กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 05-12-2013, 12:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,845 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระอริยบุคคลจะรู้ตัวหรือไม่ว่าท่านเป็นพระอริยะ ?
ตอบ : ถ้าอยู่ตั้งแต่ระดับวิชชาสามขึ้นไปจะรู้ แต่ถึงรู้แล้วท่านก็ไม่ประมาท ก็ยังคงทำไปตามปกติ กติกาใดที่ทำเพื่อความหลุดพ้นก็ยังคงทำต่อไป แต่ถ้าต่ำกว่านั้นลงมา บางทีเป็นทั้งชาติก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่ว่าถือกติกาครบถ้วนสมบูรณ์อยู่ตลอดเวลา รู้อยู่ว่าต้องทำอย่างนั้น แต่ไม่รู้ว่าทำเพื่ออะไรเสียด้วยซ้ำไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2014 เมื่อ 04:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 05-12-2013, 12:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,845 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คำว่าดวงตาเห็นธรรม คือ ?
ตอบ : ดวงตาเห็นธรรม ตามที่เขาอธิบายเอาไว้หมายถึงว่า เข้าถึงความเป็นพระโสดาบัน ก็คือสามารถเป็นพระอริยบุคคลเบื้องต้นขึ้นไป ถึงจะเรียกได้ว่าเห็นธรรมจริง ๆ ถ้ายังไม่เห็นก็คือปัญญายังไม่พอ ก็ไม่น่าจะเรียกว่าดวงตาเห็นธรรม

คำว่าดวงตาในที่นี้ไม่ใช่สายตาของเรา เขาเรียกปัญญาจักษุ ก็คือดวงตาของปัญญา เห็นด้วยปัญญา ไม่ได้เห็นด้วยตาเนื้อ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-12-2013 เมื่อ 17:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 05-12-2013, 12:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,845 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : .......วิชชาธรรมกาย.. ?
ตอบ : นั่นเป็นแค่ในส่วนของสมาธิเท่านั้น อย่างเช่นว่าเห็นดวงปฐมมรรคก็คือจิตเริ่มเข้าสู่อุปจารสมาธิ จนถึงกายพระอรหันต์ละเอียดก็คือฌาน ๔ เต็มระดับ ต้องเรียกว่าเป็นส่วนของสมถกรรมฐานเต็ม ๆ เลย จนกว่าเราจะนำกำลังนั้นมาพิจารณาตัดกิเลส ต้องไปศึกษาในส่วนท้ายที่ท่านอธิบายไว้ในหนังสือมรรคผลพิสดาร

เอาเป็นว่าเมื่อหลายปีก่อน บรรดาแม่ชีในโรงธรรมวิชาบอกว่า “พวกฉันจะทำวิชา ส่งให้หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำ เป็นพระสังฆราช” หลายปีมาแล้วนะ แล้วดูแนวโน้มตอนนี้ว่าเป็นไปได้ด้วย เพราะปัจจุบันนี่ถ้าเลือกเมื่อไรก็หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำ เป็นพระสังฆราชเมื่อนั้น

ถ้าเรามีกองทัพคอยหนุนอยู่แบบนี้ก็ดี แต่ไม่ต้องมาทำอะไรเผื่ออาตมาแบบนั้น รับภาระทั้งประเทศไม่พอ ยังต้องรับทั้งโลกไปด้วย เหนื่อยตายเลย ลูกศิษย์หวังดีแต่ไม่รู้หรอกว่าอาจารย์เหนื่อยจะตาย

ตอนนั้นท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ วัดสระเกศ ยังปฏิบัติหน้าที่พระสังฆราชอยู่ ก็แปลว่าถ้าพระสังฆราชปุบปับเป็นอะไรไป ก็คือหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ ต้องเป็นพระสังฆราช แต่แม่ชีเขากล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า เขาจะช่วยกันทำวิชาส่งหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำ เป็นพระสังฆราชให้ได้


ถาม : อย่างนี้ถือว่าฝืนกรรมไหมคะ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าอะไรก็ตามที่สามารถทำได้ ไม่ถือว่าฝืนกฎของกรรม เพียงแต่ว่าในส่วนนี้ พวกเราก็แค่รับรู้ไว้เป็นข้อมูลเฉย ๆ เราอาจจะคิดว่าเป็นฝีมือแม่ชีทั้งหลายเหล่านั้นก็ได้ แต่คิดอีกที บารมีหลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านสร้างมา ท่านจะต้องเป็นของท่านอยู่แล้ว ต่อให้ไม่มีแม่ชีท่านก็ต้องเป็นจนได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-12-2013 เมื่อ 17:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 05-12-2013, 12:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,845 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ไปนึกถึงพลเอกเจ้าพระยาพิชเยนทร์โยธิน ตอนที่ในหลวงรัชกาลที่ ๘ ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องมีคณะผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ท่านก็เป็นหนึ่งในคณะนั้น พอมาในหลวงรัชกาลที่ ๙ ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ท่านก็เป็นหนึ่งในคณะผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน คราวนี้นับแล้วก็เท่ากับท่านครองราชย์ ๒ สมัย แสดงว่าบารมีที่ท่านสร้างมานี่ อยู่ในระดับจะได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินเลย จึงต้องไปทำหน้าที่นั้นอยู่ถึง ๒ วาระด้วยกัน

