PDA

View Full Version : สังโฆอัปมาโณ


เถรี
02-09-2009, 10:59
ถาม : พระแต่ละรูปของวัดท่าซุงนี่ ส่วนมากเป็นทหารกันเยอะนะครับ

ตอบ : ของอาตมาเองไม่ได้คิดจะเป็นทหารหรอก จับพลัดจับผลูเข้าไปอีท่าไหนก็ไม่รู้ ไปเป็นจนได้ เสร็จแล้วก็ก้าวหน้าผิดชาวบ้านชาวเมืองเขาด้วย แต่ว่าไป ๆ มา ๆ แล้วก็เบื่อ ที่เบื่อก็ตรงไกลหลวงพ่อ เซ็งขึ้นมาก็ลาออกเลย ของทหารเขาเรียนมาต้องใช้ให้ครบอายุราชการ ถ้าไม่ใช้ให้ครบต้องควักเงินคืนเขา พอใช้อายุราชการครบก็เปิดดีกว่า

ตรงจุดนี้จุดหนึ่งที่เห็นคุณหลวงพ่อจะได้เห็นว่า “สังโฆอัปปมาโณ” เป็นอย่างไร พระที่วัดท่าซุงแต่ละรูปไปถามประวัติดูเถอะ กระทั่งตำรวจยังหนาว หลวงพี่ทีป ใจดีอย่างที่โยมเห็นนั่นนะ ก่อนบวชยกเค้าตำรวจ ๓ บ้านรวด เลือกเฉพาะตำรวจด้วย คนอื่นไม่เอา ต้องยกเค้าตำรวจถึงจะสะใจ หลวงพี่นันต์เราเห็นยิ้ม ๆ อยู่ทั้งวัน บวชตอนอายุ ๒๕ บอกว่าก่อนจะบวชไม่รู้รอดตายมาได้อย่างไร ? เพราะว่าไม่ว่าจะมีงานที่ไหนก็ตีกับเขาที่นั่น

สมัยก่อนเขาเรียกหนังกลางแปลง มีงานที่ไหนก็เจอกันที่นั่น ตีกันแหลกราญชนิดที่เรียกว่าวิ่งหนีกันข้ามทุ่ง หลวงพี่นันต์จนทุกวันนี้ยังติดนิสัยนะ ถ้านอนต้องไปเรียกไกล ๆ อย่าไปเรียกใกล้ ท่านลุกปุ๊บท่านจะควานหาอาวุธข้างตัวก่อนเลย ครั้งแรกอาตมาไม่รู้ ไปเรียกท่านใกล้ ๆ ท่านลุกพรวดพราดขึ้นมาเตรียมคว้าอะไรตี เล่นเอาโดดหนีแทบไม่ทัน นั่นแหละ..หลวงพี่อนันต์ที่เห็นนั่งยิ้มเย็น ๆ อยู่แหละ ท่านบอกว่าก่อนจะครบบวชนี่ ไม่รู้รอดตายมาได้อย่างไร ? เดี๋ยวตีกันเดี๋ยวแทงกันประจำทุกงาน คือวัยรุ่นมักเลือดร้อน ข้ามถิ่นไปเห็นสาวสวยไปจีบเข้า เจ้าถิ่นเขม่นก็ตีกันแล้ว ไปถามประวัติดูเถอะ..แต่ละคนตำรวจหนาวทั้งนั้นแหละ

หลวงพี่ทีปบอกว่า "กูไม่คิดจะทำหรอก แต่มันเสือกจับกูบ่อย.." แกเป็นนักเรียนช่างกลปทุมวันนี่ จับกูบ่อย กูหมั่นไส้กูก็เอาสิ ทำทั้งทีต้องทำให้ดัง คราวนี้หมดอายุความไปแล้ว คือ คดีอาญาอายุความ ๒๐ ปี..ใช่ไหม ? พี่แกบวชเกิน ๒๐ ปีแล้ว ไม่เป็นไร...เล่าได้ ...(หัวเราะ)...

