล  คาใจอยู่อย่างน้อยก็หนึ่งอย่าง  นั่นคือ  ความอยากเป็นพระอรหันต์
แล้วไม่ใช่พระอรหันต์แบบธรรมดา  ต้องเป็นพระทรงอภิญญา   สำหรับหลวงตานี่อยากเป็นปฏิสัมภิทาญาณไปโน่น..ถึงขนาดนั้นนั่นแหละ..โอยอายมือผู้เขียน  อายสายตาท่านผู้อ่านแล้วก็คิดว่าการที่จะบรรลุมรรคผลขนาดนั้น  จะต้องเป็นพระที่ได้ใกล้ชิดหลวงพ่อ  ได้รับคำรับรองจากหลวงพ่อ
ภาพที่ออกมาก็คือ  คอยจะเสนอหน้า  สบตา  กระดิกหู  คอยสดับเสียงให้พ่อทัก  (ว่าพระดีมาแล้วหรือ  หลวงตาต้องขอชมตัวเองที่กล้าเขียนถึงขนาดนี้)
แต่ผลก็คือ  พ่อไม่เคยมองหน้าสักแว้บเดียว
เออ..เราก็เสียใจ  พี่น้องท่านอื่นเขานั่งล้อมหน้าดาหลังอุ่นหนาฝาคั่ง  เราทำไมเกิดมาเงียบเหงา..อย่างนี้หนอ
แล้ววันที่หลวงตารอคอยก็มาถึง...
วันนั้นพ่อนั่งอยู่ใต้ร่มหูกวางหลังโบสถ์  ริมบันไดทางขึ้นไปศาลา  ๑๒  ไร่   หลวงตาก็เดินมาจากศาลานวราชหน้าโบถส์จะกลับที่พัก  ก็ต้องเดินผ่านพ่อผู้นั่งสบายอิริยาบถอยู่
ใจหนึ่งอยากจะแวะเข้าไปกราบให้ท่านเห็น   ใจหนึ่งบอกว่าให้หลีกเลี่ยงเข้ากุฏิเสีย
เสียงพ่อทักดังชัดเจน
"สิงห์ดอกหรือลูก..เอ้อ..หายไปไหนมาหว่า  มา..มา  เข้ามานั่งใกล้ ๆ พ่อ"   ท่านตบหัวลูบหลังหมาตัวโปรด
"เออ  คนเก่งของพ่อเชียวนี่  เป็นนายยามใกล้ชิดตัวเดียวเลยละนี่  เอ้อ..นี่ !  ต้องเข้าใกล้กันจึงจะเก่งจึงจะดี  เออ..นี่ละคนเก่ง  เขาเป็นกันอย่างนี้ !"
โอยยย  พูดไปก็ลูบหลังตบหัวหมาไป  แต่เสียงท่านทำไมมันวิ่งดังเข้าไปกินแก้วหูเรา  พูดจบก็เงยหน้ามามองทางเราพอดี
"อ้าว (เรียกชื่อหลวงตา) หรือ   ไปไหนมาหว่า  เออ  อยู่กุฏิหลังไหนนี่"
"กุฏิ  ๓  ครับผม"  ตอบพลางไหว้เดินเข้ากุฏิดิ่งไม่ว่อกแว่ก  กลัวท่านจะทักต่อ  (กลัวทักต่อว่า  เออ  เข้ามานั่งใกล้ ๆ  คนเก่งเชียวนี่  อะไรทำนองนี้)
วันนั้นจึงเพิ่งรู้ว่าตัวเราเองนี่อยากเป็นหมา   เป็นหมาของหลวงพ่อที่คอยให้พ่อปลอบทายทัก  นี่ไม่ได้บังอาจพูดกระทบน้อง  พี่  ครูอาจารย์ที่นั่งล้อมรอบสนองงานพ่อเป็นประจำ   วาสนาบารมีหน้าที่อธิษฐานกันมาอย่างไรก็ต้องทำอย่างนั้น  นี่พูดเล่าถึงอารมณ์เลวของหลวงตาที่ไม่รู้จักวาสนา  ไม่ใช้ปัญญาแต่ไปเทียบบารมีกับพี่น้องต่างหน้าที่  ก็ไปริษยามานะเอากับท่าน  จนเสียเวลาทำความดีไปนานหลายปีนัก
พอมาอยู่ที่วัดเขาวงจึงนึกขึ้นมาได้ว่า  พ่อเคยถามว่า  ตอนนี้ทำ(หน้าที่) อะไรอยู่  ก็กราบเรียนว่ากวาดทำความสะอาดโบสถ์  สวดปาติโมกข์  และสอนพระกรรมฐานตามที่พ่อสั่งทราบอยู่  ท่านก็พูดขึ้นมาในตอนนั้นว่า
"เออ  ขณะที่ยังไม่ได้เรียกใช้  ไม่ได้มอบหมายหน้าที่อื่น   ก็ไม่ต้องไปหางานอื่นทำ  รีบทำความเพียรให้มากที่สุดไปก่อน  เมื่อถึงเวลาใช้ทำงาน  จะได้เหนื่อยแต่กาย  แต่ใจเป็นสุข"
พอนึกออก  จึงได้เข้าใจว่าตัวเองนี่  โง่ยิ่งกว่าหมา
คำสอนอันแยบยล  คือมรดกธรรมอันล้ำค่า
ยากเกินกว่าที่คนน่ารักน่าชังแบบหมา ๆ จะเข้าใจได้จริง ๆ
vBulletin® v3.8.11, Copyright ©2000-2025, vBulletin Solutions Inc.