แล้วก็มานึกถึงหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ ท่านทำหน้าที่พระสังฆราชอยู่ ๒ วาระเหมือนกัน วาระแรกก็คือทำหน้าที่แทนไปเลย วาระที่สองก็คือเป็นประธานคณะผู้ทำหน้าที่แทน ก็ลักษณะเดียวกันคือของท่านก็เท่ากับเป็นพระสังฆราช ๒ รอบ แต่ว่าสมเด็จพระสังฆราชในนามก็คือสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก แต่คนทำหน้าที่จริง ๆ คือหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ เพราะฉะนั้นนับแล้วหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ เท่ากับเป็นพระสังฆราชไป ๒ รอบ หนักกว่าอีก

แต่หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำ ถ้าท่านขึ้นมาก็เท่ากับเป็น ๒ รอบเหมือนกัน เป็นคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่ ๑ รอบ และเป็นเอง ๑ รอบ ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ต้องใช้รถยนต์หลวงประจำพระองค์ เพราะฉะนั้น..ใครก็ตามที่ทำหน้าที่นั้น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติต้องประสานสำนักพระราชวัง ขอรถยนต์หลวงประจำตำแหน่ง

มีอยู่เที่ยวหนึ่งไปประชุมเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมที่วัดสุวรรณภักดี ที่จังหวัดตราด หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศติดภารกิจ มอบหมายให้หลวงพ่อพระพรหมดิลก วัดสามพระยา ไปทำหน้าที่แทน เท่ากับท่านเป็นองค์แทนผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เขายังต้องประสานขอรถยนต์หลวงไปส่ง

เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้ว ถ้าเราเข้าใจในเรื่องของยถากัมมุตาญาณ คือบุญเก่าที่ทำมา ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเราไม่เข้าใจในตรงจุดนี้ก็อย่างที่เขาว่ามา คือเชื่อว่าเขาทำจนเป็นไปได้เหมือนกัน เขาบอกว่าเขาจะทำหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำ ให้เป็นพระสังฆราชให้ได้ เขาก็ทำของเขาจนได้ แต่ถ้าเรามาดูตรงจุดนี้ว่า ถ้าหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดปากน้ำ ทำบุญบารมีของท่านมา อย่างไรก็ต้องขึ้นเป็นพระสังฆราช ต่อให้ไม่มีคณะแม่ชีมารวมทำวิชา ท่านก็ต้องเป็นจนได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-12-2013 เมื่อ 17:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 05-12-2013, 13:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,845 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้ามีคนทะเลาะกัน ไปขอให้พระท่านสงเคราะห์ ขอให้ท่านช่วยอย่าให้มีการบาดหมางกันจะเป็นไปได้ไหมครับ ?
ตอบ : เป็นไปได้ เพียงแต่ถ้าเป็นพระจริง ๆ ส่วนใหญ่ท่านยอมรับกฎของกรรม ท่านก็จะแนะนำไปตามสภาพของท่าน ต้องออกไปทางแนวไสยศาสตร์เลย อย่างสมัยก่อนไปหาท่านอาจารย์ชุม ไชยคีรี เอาน้ำมันหนูกับแมวไปใช้ คือท่านเสกน้ำมันเอาไปทาหนูกับแมว แล้วให้อยู่กรงเดียวกันได้ บางทีเขาเรียกคาถาวัวกินนมเสือ หนูกินนมแมวอะไรพวกนั้น ต้องเล่นไปทางด้านโน้น

ถาม : ก็ดีนะครับ ทำให้คนไม่ทะเลาะกัน
ตอบ : ใช่...แต่ว่าส่วนใหญ่ท่านอาจารย์ชุมจะให้แต่เฉพาะครอบครัวที่แตกแยก ก็คือผัวเมียทะเลาะกัน แต่ถ้านอกเหนือจากนั้นท่านก็ไม่ไปยุ่งกับเขาหรอก

ถาม : เขามีคาถาหรือครับ ?
ตอบ : เขาเสกน้ำมันตามวิชาของเขา แล้วก็เอาน้ำมันนั้นไปใช้ เสียดายท่านอาจารย์ชุมท่านตายไปแล้ว คุณลองไปค้นดู สมัยก่อนท่านอาจารย์ชุมท่านตั้งสำนัก ชื่อสำนักกุญแจไสยศาสตร์ ลองไปดูในอินเตอร์เน็ต ไม่รู้ว่ามีลูกศิษย์สืบสายมาหรือเปล่า ? ถ้ามีก็ไปขอน้ำมันนี้มา