เถรี
02-09-2009, 11:03
คราวนี้เราจะได้เห็นว่าเสือสิงห์กระทิงแรดขนาดนั้นมารวมกันอยู่ ถ้าไม่ใช่หลวงพ่อเป็นคนคุมทีมไม่กัดกันแหลกหรือ ? เราจะได้เห็นคำว่าสังโฆอัปปมาโณ คุณของสงฆ์ไม่มีประมาณนี่เป็นอย่างไร ขนาดหลวงพี่นันต์ยิ้มเย็น ๆ อยู่ทั้งวัน เข้าไปเรียกดูเถอะ ลุกขึ้นมานี่นะต้องคว้าอะไรข้างตัวไว้ก่อน ความเคยชิน การระวังตัวจนชิน พอเจอเข้าครั้งเดียวตั้งแต่นั้นมา โน่น...เปิดประตูยื่นแต่หน้าเข้าไป หลวงพี่ครับ หลวงพี่.. ..(หัวเราะ).. ขืนเข้าไปเรียกใกล้ ๆ นี่หัวร้างข้างแตกไม่รู้ตัว

เป็นอย่างไร..? คิดว่าถ้าเป็นคนอื่นจะเอาลูกหลวงพ่อกลุ่มนี้อยู่หรือ ? เพราะไม่ยอมรับนับถือใครง่าย ๆ ถ้าหลวงพ่อเราไม่แน่จริง ไม่มีสิ่งที่ดีจริง เอาไอ้ลูกกลุ่มนี้ไม่อยู่หรอก แต่ละคน..เจ้าประคุณรุนช่องเถอะ ใครอยากได้ประวัติพระแสบ ๆ นี่แคะพระวัดท่าซุงรูปไหนไปก็ได้ ประวัติแสบไส้ทั้งนั้นเลย ...(หัวเราะ)... ถึงเวลามีอะไรนะ เกิดมีชื่อเสียงขึ้นมาตอนแก่ ๆ มานั่งคุยกันคงหัวเราะกันเสียไม่มี ตอนนั้นคุณเล่นผมอย่างนั้น ตอนนั้นผมเล่นกลับอย่างนี้ สนุกอย่าบอกใครเลย

สมัยก่อนเห็นหลวงปู่หลวงพ่อ ๑๐ กว่าองค์ อย่างหลวงปู่ชุ่ม หลวงปู่คำแสน หลวงปู่บุดดา ฯลฯ ท่านนั่งมองหน้ากันแล้วยิ้มกันไปยิ้มกันมา อาตมานึก ๆ ดู มานึกถึงตอนนี้ก็คงลักษณะนั้นแหละ นึกถึงสมัยก่อนเคยทำอย่างนั้นมา สมัยนี้หมดกิเลสแล้วนั่งยิ้มได้..ใช่ไหม ? ตอนเวียนตายเวียนเกิดไม่รู้จบยิ้มไม่ออกหรอก ก็ทุกข์นี่ ตอนนี้หมดทุกข์แล้วท่านก็ยิ้มของท่านได้

หลวงปู่คำแสนนี่ยิ้มทีชาวบ้านร้องไห้โฮเลย หลวงปู่ทำไมยิ้มสวยขนาดนี้ ? ท่านตอบยังไงรู้ไหม ? คนหมดกิเลสแล้วยิ้มสวยหมดทุกคนแหละลูก ...(หัวเราะ)... บอกชัดเลยนะงานนั้น คนหมดกิเลสแล้วยิ้มสวยหมดทุกคน ฟัง ๆ อย่างนี้แล้วได้เปรียบนะ ไปหลอกให้พระคุยบ่อย ๆ กำลังใจเราจะได้ทรงตัว..ใช่ไหม ?


สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนกรกฏาคม ๒๕๔๔
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