จริง ๆ ช่วยได้เยอะนะ ท่านเองก็อยู่ลักษณะสร้างบารมีช่วยคนอื่นเขา โดยเฉพาะลูกน้องกับเจ้านายไม่ชอบหน้ากัน เจอท่านอาจารย์ชุมเข้าไปนี่ เจ้านายรักลูกน้องตอนไหนก็ไม่รู้ น้ำมันขวดเดียวทาหนูกับแมวแล้วจับยัดเข้ากรงเดียวกัน ไม่ทำอะไรกันเลย อยู่ด้วยกันได้ ก็เลยเรียกว่าน้ำมันหนูกับแมว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-12-2013 เมื่อ 17:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 05-12-2013, 13:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,845 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีคาถาบริกรรมไหมครับ ?
ตอบ : เขาจะมีตำราของเขาอยู่ ท่านอาจารย์ชุมศึกษามาจากสายเขาอ้อ

ถาม : จะได้ผลแค่ชั่วคราวหรือเปล่า
ตอบ : ถ้าไม่ไปฝืนคำห้ามของเขาก็ใช้ได้ผลตลอดไป เขามีพวกข้อห้ามของเขาเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าไปฝืนบางทีของตัวเองก็เสื่อม ทางสายเขาอ้อเขาจะค่อนข้างเคร่งครัดมาก แบบพ่อปู่ขุนพันธ์สมัยก่อน ท่านกินข้าวยังต้องเสกข้าวทีละคำ อาตมาก็ว่าตายห่..เราเป็นพระยังไม่ขนาดนั้นเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-12-2013 เมื่อ 17:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 06-12-2013, 12:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,845 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่เขาบอกว่ามีคนทำพิธีให้เขาทำมาหากินดีขึ้น มีจริงหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ถ้าตามที่เคยได้ยินมา เขาบอกว่าที่ดินตรงไหนขายไม่ได้ ให้ตั้งโต๊ะหมู่บูชา อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงขึ้นไป จุดธูปเทียนบูชาแล้วประกาศบอกเจ้าที่ตรงนั้นว่า พื้นที่ผืนนี้ เราได้รับพระบรมราชานุญาตจากในหลวงให้เป็นผู้ครอบครองแล้ว ท่านใดที่เป็นเจ้าที่รักษาบริเวณนี้ ให้รับทราบว่า เราจะทำอะไรในที่นั้น อย่างเช่นจะขาย หรือจะปลูกบ้านอยู่ ให้ประกาศบอกท่านด้วย

อ้างพระปรมาภิไธยในหลวง ให้รู้ว่าท่านคือพระเจ้าแผ่นดิน ท่านคือเจ้าของแผ่นดินทั้งประเทศ เรามีที่อยู่ยังไม่ใช่ที่ของเราเลย อย่าลืมว่าโฉนดทุกฉบับก็โดยพระบรมราชานุญาต ลองไปตั้งโต๊ะหมู่ดู อัญเชิญรูปในหลวงขึ้นไป บอกว่าเราได้รับพระบรมราชานุญาตให้มีสิทธิ์ในที่ดินผืนนี้ จะขอขายที่ดินผืนนี้ ขอให้เจ้าที่ช่วยเหลือด้วย แล้วเราจะถวายสังฆทานอุทิศให้ท่าน


ถาม : ถ้าไม่มีเอกสารสิทธิ์ละคะ ?
ตอบ : ไม่มีเอกสารสิทธิ์ก็เป็นของพระเจ้าแผ่นดินอยู่ดี เพียงแต่จะไปอ้างเอาท่าไหน เมื่อไม่มีหลักฐาน

ถาม : เจ้าที่ไม่ต้องดูแลหรือคะ ?
ตอบ : พระภูมิเจ้าที่ท่านดูแลเขตนั้นหลายตารางกิโลเมตร ๑ ตารางกิโลเมตรนี่ ๖๒๕ ไร่นะจ๊ะ แต่ว่าบริวารของท่านอยู่ทั่ว ๆ ไป ก็คือบรรดาพวกสัมภเวสีบ้าง พวกเปรต อสุรกายบ้าง แล้วพวกนี้แหละที่หวงที่ ไม่ใช่เจ้าที่ท่านหวง พวกนี้หวงที่เพราะเขาอยู่ตรงนั้น ไม่อยากให้ขาย เพราะฉะนั้น..ก็เลยต้องบอกเสียหน่อย ถ้าเจ้าที่ท่านตกลง ลูกน้องก็ไม่กล้าหือ

ถาม : เคยเจอท่านที่มา กายเป็นสีแดง
ตอบ : ถ้าเป็นพระภูมิเจ้าที่ ส่วนใหญ่มือขวาจะเป็นสีแดง ตั้งแต่ข้อศอกลงมา ถ้าแดงมากก็แสดงว่ามีอานุภาพมาก

ถาม : แดงแค่ตรงมือหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ก็แค่มือ ถ้ามากกว่านั้นแสดงว่าตั้งใจแกล้งแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2013 เมื่อ 02:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 06-12-2013, 13:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,845 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนธรรมดาไปเที่ยวพระนิพพานได้ไหมครับ ?
ตอบ : ต้องดูว่ามีความสามารถแค่ไหน ถ้าความสามารถพอก็ไปได้

ถาม : ไปได้ทั้งตัวไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าได้อภิญญา ๕ วางกำลังใจเทียบเท่าพระโสดาบันได้ ก็ไปทั้งตัวเลย ถ้าได้มโนมยิทธิ วางกำลังใจเทียบเท่าพระโสดาบันได้ก็ถอดจิตไป ต้องบอกว่าคนที่ทำได้เขาไปกันเป็นปกติ ถ้าถามว่าไปได้ไหม ? ต้องถามกลับว่าทำได้ไหม ? ถ้าทำได้ก็ไปได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2013 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #89  
เก่า 06-12-2013, 13:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,845 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนที่ได้อภิญญา ๕ กับคนที่เป็นเทวดา ฤทธิ์จะต่างกันไหมครับ ?
ตอบ : เทวดาเหนือกว่าหลายร้อยเท่า เพราะของท่านเป็นโดยธรรมชาติ คนที่เป็นโดยธรรมชาติ กับคนที่หัดขึ้นมานี่ต่างกัน คนที่หัดขึ้นมาก็เด็กหัดใหม่ดี ๆ นี่เอง

ถาม : กำลังของคนที่ได้อภิญญา ๕ พอสิ้นแล้วนอกจากไปเกิดเป็นพรหมแล้ว สามารถไปเป็นเทวดาได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าต้องการอย่างนั้นก็ได้

ถาม : ถือว่าเป็นวิบากหรือเปล่า ?
ตอบ : จะว่าไปแล้ว บางทีการตั้งความปรารถนาอย่างนั้น ก็เป็นความชอบเฉพาะตัว หลวงพ่อวัดท่าซุงไปเจอภูมิเทวดาเป็นพระอนาคามี ท่านตกใจว่าระดับนั้นทำไมไม่ไปอยู่สุทธาวาสพรหม พระภูมิท่านบอกว่า ตอนก่อนตายคิดว่าเพื่อนอยู่แถว ๆ นี้ ก็เลยจะไปหาเพื่อน แทนที่จะไปอยู่สุทธาวาสพรหม ตัวเองเป็นพระอนาคามีกลับต้องมาเกิดเป็นภุมมเทวดา เพราะตอนสุดท้ายใจไปเกาะอยู่ที่นั่น

ถาม : พระอนาคามีท่านละกามรูปได้แล้ว แต่ทำไมยังมาเกิดในกามาวจรอีกครับ ?
ตอบ : ท่านเองไม่ได้ไปตามกติกา แต่ไปตามสภาพปรุงแต่งใจของตัวเองว่าต้องการอยู่ตรงนั้น ในเมื่อคนที่มีเงินมาก แต่เขาต้องการอยู่กระต๊อบ คุณก็อยู่ไปเถอะ..เป็นสิทธิของคุณ จริง ๆ แล้วอยู่บนโน้นก็แบบเดียวกับท้าวมหาราชทั้งสี่ ที่ปัจจุบันที่เป็นพระอนาคามี ถึงเวลาพ้นก็พ้นไปเลย ถ้าสูงกว่าแล้วมาอยู่ต่ำกว่าไม่น่าเกลียด แต่ถ้าต่ำกว่าขึ้นไปอยู่ที่สูงกว่าไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2013 เมื่อ 02:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #90  
เก่า 06-12-2013, 13:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,845 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผู้ที่อยู่นิพพานเขาทำอะไรครับ ?
ตอบ : ไปเสียเองจะได้หายสงสัย ไม่อย่างนั้นบอกไปก็เท่านั้นแหละ ก็ยังคันอยู่เหมือนเดิม สงสัยอยู่เหมือนเดิม

สมมติว่าเราเรียนจบแล้ว เรียนจบแล้วยังมีงานทำไหม ? ก็มี ส่วนใหญ่ท่านที่อยู่บนพระนิพพาน เรียนจบแล้วก็ไปเป็นครูเขา คอยดูว่าใครพอจะสงเคราะห์ได้บ้าง ต้องบอกว่าเหนื่อยไม่เลิก เรียนจบแล้วก็ยังเหนื่อยต่อ เพียงแต่ท่านเหนื่อยแบบไม่มีภาระ สงเคราะห์ตามวาระบุญตามวาระกรรมก็เท่านั้น ถ้าเกินนั้นไปก็ยืนดู เมื่อไรมีโอกาสก็ช่วยใหม่ แต่เป็นการช่วยในลักษณะของการประคับประคอง ให้เป็นไปตามกุศลที่จะพึงได้ พยายามที่จะให้ห่างอกุศลให้ได้ ก็อาจจะต้องช่วยด้วยการดลจิตดลใจให้ไปสร้างกุศลเพิ่มขึ้น


ถาม : พระนิพพานนี้ไม่มีขันธ์หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าไปว่าตามแบบที่เราเข้าใจนี่เราว่ามี แต่ถ้าบุคคลที่อยู่ตรงนั้น จะเรียกว่าเป็นขันธ์ก็เป็นส่วนที่พิเศษนอกเหนือการปรุงแต่งไปแล้ว กลายเป็นอสังขตธรรม ธรรมที่นอกเหนือการปรุงแต่งไปแล้ว เพราะฉะนั้นในส่วนนอกเหนือการปรุงแต่ง ถ้าพูดเป็นภาษามนุษย์ก็อธิบายกันตายไปข้างหนึ่ง

สรุปว่าท่านที่ไปได้เห็นว่ามี แต่ว่าสภาพที่มี ไม่ใช่มีลักษณะอย่างที่พวกเรามีกัน ส่วนจะมีอย่างไรก็ต้องไปว่ากันอีกทีหนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2013 เมื่อ 02:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #91  
เก่า 06-12-2013, 14:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,845 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การเข้าถึงพระนิพพานของแต่ละคนเหมือนกันไหมครับ ?
ตอบ : ไปถึงที่โน่นแล้วเข้าถึงความบริสุทธิ์เหมือน ๆ กันหมด แต่ว่าความมากน้อยของการสร้างบารมีมา ทำให้มีความต่างอยู่เหมือนกัน อย่างเช่นว่ามีรัศมีกว้างกว่า มีกายใหญ่กว่า เหล่านั้นเป็นต้น แต่ว่าเข้าถึงความบริสุทธิ์เหมือน ๆ กัน

ถาม : ไปพระนิพพานแล้วเบื่อพระนิพพานไหมครับ ?
ตอบ : ไปให้ได้ก่อน ถ้าเบื่อนี่คาดว่าคุณจะเป็นคนแรกเลย ไม่เป็นไร ถ้าเบื่อแล้วอนุญาตให้ลาออกได้ แค่เทวดายังหลงมัวเมาจนกระทั่งลืมตายเลย แล้วถ้าไปถึงพระนิพพาน ความเป็นทิพย์ละเอียดขนาดนั้น ถ้ามีการเบื่อได้ก็ดีสิ อารมณ์ใจท่านหมดการปรุงแต่งไปแล้ว ความเบื่อเป็นเรื่องของมนุษย์ธรรมดาอย่างเรา ในเมื่อท่านพ้นการปรุงแต่งไปแล้ว ไม่หวั่นไหวด้วยสิ่งใด ๆ ทั้งปวง แล้วจะเอาอะไรมาเบื่อวะ..?!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2013 เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #92  
เก่า 06-12-2013, 14:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,845 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สายวัดป่ามีคำว่า การม้างกาย ใช่กายคตาสติหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ก็กายคตาสตินั่นแหละ คำว่าม้างกาย ก็คือค้นให้กระจายเป็นชิ้น ๆ ไปเลย ลักษณะเหมือนกับทำลายให้เป็นชิ้น ๆ ไปเลย นั่นก็คือการพิจารณากายคตาสติ ดูอาการ ๓๒ ภาษาอีสานเขาว่าอย่างนั้น เขาไม่ได้ใช้บาลีเท่านั้นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2013 เมื่อ 02:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #93  
เก่า 06-12-2013, 14:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,845 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระอริยะที่เป็นพระท่านจะสึกไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นจริง ๆ คิดว่าคงสึกยาก เพราะว่าด้วยความที่ท่านเคารพพระรัตนตรัยจริง ๆ แล้วตนเองก็เป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัยไปแล้ว ก็เลยไม่รู้ว่าจะสึกไปทำไม ? เพราะฉะนั้น..รีบเป็นเสียตั้งแต่ตอนเป็นฆราวาสดีกว่า ถ้าเป็นตอนเป็นพระเดี๋ยวไม่ได้สึก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2013 เมื่อ 02:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #94  
เก่า 06-12-2013, 14:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,845 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระโสดาบันในสมัยพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ยังไม่สามารถตัดกิเลสได้ จนมาเจอพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ทำไมจึงไม่มีกล่าวในพระสูตรว่า พระโสดาบันได้มาอุบัติในชาตินี้แล้วก็ทำมรรคผลให้เกิด ?
ตอบ : ไม่ได้ให้รายละเอียดไว้ แต่ก็พอที่จะอนุมานได้ อย่างคู่ของปิปผลิมาณพกับนางภัททกาปิลานี ที่ตอนหลังก็คือพระมหากัสปะกับภัททกาปิลานีภิกษุณี คู่นี้แต่งงานกัน นอนหันหลังให้กันอยู่ตั้งหลายปี คาดว่าถ้าไม่ได้ถึงขนาดพระสกทาคามีหรือโสดาบันละเอียด ย่อมไม่มีทางทำได้

ถาม : หมายความว่าก่อนมาเกิดท่านเป็นพรหมมาก่อน ?
ตอบ : อาจจะใช่ อย่าลืมว่าจะเป็นพรหมหรืออะไรก็ตามเถอะ ลงมาโลกมนุษย์ก็กิเลสท่วมหัวเหมือนเดิม ยกเว้นอย่างเดียวว่าท่านต้องเป็นพระอริยเจ้าระดับนั้น เพราะว่าถ้าเป็นพระโสดาบันเอกพีชี หรือพระสกทาคามี รัก โลภ โกรธ หลง บางเต็มทีแล้ว ท่านถึงสามารถนอนหันหลังให้กันอยู่ตั้งหลายปี ของเราสมัยนี้ขนาดอยู่ปราสาท ๗ ชั้น ยังตะกายขึ้นไปหากันเลย

เพราะฉะนั้น..ในส่วนที่กล่าวถึงตรง ๆ นั้นไม่มี แต่ในส่วนที่เราพออนุมานได้ว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นมีเหมือนกัน เพียงแต่ท่านไม่ได้บอกไว้ตรง ๆ เท่านั้นเอง


ถาม : เป็นเพราะว่าผู้ที่มาจากชั้นพรหมเป็นผู้ที่ได้ฌานมาก่อน แล้วอุุบัติมาในมนุษย์โลก ด้วยวิสัยเดิมที่ชอบใจในฌานหรือข่มกิเลสได้ ก็ทำให้ไม่ชอบในราคะ ?
ตอบ : ย้อนกลับไปที่ฤๅษีตกสวรรค์ กรณีนั้นเข้าอภิญญาด้วยซ้ำไป เหาะผ่านเห็นสาวอาบน้ำยังร่วงเลย แล้วนั่นท่านนอนอยู่ห้องเดียวกัน ถ้าไม่มั่นคงขนาดกำลังพระอริยเจ้าเอาไม่อยู่หรอก

ถาม : แต่ท่านไม่ได้กล่าวรายละเอียดไว้ ?
ถาม : ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรไว้ แต่นี่เป็นการอนุมานเอาว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 20-12-2021 เมื่อ 23:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #95  
เก่า 06-12-2013, 15:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,845 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระโสดาบันเวลาฌานเกิดขึ้นแล้วเสื่อมได้ไหมครับ ?
ตอบ : กำลังฌานเสื่อมได้ แต่ว่ามรรคผลที่ได้ไม่เสื่อม เพราะว่ากำลังฌานเนื่องด้วยกายมาก เอากำลังฌานแล้วใช้ปัญญาควบไปในการตัดกิเลส ตัดขาดแล้วขาดเลย เพราะฉะนั้น..ฌานเสื่อมได้ แต่มรรคผลไม่เสื่อม

ถาม : รวมถึงโลกุตรฌานไหมครับ ?
ตอบ : คำว่าฌานสมาบัติ พอถึงพระโสดาบันก็คือโลกุตรฌาน แต่ทีนี้ฌานสมาบัติเนื่องด้วยร่างกาย ถ้าร่างกายไม่ดีก็เสื่อม เอาแค่พระอัสสชิแล้วกัน นั่นพระอรหันต์นะ เวลาฌานเสื่อมถึงขนาดเจ็บปวดโอดโอย จนต้องส่งพระไปถามพระพุทธเจ้าว่า “ความดีของข้าพระพุทธเจ้าสูญไปหมดแล้วหรือ พระพุทธเจ้าข้า” พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า “ดูก่อน..อัสสชิ เธอเห็นร่างกายนี้เป็นของเธอหรือเปล่า ?” “ไม่ได้เห็นเลยพระเจ้าข้า” “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เสื่อม”

เพียงแต่สมาธิตก กำลังคุมร่างกายไม่ได้ อาการเจ็บปวดแสดงเต็มที่ ก็โอดโอยไปตามสภาพ เป็นปกติ เพียงแต่สภาพจิตของท่านที่ตัดกิเลสได้แล้วไม่ได้เสื่อม แค่กำลังสมาธิตก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2013 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #96  
เก่า 06-12-2013, 16:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,845 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เข้าสมาธินานดีกว่าเข้าน้อย ๆ จริงไหมครับ ?
ตอบ : ดีกว่าจริงนะ แต่ถ้าสำหรับท่านที่ไม่คล่องตัวจริง ๆ ก็ต้องพัก ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวน็อก โดยสภาพร่างกายแล้วตามปกติก็ต้องพักตามสภาพของเขา วิศวกรอาจจะบอกว่ารถยนต์เดินรอบเบา ดีกว่าไปดับทิ้งไว้เฉย ๆ เพราะอย่างน้อยการหล่อลื่นมีตามปกติ พอดับเครื่องทิ้งแล้วน้ำมันหล่อลื่นตกไปก้นแทงก์ กว่าจะดึงขึ้นมาใหม่ในระยะของการสตาร์ทใหม่ การสึกหรอจะมีมาก เราเองไม่ต้องไปดับเครื่องหรอก เราติดเครื่องไปตลอดก็ได้ ถ้าตามตำราเขาว่ามาก็ใช่ แต่เดี๋ยวน้ำมันหมด เพราะฉะนั้น..ให้พักบ้างเถอะ

ถาม : บางทีคิดจะนอนก็รู้สึกว่าเสียเวลา นั่งสมาธิสวดมนต์ก็ยังดี ?
ตอบ : อย่างไรก็ให้นอนหน่อยแล้วกัน ไม่ได้ ๘ ชั่วโมง เอาสัก ๒ - ๓ ชั่วโมงก็ยังดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2013 เมื่อ 03:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #97  
เก่า 07-12-2013, 19:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,845 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในขณะที่เข้าฌาน กายก็ได้พัก หัวใจก็เต้นช้ามาก เบามาก ก็น่าจะเป็นการพักผ่อน ?
ตอบ : เป็น..แล้วก็เป็นการพักผ่อนที่แท้จริงด้วย แต่ในความรู้สึกของคนทั่ว ๆ ไปไม่ใช่การพัก เพียงแต่ว่าในสภาพของร่างกายของเรา ถ้าทำในลักษณะนั้นอยู่บ่อย ๆ เหมือนกับอวัยวะภายในบางส่วนได้พักไปด้วย เพราะว่าหยุดการทำงาน หรือว่าทำงานน้อยลง จริง ๆ จะว่าไปแล้วให้ผลดีมากกว่าเสียด้วยซ้ำไป แต่ว่าในส่วนของสภาพร่างกายบางส่วน อย่างเช่นสมอง บางทีไม่ได้หยุดพักตามสภาพ อย่างน้อย ๆ ก็ปิดให้สักหน่อยก็ยังดี

ร่างกายของเราได้พักเป็นปกติ สภาพจิตไม่ได้หลับหรอก สภาพจิตตื่นรู้ของตนอยู่ จะหลับจะตื่นความรู้สึกเท่ากัน เพราะฉะนั้น..ร่างกายบางทีหลับได้ยินเสียง
กรนด้วย แต่เอ๊ะ..เราไม่ได้หลับแล้วกรนได้อย่างไร ? ก็ตัวหลับไปแล้ว

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : อยู่ที่เราว่ากำหนดจิตให้ตื่นเวลาไหน หรือว่าเราขอให้เทวดาท่านช่วยสงเคราะห์ แต่ถ้าตามประสบการณ์ที่ผ่านมา เวลาป่วยมาก ๆ บางทีก็ไม่มั่นใจเรื่องสมาธิตัวเอง ต้องขอเทวดาท่านช่วยสงเคราะห์ อย่างเช่นว่าก่อนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านจะเรียก ๑๕ นาที ขอให้ท่านช่วยสงเคราะห์ให้รู้ตัวก่อน แล้วมีกำลัง มีสติเพียงพอที่จะทำงานได้อย่างเต็มที่ ถึงเวลาอยู่ ๆ อาการเจ็บไข้ได้ป่วยคลายไปเฉย ๆ ลุกขึ้นนั่งพรวดพราดได้ หูตาสว่างเต็มที่ ดูนาฬิกาได้เลย ๑๕ นาทีพอดี หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านจะโทรมา

การพักในฌานจริง ๆ จะว่าไปแล้วช่วยอะไรต่อมิอะไรได้เยอะมากเลย อย่างที่ฝรั่งเขาทดสอบพวกโยคี ขนาดจับฝังดินเป็นเดือน ๆ ขุดขึ้นมายังไม่เป็นไรเลย เพราะว่าระบบร่างกายหยุดหมด เหลือแต่ลมหายใจละเอียดซึ่งต้องการออกซิเจนน้อยมากเลย แค่โลงใบหนึ่งอากาศตั้งเท่าไร ใช้ได้เป็นเดือน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2013 เมื่อ 02:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #98  
เก่า 07-12-2013, 19:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,845 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : บุคคลที่ไม่มีลมหายใจมีอยู่ ๘ ประเภท คนสลบที่อาการเหมือนกับหลับลึก ก็คือประเภทนี้ อาการเหมือนกับคนไข้ช็อก แต่จริง ๆ แล้วคนที่จะสลบประเภทนี้ได้ ต้องมีพื้นฐานสมาธิมามากพอ ไม่ใช่สลบธรรมดา แต่เป็นสลบแบบเข้าฌาน

คราวนี้ภาษาชาวบ้านเขาใช้คำว่าสลบ แต่รู้อยู่ข้างใน แล้วคนประเภทนี้แหละที่เวลาหมอเขาผ่าตัดแล้ว โอ๊ย..เจ็บจะตายชัก เพราะรู้ทุกอย่าง เพียงแต่ไม่ได้คลายสมาธิออกมา สลบแบบเข้าสมาธิ ท่านบอกว่า ทารกในครรภ์ บุคคลที่ดำน้ำ พรหมเทวดา บุคคลที่ถึงแก่วิสัญญีภาพไป ฯลฯ มีอยู่ ๗ - ๘ ชนิด รวมถึงบุคคลที่เข้าฌานสมาบัติในระดับสูง เป็นบุคคลที่ไม่มีลมหายใจ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2013 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #99  
เก่า 07-12-2013, 19:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,845 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาร่างกายเราไม่ไหวมาก ๆ เราแค่บอกไปว่าเดี๋ยวก็ดีเอง
ตอบ : ระวังจะกองอยู่ข้างทาง ร่างกายของเรา เราสั่งได้ ก่อนจะถึงที่เหมาะสม อย่าเพิ่งปล่อย ถ้าคลายกำลังใจออก จะไปเลย

มีโยมอยู่คนหนึ่ง เป็นมาลาเรียเหมือนอาตมา แล้วเขาก็สงสัยว่าทำไมไปร่วงกลางทางประจำเลย เขาใช้คำว่า "หลวงพี่ยังทำได้เลย" อาตมาทำได้นี่ทำแบบไหน เขารู้ไหม ? ถ้าไม่ถึงที่ อาตมาไม่คลายกำลังใจออก ก็ไปได้ ของเขาไม่ดูตาม้าตาเรือ..ไปเรื่อย ๆ พอหมดสภาพก็ร่วง เพราะฉะนั้น..ถ้าถึงเวลาเราต้องสั่งร่างกาย ไปให้ถึงที่ก่อนแล้วค่อยว่ากัน


ถาม : บอกภายในกายว่า ถ้าตราบใดที่เรายังมีลมหายใจเข้าออก ร่างกายยังไม่ร่วง เราก็ต้องอดทน ?
ตอบ : ถ้าจิตกับประสาทเริ่มแยกจากกัน จะไม่รับรู้อาการของร่างกาย ก็ไปทื่อ ๆ เหมือนกับหุ่น บางทีร่างกายไม่ไหว เราก็ต้องเข็นไป อาตมาเดินบิณฑบาต เตะก้อนหินจนกระทั่งเล็บหลุดมาทั้งอัน แต่ไม่รู้ตัวหรอก ไปยืนรอรับบาตรแล้วพระเขาชี้ให้ดู โอ้โฮ...เลือดเป็นกองเลย ช่วงยืนรอรับบาตรจากโยมหน่อยเดียว เลือดไหลเรื่อย ตอนเดินก็ไม่รู้ตัว ตอนยืนมากองให้เห็นถึงจะรู้ อ้าว..ตายห่..เล็บหายไปอันหนึ่งแล้ว

อย่าพยายามเข็นมากนัก หากว่าพักได้รักษาได้ก็จัดการเสียก่อน ช่วยให้อยู่ในสภาพที่ไม่ชำรุดมากนัก ถ้าเราจำเป็นต้องใช้ต่อ จะได้อยู่ในลักษณะพอมีคุณภาพบ้าง ถ้าชำรุดมาก ๆ เดี๋ยวหมดคุณภาพขึ้นมา ก็รวนแย่เหมือนกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2013 เมื่อ 11:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #100  
เก่า 07-12-2013, 19:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,845 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อย่างกำหนดนั่งสมาธิครึ่งชั่วโมง เราเกิดฟุ้งซ่าน เราควรจะนั่งครบครึ่งชั่วโมงไหมครับ ?
ตอบ : ทำให้ครบ ตั้งใจว่าไม่ครบไม่เลิก ร่างกายของเราพอโดนบังคับเข้าบ่อย ๆ รู้ว่าไม่ถึงเวลาไม่ได้เลิก ท้ายสุดก็จะยอมรับเอง แต่ส่วนใหญ่พอกวนหน่อย เราก็..เลิกก็ได้วะ แบบนี้ก็เสร็จ..!

ถาม : อะไรกวนคะ ?
ตอบ : กิเลสกวน กิเลสที่อาศัยร่างกายเขาเรียก ขันธมาร กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในใจเรียกว่า กิเลสมาร กิเลสที่อาศัยผู้อื่นเขาเรียกว่า เทวปุตตมาร กิเลสที่อาศัยการปรุงแต่งของสภาพจิตใจของเรา ไม่ว่าจะไปในเรื่องของกุศล อกุศล เขาเรียก อภิสังขารมาร แล้วพวกสุดท้ายไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ก็พาเราตายไปเลย เรียกว่า มัจจุมาร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2013 เมื่อ 03:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:07



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว