กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

กระทู้ถูกปิด
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 05-11-2009, 08:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,351 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default งานกฐิน ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๒

หลวงปู่มหาอำพันท่านสั่งอาตมาเอาไว้ว่า "ตราบใดที่ยังบวชอยู่ ถ้าหากออกพรรรษาแล้ว ให้ไปกราบพระ ได้แก่ พระแก้วมรกต พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระปฐมเจดีย์ ทั้ง ๔ แห่งนี้ให้ได้ทุกปี"

อาตมาก็ทำมาตลอด คราวนี้ช่วงที่ไปกราบพระแก้วมรกตนั้น พอดีเป็นช่วงเวลาที่ตรงกับในหลวงประชวร ระหว่างที่กำลังตั้งใจสวดมนต์ถวายเป็นพุทธบูชาอยู่ พระท่านก็บอกว่า ระยะนี้วาระกรรมที่พวกเราได้ทำตั้งแต่อดีตมาสนอง ทำให้หลายต่อหลายท่านขาดความคล่องตัว โดยเฉพาะท่านที่มีกิจการเป็นของตนเอง พระท่านบอกว่า ถ้าเป็นไปได้ให้เข้ากรรมฐานก่อนกฐินสัก ๓ วัน เพื่อจะได้สงเคราะห์ญาติโยมที่มาทำบุญกฐิน ให้มีความคล่องตัวขึ้น

อาตมาเองก็มาดูว่าก่อนกฐิน ๓ วัน ก็คือ วันที่ ๒๐ , ๒๑ , ๒๒ ตุลาคมนั้น ปรากฏว่าวันที่ ๒๐ เป็นวันอังคาร ปกติแล้วอาตมาจะติดสอนพระนิสิตที่ห้องเรียน มจร.วัดไชยชุมพลชนะสงคราม ก็คิดว่าไม่น่าจะเข้ากรรมฐานได้ถึง ๓ วัน และอย่าไปหวังถึง ๗ วันเลย เพราะภารกิจต่าง ๆ มีเยอะมาก แต่ในเมื่อพระท่านสั่งก็ต้องรับไว้ก่อน ส่วนได้แค่ไหนค่อยมาแก้ไขเฉพาะหน้ากันอีกครั้งหนึ่ง

ในวันที่ ๑๖ ตุลาคม อาตมาเข้าประชุมเพื่อจัดตารางสอนร่วมกับคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เขาก็มอบหมายให้อาตมาสอนชั่วโมงสุดท้ายของวันอังคาร ซึ่งตรงกับวันที่ ๒๐ ตุลาคม ถ้าสอนชั่วโมงสุดท้ายกว่าจะเสร็จก็ตกประมาณหกโมงครึ่ง กว่าจะกลับไปถึงวัดก็ราว ๆ สองทุ่ม อาตมาก็คิดว่าจะทำกรรมฐานให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ก็แล้วกัน ตั้งใจว่าพอกลับมาก็เริ่มเข้ากรรมฐานเลย ก็ถือว่าเริ่มในวันที่ ๒๐ เหมือนกัน แม้ว่าจะไม่เต็ม ๓ วันก็ตาม

เมื่ออาตมารับตารางสอนมาแล้ว ประชุมเสร็จ เดินออกมาข้างนอก ปรากฏว่าเจ้าอ้อย (ศิรประภา เจ้าหน้าที่ธุรการ) มาถามว่า

" หลวงพ่อจะสอนวันไหนดีเจ้าคะ ?"
"เฮ้ย..เขาจัดให้ข้าแล้ว วันอังคารชั่วโมงสุดท้ายเลย"

"นั่นของปลอมค่ะ ของจริงหนูต้องเป็นคนพิมพ์"
"ถ้าเป็นไปได้ช่วยใส่ให้เป็นของวันจันทร์ได้ไหม ?"

"ทำไมหลวงพ่อต้องสอนวันจันทร์ ช่วยบอกเหตุผลด้วยค่ะ ถ้ามีคนถามหนูจะได้ชี้แจงได้"
"เพราะว่าทุกวันจันทร์ต้องมาส่งพระเข้าห้องเรียน วันอังคารก็ต้องมาสอน วันพุธต้องมารับพระกลับ ถ้าจะเดินทางทั้งสามวัน ค่าใช้จ่ายวันหนึ่งเกือบพัน..! ใครจะไปสู้ไหว"

"ถ้าอย่างนั้นหลวงพ่อเอาชั่วโมงแรกไปเลยนะคะ"
"ถ้าได้ก็ดี มาถึงสอนเสร็จก็กลับได้เลย"

อ้อยเขาก็จัดแจงบันทึกเอาไว้ว่าอาตมาสอนชั่วโมงแรก อาตมายังย้ำว่า "ห้ามเปลี่ยนใจนะ" " ไม่เปลี่ยนหรอกค่ะ เพราะหนูเป็นคนพิมพ์เอง"

อาตมาก็ทราบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่บังคับให้ทำอีกตามเคย เพราะหลายต่อหลายอย่างที่พระท่านสั่ง อาตมาพยายามเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็เปลี่ยนไม่ได้ ในเมื่อท่านสั่งต้องเป็นไปตามนั้นทุกครั้ง แม้กระทั่งเรื่องตารางสอน ตกลงกันในที่ประชุมแล้ว และเขาพิมพ์ออกมาอย่างดิบดีแล้ว ก็ยังเปลี่ยนแปลงได้ ก็ต้องใช้คำว่าธรรมะจัดสรร

เมื่อเป็นดังนั้นอาตมาซึ่งเจอมามากต่อมากแล้ว จะอวดดีแก้ไขอย่างไรก็ตาม ไม่สามารถที่จะแก้ไขของท่านได้เลย จึงต้องก้มหน้ารับกรรมไปโดยดี เพราะฉะนั้น..อาตมาจึงต้องเก็บตัวตั้งแต่เช้ามืดวันที่ ๒๐ ตุลาคมแล้วก็ออกมาเช้ามืดวันที่ ๒๓ ตุลาคม เป็นอันว่าครบ ๓ วันเต็ม ๆ ไม่ขาดไม่เกิน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2011 เมื่อ 03:20
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 05-11-2009, 08:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,351 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จากที่พระท่านบอกไว้เกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจของเรา จะเริ่มดีก็ต้องปี ๒๕๕๖ ไปแล้ว เราจะไปโทษนักการเมืองก็ไม่ได้ จะไปโทษภาวะเศรษฐกิจโลกก็ไม่ได้ เพราะทุกอย่างพวกเราทำมาเอง เมื่อถึงวาระผลกรรมอันนี้ก็ส่งผลมาถึงตัวเรา แต่ว่าสายของเรานั้นตามที่พระพุทธเจ้าท่านสงเคราะห์ให้ เราก็มีวิธีการที่จะผ่อนหนักเป็นเบาเป็นระยะ ๆ

โดยเฉพาะเมื่อปี ๒๕๒๘ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่าน ได้ขอให้บรรดาลูกหลานใช้พระคาถาเงินล้าน เพื่อเสริมสร้างความคล่องตัวในการดำเนินชีวิต พระท่านก็อนุญาตให้ เราจะสังเกตได้ว่า ใครก็ตามที่ทำพระคาถาเงินล้านเป็นกรรมฐานอย่างสม่ำเสมอ ความข้องขัดในการดำเนินชีวิตจะมีน้อยกว่าคนอื่นเขา ขอยืนยันคำว่าจริงจังและสม่ำเสมอ เพราะว่าเรื่องคาถาเป็นพื้นฐานของอภิญญา คนจะได้อภิญญาต้องมีความจริงจังและสม่ำเสมอ ไม่ใช่ทำ ๆ ทิ้ง ๆ เมื่อท่านทั้งหลายได้ทำจริงจังและสม่ำเสมอ โดยเฉพาะทำในจำนวนที่มาก อย่างเช่นว่าอาจจะภาวนาวันละ ๑๐๘ จบ เป็นต้น ก็จะมีความสะดวกคล่องตัวกว่าคนอื่นเขา

โดยเฉพาะอาตมานั้น ตั้งแต่ท่านบอกมา การภาวนาจากที่เคยใช้อยู่ ๙ จบ ก็เพิ่มมาเป็น ๓๐ จบ....
จากที่ใช้ ๓๐ จบ แล้วรู้ว่าเวลายังเหลืออีกเยอะ ก็เพิ่มเป็น ๓๐๐ จบ..!
ไล่มากเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็น ๓๖๐ จบ เป็น ๖๐๐ จบ เป็น ๙๐๐ จบเป็น ๑,๒๐๐ จบ เป็นต้น

การท่องให้ใช้วิธีท่องอย่างช้า ๆ โดยจับลมหายใจภาวนาไปด้วย เป็นการเน้นคุณภาพ ไม่ใช่จ้ำ ๆ ให้จบไป สักแต่ว่าเอาปริมาณ เรื่องของคาถาถ้าทำด้วยความเคารพ จริงจังและสม่ำเสมอแล้ว ไม่เกิน ๒ เดือนผลก็จะเกิดขึ้น

หลังจากที่ทดสอบแล้วว่าแต่ละวันสามารถทำสูงสุดได้เท่าไร จำนวนที่พอเหมาะพอดีก็อยู่ที่ประมาณ ๓๐๐ จบ เพราะว่าต้องทำงานอื่นด้วย ในจำนวน ๓๐๐ จบนั้น อาตมาแบ่งเป็น ๓ ชุด คือ ตอนเช้า ๑๐๐ จบ กลางวัน ๑๐๐ จบ ตอนเย็น ๑๐๐ จบ เวลาอื่นก็ทรงอารมณ์ทำงานไปตามปกติ อาตมาภาวนาอยู่ในลักษณะนี้ ๓ ปีติดกัน โดยใช้ลูกประคำในการนับจำนวนไปด้วย นับจนลูกประคำขาดไปหลายต่อหลายครั้ง บางทีก็เก็บลูกประคำคืนมาได้ไม่ครบ ต้องหาเสริมเข้าไป นับจนนิ้วมือด้านเป็นเม็ดเลย (หนังนิ้วหนาขึ้นมาในลักษณะด้านเหมือนคนทำงานหนัก)

หลังจากนั้นก็ทดสอบว่าวันหนึ่งทำได้เต็มที่ประมาณ ๑,๒๐๐ จบ แต่เวลาอย่างอื่นไม่เหลือเลย เพราะว่าเริ่มจากตี ๓ ไปสิ้นสุดเอาตอนประมาณ ๑ ทุ่ม ญาติโยมลองนับดูว่า ต้องใช้เวลาเท่าไรถึงภาวนา ๑,๒๐๐ จบ...ทำอยู่ประมาณสองเดือนเต็ม แต่เวลาทำงานอื่นไม่มี จึงเริ่มลดลงมา ระยะหลังนี่ใช้ว่า มีเวลาภาวนาเมื่อไรก็ใช้คาถาบทนี้

เห็นได้ชัดในเรื่องความคล่องตัวต่าง ๆ เนื่องจากออกจากวัดท่าซุงมา ใช้เวลา ๑๓ เดือน สร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมเกาะพระฤๅษี (ปัจจุบันคือสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี) เสร็จสิ้นเรียบร้อย มีอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ๑๓ หลังด้วยกัน ( ๑๓ เดือน สร้างได้ ๑๓ หลัง) ทั้ง ๆ ที่ช่างส่งงานไม่ตรงเวลาด้วย บางทีนัดกันไว้ ๔๕ วันก็เป็น ๖๐ วัน จนกระทั่งเขาเอาไปลือกันทั้งจังหวัดว่า ไม่เคยเห็นวัดไหนสร้างเร็วอย่างนี้ อาตมายืนยันว่าทุกวัดถ้าหากว่าเงินพร้อม คนพร้อม ของพร้อม สร้างได้เร็วอย่างนี้ทั้งนั้น ส่วนใหญ่จะไม่พร้อมตรงเงินเสียมากกว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2011 เมื่อ 03:25
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 22-11-2009, 08:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,351 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ช่วงนั้นพระปัจเจกพุทธเจ้าท่านมาโปรด ท่านบอกว่า "ถ้าภาวนาคาถาเงินล้านเป็นกรรมฐาน ทรงอารมณ์โดยไม่เคลื่อนเลยวันละ ๑ ชั่วโมง จะสร้างโบสถ์กี่หลังก็ทำได้"

หลังจากที่สร้างสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษีเสร็จแล้ว วัดอื่น ๆ ก็มาขอให้ช่วย วัดนั้นจะเอาโบสถ์หลังหนึ่ง วัดนี้จะเอาศาลาหลังหนึ่ง อาตมาทำให้ทั้งนั้น โดยเฉพาะวัดที่ต้องไปทุ่มเททำอย่างจริง ๆ จัง ๆ เหมือนเป็นวัดของตัวเองเลยมีอยู่ ๗ - ๘ วัดด้วยกัน อย่างวัดหนองบัวที่พม่าก็ดี หรือวัดพุทธบริษัทก็ดี อาคารสิ่งก่อสร้างหมดสภาพแล้ว ต้องรื้อทิ้งเหลือแต่พื้นดินเลย แล้วก็เริ่มต้นทำขึ้นมาใหม่ทั้งหมด

วัดพุทธบริษัทใช้เวลาสร้าง ๕ เดือนเศษ ๆ มีอาคารพอแก่การใช้งาน ยกเว้นไม่มีโบสถ์เท่านั้น แต่ว่าวัดหนองบัวนั้นสร้างอาคารหลังใหญ่มหึมามาก และข้าวของที่สั่งพม่านั้นหาได้ยาก ซื้อได้ยาก แพงอีกต่างหาก การขนส่งก็ลำบาก จึงใช้เวลาถึง ๓ ปีกว่าที่จะเรียบร้อย

เมื่อทำวัดวาอารามต่าง ๆ ความอัศจรรย์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเงินก็เกิดขึ้น บางช่วงเงินขาด แต่ต้องส่งค่างวดก็คือค่าวัสดุและค่าแรง ปรากฏว่า จู่ ๆ ก็มีโยมแบกเงินมา ๑ ล้านบาทมาถวาย ถามเขาว่าการทำบุญแบบนี้แม้จะเป็นเรื่องดี แต่ว่าตัวเองและคนรอบข้างเดือดร้อนหรือเปล่า ? ถ้าหากยังมีที่จำเป็นจะต้องใช้ ให้เอากลับไปใช้ก่อน เขาก็ยืนยันว่าไม่เดือดร้อน โดยใช้คำว่า "ทำงานมาทั้งชีวิตก็อยากจะทำบุญให้สะใจสักครั้งหนึ่ง" เป็นกำลังใจที่น่าโมทนามาก

ญาติโยมทั้งหลายนั้นแม้จะทราบว่าคาถาเงินล้านเป็นของดี แต่ไม่ค่อยจะทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ค่อยต่อเนื่อง บางคนก็มาบ่น บอกว่ามีความลำบากในการทำมาหากินมาก อาตมาก็บอกคาถาเงินล้านให้ไปใช้ เขาบอกว่าเขาภาวนาเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว ถามว่า "โยมภาวนาวันละกี่จบ ?" โยมบอกว่า "๑ จบ" อาตมาก็อยากจะบอกว่า "จบเห่..!"

คนอยากรวยทำงานวันละ ๑ นาที ขนาด ๒๔ ชั่วโมงทำ ๘ ชั่วโมง ยังไม่ค่อยจะพอกินเลย จึงได้บอกให้ญาติโยมทั้งหลายไปเพิ่มจำนวนขึ้น ทำให้จริงจังและสม่ำเสมอ โดยให้ยึดที่ ๑๐๘ จบ เป็นหลัก เพราะว่าภาวะเศรษฐกิจไม่ใช่แต่บ้านเราเท่านั้น เศรษฐกิจโลกก็พลอยแย่ไปด้วย ถ้าหากว่าเราอาศัยบารมีพระ ยึดท่านเป็นที่พึ่งสุดท้ายจริง ๆ ทำแบบมอบหมายถวายชีวิตจริง ๆ ขอยืนยันว่าทุกอย่างก็จะเป็นจริงไปด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2011 เมื่อ 03:27
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 23-11-2009, 08:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,351 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับช่วงที่เข้ากรรมฐานอยู่นั้น เมื่อวันแรกผ่านไป ช่วงเย็น ๆ เกิดมีความรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาอย่างหนึ่ง คือปวดหัวเหมือนโดนใครบีบขมับทั้งสองข้าง ก็สงสัยว่าเป็นเรื่องอะไร ปรากฏว่าหมอใหญ่ท่านก็มา ท่านบอกว่าสภาพร่างกายเป็นอย่างนั้นเอง ถ้าขาดอาหารร่างกายจะส่งสัญญาณทวง ส่วนใหญ่แล้วคนเราที่ตั้งใจจะอดอาหารแล้วอดไม่ได้ เพราะว่าทนการทวงของร่างกายไม่ไหว เมื่อทราบว่าเป็นเรื่องปกติของร่างกาย อาตมาก็บอกกับร่างกายว่า "ใจเย็น ๆ ไม่เกิน ๓ วัน เอ็งได้กินแน่" ปรากฏว่า รุ่งขึ้นก็เลิกทวงไปเลย

ความจริงถ้าเข้ากรรมฐานแบบไม่เอาร่างกายเลยก็จะไม่รู้สึก แต่อาตมาเป็นคนงานเยอะ ภารกิจมาก ก็ต้องทรงอารมณ์ไปด้วย ทำงานไปด้วย อยากจะบอกว่าทำงานได้มากกว่าที่โยมคิดในแต่ละวัน อย่างเช่นว่า ทำต้นฉบับของหนังสือกระโถนข้างธรรมาสน์เสร็จไปหนึ่งเดือน ตรวจเนื้อหาการอบรมพระที่เกาะพระฤๅษีเสร็จไปหนึ่งชุด ทำ power point ของการสอนในอาทิตย์ต่อไปเสร็จ จารตะกรุดมหาสะท้อนไปอีก ๓๐ ดอก แล้วเวลาที่เหลือก็ใช้ในการภาวนา เพราะว่าถ้าทำงานมากเกินไป ร่างกายที่ไม่มีอาหารอยู่เดี๋ยวจะประท้วงแย่ ที่ว่ามานี่ก็คือสิ่งที่ทำภายในวันเดียว

ส่วนเมื่อวานนี้ ก็เริ่มภาวนาตั้งแต่ ๕ ทุ่มเพราะว่าร่างกายที่ไม่มีอาหาร กายจะโปร่งเบา ไม่หนักด้วยอาหาร ทำให้มีสติ ภาวนาได้นาน

ภาวนาไปสองรอบ เนื่องจากอาตมาทำกรรมฐานเป็นชุด ๆ กำหนดไว้ว่าตอนนี้จะทรงอารมณ์ไปทางไหน ตอนนี้จะภาวนาไปทางไหน ทำไปสองรอบปรากฏว่าเกือบจะสิบโมงเช้า ใช้เวลาเกือบครบ ๑๒ ชั่วโมง หลังจากนั้นก็นั่งจารตะกรุดมหาสะท้อนได้อีก ๒๐ ดอก เสร็จแล้วมือล้า เป็นการประท้วงว่าไม่ไหวแล้ว เขียนต่อไปจะไม่ติดแล้ว แรงกดไม่มี

ต่อมาก็มาจารยันต์ครูซึ่งพระมาสั่งตอนต้นเดือนว่าให้ทำไว้ ถ้าจะสร้างวัตถุมงคลก็ให้หลอมไปเลย แล้วเก็บชนวนไว้ใช้ในครั้งต่อ ๆ ไป อาตมาได้รับการถวายทองคำมา ๕ บาท จากพระมหากวีศิลป์ วิสุทฺธกุโล และ คุณจักรพล พันธุ์ภักดีคุณ ตีแผ่แล้ว กว้าง ๙ นิ้ว ยาว ๙ นิ้ว ก็นั่งจารยันต์ไป มียันต์พุทธนิมิตมหามงคล ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านทำเอาไว้ อาตมามีตัวอย่างอยู่ชิ้นเดียว ไม่มีโอกาสถามหลวงพ่อว่ามีอานุภาพทางด้านไหน ? แต่คาดว่าคงจะครอบจักรวาล ก็คือใช้ได้ทุกเรื่อง

เนื่องจากว่าอาตมาไปค้นสมบัติพ่อโดยอ้างว่าช่วยทำความสะอาด (ใครอย่าเลียนแบบ เลียนแบบละก็เจอแน่ สงวนลิขสิทธิ์ห้ามเลียนแบบ) จึงไปเจอยันต์อยู่ผืนหนึ่ง เป็นผ้าแดงสองชั้นซ้อนกัน โดนหนูลากไปทำรัง อาตมาก็ล้วงรูหนู ปรากฏว่าเจอผ้ายันต์โดนกัดขาดกะรุ่งกะริ่ง แต่อัศจรรย์ตรงที่ว่าตัวยันต์ยังอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ อาตมาจำลายมือของหลวงพ่อได้ ก็เลยลอกแบบเอาไว้ แม้จะไม่รู้วิธีใช้ก็ตาม ตอนหลังโยมพี่ก็คือ คุณวิไลวรรณ ภูมิธเนศขอผ้ายันต์ไป อาตมาก็เหลือแต่แบบเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2011 เมื่อ 03:32
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 23-11-2009, 09:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,351 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ขณะที่จะจารยันต์อันต่อไป นึกไม่ออกว่าจะลงยันต์อะไรดี หลวงพ่อท่านบอกว่า "แกเคยเอายันต์ของข้ามาชิ้นหนึ่งจำได้ไหม ?" กราบเรียนท่านว่า "นึกไม่ออกครับ.." ท่านบอกว่า "แผ่นใหญ่ที่มียันต์หลายอย่างรวมกัน.." อาตมานึกออกทันทีว่า เคยคิดค่าเฝ้าหน้าห้องของท่านมา ก็ไปค้นดู โชคดีที่เจอ ยันต์ใส่อยู่ในซองพลาสติกแต่ว่าซองพลาสติกนั้นกรอบหมดแล้ว ถ้าหยิบก็แตกเลย

อาตมากางออกมาดู ปรากฏว่ามียันต์อยู่ ๕ ชนิดด้วยกัน ซึ่งหลวงพ่อท่านเขียนหมายเลขกำกับ ๑ ๒ ๓ ๔ และมีตัวหนังสือกำกับไว้เล็กน้อย อย่างเช่นว่า
หมายเลข ๑ คือ ยันต์ปัญจพุทธามหามงคล ท่านบอกว่า ป้องกันอันตรายและเป็นมงคลทุกประการ ยันต์ตัวนี้เป็นยันต์ที่อาตมาเขียนลงตะกรุดมหาสะท้อนตามแบบหลวงพ่อตลอดมา

หมายเลข ๒ คือ ยันต์ศัตรูพินาศ ใครคิดจะทำอันตรายต่อเรา เขาจะแพ้ภัยตัวเอง เป็นยันต์ของท่านปู่ท้าวมหาชมภู

หมายเลข ๓ เป็นยันต์มหาเศรษฐี ท่านวงเล็บไว้ว่า เงินไม่ขาดมือ ยันต์นี้อาตมาเคยเห็นและเคยใช้มาแล้ว

หมายเลข ๔ เป็นยันต์กันโรคระบาด ของท้าวเวสสุวรรณ

หมายเลข ๕ เป็นยันต์ป้องกันอันตรายทั้งปวง ของท่านปู่พระอินทร์ ซึ่งหลวงพ่อท่านเอามาลงเป็นธงเขียว

เมื่ออาตมาเห็นแล้วจำขึ้นใจทุกอัน เพราะเคยเขียนมาชนิดช่ำชองแล้ว จึงนั่งเขียนยันต์ลงแผ่นทอง ปิดท้ายด้วยพระคาถาเงินล้าน หมดทุกตารางนิ้วพอดี ต่อไปนี้ถ้าหากจะหล่อพระก็จะค่อย ๆ เอากรรไกรตัดลงมาทีละนิด คาดว่าคงจะหากินได้หลายปี..(หัวเราะ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2011 เมื่อ 03:34
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 23-11-2009, 09:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,351 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อจารยันต์ครูเสร็จ อาตมาก็ทำกรรมฐานรอบกลางวันต่อ เมื่อทำกรรมฐานรอบกลางวันเสร็จ คราวนี้งานหนักรออยู่ เพราะว่าตะกรุดมหาสะท้อน ๕๐ ดอกที่จารไว้ยังไม่ได้ม้วนเลย ต้องมานั่งม้วนตะกรุดมหาสะท้อน กว่าจะเสร็จก็สองชั่วโมง ม้วนจนเจ็บนิ้ว หลังจากนั้นก็ขึ้นไปตรวจงานต่อ เพราะว่างานด้านเอกสารมีมากเหลือเกิน

ทุกวันนี้งานชุดใหญ่ ๆ ที่เตรียมเอาไว้เพื่อจะำนำทยอยลงในกระโถนข้างธรรมาสน์ มีเรื่องที่ออกธุดงค์ ใช้ชื่อว่าชุด "ท่องไปในโลกกว้าง" ประมาณ ๑๐ กว่าตอน บางตอนยาวมากเพราะว่าอยู่ในป่าเป็นเดือน ๆ อีกชุดหนึ่งคือ ชุดการอบรมพระที่เกาะพระฤๅษี ตอนนี้เพิ่งจะทำเสร็จเรียบร้อยไปแค่ ๓ เดือน คือเดือนมิถุนายน - เดือนสิงหาคม ๒๕๕๐

อาตมาอยากจะทำตำราให้เป็นมาตรฐานตามแบบนักวิชาการ จึงมีการอ้างอิงพระไตรปิฎก อรรถกถา และตำราต่าง ๆ เช่น ปกรณ์วิเศษวิสุทธิมรรค เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2011 เมื่อ 03:35
สมาชิก 135 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 23-11-2009, 10:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,351 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เนื่องจากทางด้านคณะของท่านรัตน์ (ตอนนี้เป็นทิดรัตน์ไปแล้ว) และคณะของคุณชัยรัตน์ ธรรมทัตโต(คุณซัน ลูกเจ้าคุณนรฯ) ตั้งใจจะสร้างวัตถุมงคลสำหรับงานกฐินปีหน้า ซึ่งจริง ๆ แล้ววัตถุมงคลชิ้นนี้อาตมาไม่ได้คิดจะทำ แต่ก็เห็นว่าจะต้องมีเหตุทุกครั้งเหมือนกัน จนกระทั่งท่านรัตน์บอกว่าพระอุปคุตท่านมา ก็เลยอยากทำวัตถุมงคลถวายท่านสักชุดหนึ่ง อาตมาก็บอกให้ไปลองจัดการทำแบบดู

ปรากฏว่ามีปัญหากับทางโรงงาน ไปเจอความไม่ตรงไปตรงมาของทางด้านโรงหล่อ ไม่ทราบว่าเขาจะเอาแบบไปปั๊มให้อีกสักกี่เจ้าก็ไม่รู้ ? จึงตัดสินใจว่าไม่ทำดีกว่า ตั้งแต่ตอนทำพระขรรค์โสฬสแล้ว ทางเราสั่งทำพระขรรค์ ๘ ซ.ม. แต่เขามีพระขรรค์ ๑๖ ม.ม. ตามมาด้วย และจำหน่ายเป็นสาธารณะ ทั้ง ๆ ที่มีหนังสือสัญญาระบุไว้ว่าห้ามทำซ้ำ พระขรรค์ของเราขนาด ๘ ซ.ม. เพราะฉะนั้นขนาด ๑๖ ม.ม. ไม่ใช่ของเรา แล้วก็ไปโหนกระแสในเว็บ ซึ่งมีความต้องการพระขรรค์โสฬสเป็นอย่างยิ่ง จำหน่ายกันสนุกไปเลย

ส่วนหนึ่งที่เขาถวายมาเพื่อร่วมงานกฐินปลดหนี้ของตุ๊ป้อมหาสิงห์ ถ้าจำไม่ผิด น่าจะถวายมาสามร้อยเล่ม ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาทำจริง ๆ ออกมาเท่าไร ตอนแรกคุณซันบอกว่าจะตั้งราคาสักหนึ่งพันบาทหรือห้าร้อยบาท เพราะว่าเป็นที่ต้องการมาก อาตมาถามว่า "ทางโรงงานเขาจำหน่ายออกราคาเท่าไร ?" คุณซันบอกว่า "๑๙๙ บาท" อาตมาจึงบอกไปว่า "ถ้าอย่างนั้นของเรา ๒๐๐ บาทพอ" เพราะว่าถ้าเราตั้งราคา ๕๐๐ บาทเขาจะกระโดด ๕๐๐ บาทตาม ถ้าเราตั้ง ๑,๐๐๐ บาทเขาก็จะ ๑,๐๐๐ บาทตาม

เมื่อไม่ตรงไปตรงมา ท่านรัตน์ก็มาปรารภว่า "เลิกคบกับมันดีกว่า.." อาตมาว่า "จะเอาอย่างนั้นก็ได้" แล้วมาสงสัยว่า แล้วกฐินปีหน้าจะมีอะไรแจก ? ปรากฏว่าตอนนี้ได้แล้ว ตอนเข้ากรรมฐานท่านบอกให้ทำเป็นพระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้าน

โดยแบ่งออกเป็นสองส่วนด้วยกัน ส่วนหนึ่งสำหรับแจกในงานกฐิน อีกส่วนหนึ่งเอาไว้แจกในงานทำบุญครบรอบ ๖๐ ปีของแม่ชีชื่นทางวัดท่าขนุนนี้ ซึ่งอาตมาตั้งใจจัดงานให้อยู่แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2011 เมื่อ 03:38
สมาชิก 129 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 23-11-2009, 17:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,351 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของแบบนั้น ได้แบบที่ถูกใจมาเป็นพระปิดตาองค์เล็ก ๆ ไม่ใหญ่ ถ้าจะเอาไปเลี่ยมทองหรือฝังเพชร จะได้ไม่ต้องหมดมาก ด้านหลังก็จะลงเป็นยันต์มหาเศรษฐีของหลวงปู่ปาน ซึ่งท่านยืนยันว่าถ้าบูชาด้วยความเคารพเงินจะไม่ขาดมือ

ส่วนงานต่อไปที่ได้มาก็คือ วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๓ ให้จัดงานเป่ายันต์เกราะเพชรเพื่อสงเคราะห์ญาติโยมด้วย จึงประกาศล่วงหน้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเลยว่า วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๓ มีงานเป่ายันต์เกราะเพชร ซึ่งตรงกับวันขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ เสียดายว่าไม่ใช่ปีที่ ๕ เพราะถ้าเป็นปีมะโรงจะเป็นปีที่ ๕

วันกับเดือนถ้าตรงกันโบราณเขาว่าแรงเป็นสองเท่า เขาเรียกว่ากระทิงวัน ถ้าวันเดือนปีตรงกัน ท่านเรียกว่า ตรีวัน แรงเป็นสามเท่า พระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้าน จะนำเข้าพิธีตอนช่วงนั้น และอาตมาตั้งใจแล้วว่า ยันต์ครูที่ทำไว้จะถลุงให้เกลี้ยงไปเลย นอกจากที่ตัวเองจารไว้เองแล้ว ยังมีที่ท่านอื่นช่วยจารไว้หลายต่อหลายอย่างด้วยกัน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นยันต์ของหลวงพ่อ

มีที่อาตมาทำไว้ตั้งแต่สมัยอยู่วัดท่าซุงและนำเข้าพิธีของหลวงพ่อวัดท่าซุงมาตลอดอยู่ ๓ ชิ้น ซึ่งประกอบด้วยยันต์เกราะเพชร ยันต์กันไฟไหม้ กันฟ้าผ่า และคาถาเงินล้าน ก็กะว่าลงทีเดียวให้หมดไปเลย แล้วหลังจากนั้นก็เก็บชนวนเอาไว้ ทำแบบหลวงพี่องอาจ (พระครูวินัยธรองอาจ อาภากโร) ท่านได้ชนวนสมเด็จองค์ปฐมจากวัดท่าซุง ถึงเวลาท่านไปหล่อพระ เห็นท่านหยิบชนวนขึ้นมา อาตมาก็นึกว่าจะลงทั้งหมด เปล่า..พี่ท่านจัดการฝนเอามาผสมครั้งละนิดเดียว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2011 เมื่อ 03:40
สมาชิก 133 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 24-11-2009, 01:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,351 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พอเริ่มเข้ากรรมฐานรอบสุดท้าย ท่านให้ภาวนาคาถาเงินล้านอย่างเดียว ตอนที่ภาวนาตามที่ท่านสั่ง ทำไป ๆ เหมือนกับตัวเองดิ่งลึกลงไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดลมหายใจก็ลึกหมือนกับเหวที่ไม่มีก้น ญาติโยมทั้งหลายจำตรงนี้ไว้ให้แม่น ๆ หากว่าภาวนาจับลงที่ศูนย์กลางกาย ถ้าตรงจุดพอเหมาะพอดีก็จะลึกลงไปเรื่อย ๆ เหมือนกับเหวที่ไม่มีก้น แบบที่หลวงปู่สดท่านบอกว่าให้หยุดลงตรงกลางของตรงกลาง ก็จะลงไปได้เรื่อย ๆ อาตมาเองมีประสบการณ์หลายครั้งแล้วว่า ไม่ว่าภาวนาคาถาบทไหนก็ตาม ถ้าหากว่ามาถึงตรงจุดนี้ คาถาบทนั้นจะมีผลมาก เพราะฉะนั้น..พวกเราทุกคนทำให้ถูกตรงจุดนี้ ถ้าทำถูกไม่ต้องไปท่องเป็นร้อยเป็นพันจบก็ได้ เพราะว่าอารมณ์เต็มที่ก็จะไม่เกินนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2011 เมื่อ 03:42
สมาชิก 137 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 24-11-2009, 01:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,351 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อารมณ์ใจที่เป็น รัก โลภ โกรธ หลง เกิดจากการปรุงแต่งทั้งนั้น ถ้าเราไปคิดในแง่ดีก็จะเป็นราคะ คิดในแง่ร้ายก็เป็นโทสะ ถ้าหยุดคิดได้ก็เริ่มมีจุดยืนของตัวเอง ฉะนั้น..เลิกคิดได้เมื่อไรก็สบาย คำว่าเลิกคิดก็คือเลิกปรุงแต่งนะจ๊ะ

ปรุงในด้านดี เว้นการปรุงในด้านไม่ดี และท้ายสุดเว้นการปรุงทั้งด้านดีและไม่ดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2011 เมื่อ 03:43
สมาชิก 130 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 24-11-2009, 02:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,351 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก่อนที่จะเข้ากรรมฐานนั้น หลวงปู่ครูบาชุ่ม วัดวังมุย ท่านมาบอกว่าให้ใช้คาถาของท่านด้วย พอได้ยินว่าคาถาของท่านด้วยนี่อาตมาเข้าใจเลย

ท่านมีคาถาอยู่บทหนึ่ง เรียกว่า คาถาขับมาร ความจริงมารไม่ต้องไปขับหรอก..ขับได้ยาก ต้องเรียกว่าอาศัยบารมีพระท่านสงเคราะห์ ให้ว่าคาถาของท่านแล้วโบกมือไปทั้งสี่ทิศ จะเป็นการป้องกันเขตนั้นไว้ สิ่งที่ไม่ดีจะเข้ามากวนไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2011 เมื่อ 03:43
สมาชิก 131 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 24-11-2009, 10:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,351 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนของกฐินนั้นเป็นบุญสังฆทานและเป็นบุญพิเศษ เพราะว่าจำกัดด้วยเวลา ปีหนึ่งมีเวลาทำแค่ ๒๙ วันเท่านั้น จึงมีอานิสงส์มากเป็นพิเศษ

สำหรับกฐินหลวงนั้นมีทั้งกฐินต้น คือ กฐินที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปทอดด้วยพระองค์เอง มีกฐินพระราชทานที่พระองค์ท่านพระราชทานผ้าให้พระบรมวงศานุวงศ์เสด็จไปทอดแทน

ในส่วนของกฐินราษฎร์นั้นมีจุลกฐิน เป็นกฐินที่ต้องเตรียมการให้เสร็จภายในวันเดียว โดยเก็บฝ้าย ดีดฝ้าย ปั่นด้าย ทอและย้อม ตัดเย็บเป็นจีวรหรือสบงผืนใดผืนหนึ่ง ซึ่งจุลกฐินนี้แสดงออกซึ่งความสามัคคีในหมู่ศาสนิกชน ต้องใช้กำลังคนมากเป็นพิเศษ คนปั่นด้ายและคนทอแต่ละคนต้องมีความคล่องตัว ชนิดที่ว่าอย่างน้อย ๆ ระยะเวลาครึ่งวันต้องทอผ้าได้ประมาณ ๒ ศอก เมื่อคนเป็นจำนวนมากช่วยกันทอผ้าได้คนละ ๒ ศอกแล้ว จึงนำมาเย็บแล้วตัดเย็บเป็นผ้าจีวร ผ้าจีวรนั้นจะประกอบขึ้นมาจากผ้าหลายชิ้นรวมกัน แล้วก็ถวายเป็นผ้ากฐินให้พระสงฆ์อนุโมทนาและกรานในวันนั้น

จุลกฐินปัจจุบันนี้หายากแล้ว ในประเทศไทยเหลือแค่ไม่ถึง ๑๐ แห่งที่ยังทำอยู่ เพื่อนของอาตมาคือ พระครูภัทรกิจพิศาล วัดไผ่หูช้าง อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ยังทำอยู่เป็นประจำ เพราะว่าแถววัดไผ่หูช้างนั้นมีชาวไทยทรงดำ หรือเรียกว่าลาวโซ่ง อยู่มาก ท่านทั้งหลายเหล่านี้มีพรสวรรค์พิเศษในการทอผ้า ยังสืบทอดกันอยู่โดยไม่ได้ทอดทิ้ง เมื่อท่านทั้งหลายเหล่านี้สามารถที่จะทอผ้าได้เก่งก็สามารถที่จะจัดจุลกฐินได้ แต่ว่าจุลกฐินของวัดไผ่หูช้างนั้น ทอดด้วยผ้าสบง ๑ ผืน แต่เป็นสบงที่ถูกต้องตามพุทธานุญาต คือ ประกอบขึ้นจากผ้าหลายชิ้น ถ้าทอเป็นจีวรกลัวจะเสร็จไม่ทัน กฐินหลวงบางแห่งก็ถวายเป็นผ้าขาว แล้วให้ไปย้อมเพื่อทำเป็นผ้ากฐินในวันนั้น

ส่วนกฐินราษฎร์อีกแบบหนึ่ง ก็คือ กฐินสามัคคี อย่างที่พวกเราทำกัน บางท่านก็เรียกเป็นมหากฐิน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2011 เมื่อ 03:47
สมาชิก 117 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 24-11-2009, 11:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,351 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โยมจ๋า...มีงานใหญ่รออยู่ ปี ๒๕๕๗ ครบรอบ ๑๐๐ ปีของหลวงปู่สาย อาตมาจะบวชพระถวายหลวงปู่สาย ๑๐๐ รูป เพราะฉะนั้น..เตรียมตัวเตรียมใจสมัครตั้งแต่ตอนนี้เลย รับสมัครท่านที่อายุตั้งแต่ ๒๐ ปีเต็มขึ้นไปจนกระทั่งถึง ๑๐๘ ปี เกินกว่านั้นไม่รับจ้ะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2011 เมื่อ 03:48
สมาชิก 122 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 24-11-2009, 11:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,351 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วัตถุมงคลที่แจกนี้ นอกจากจะเข้าพิธีเสาร์ห้า เข้าพิธีโสฬสแล้ว ยังนำเข้างานกรรมฐานสามวันของอาตมาด้วยจ้ะ ได้ไปแล้วทำเครื่องหมายพิเศษด้วยว่าได้จากวันนี้




__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-11-2009 เมื่อ 11:58
สมาชิก 123 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 24-11-2009, 12:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,351 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของสภาพร่างกาย ต้องบอกว่าโยมอย่าไปถามหรือตามนึกถึงมากนัก ถ้ายังตามนึกถึง ก็จะคอยแต่กวนอยู่เรื่อย ๆ มีเวลากินก็กิน มีเวลาพักก็พัก แต่ถ้ากินแล้วยังบอกว่าไม่พอ พักแล้วยังบอกว่าไม่พอ ก็ไม่ต้องไปฟัง..!

ถ้าเราไปห่วงใยอยู่ โอกาสที่จะหลุดพ้นจากก็ยาก เรื่องของการปฏิบัติธรรม หรือการดำรงชีวิต จริง ๆ ก็ใช้หลักการอันเดียวกันคือ ให้เข้มงวดต่อตนเองและผ่อนปรนต่อผู้อื่น ถ้าเมตตาก็ให้เมตตาคนอื่น อย่าเมตตากับตัวเองมากนัก เดี๋ยวจะได้ใจ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2011 เมื่อ 03:50
สมาชิก 122 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 24-11-2009, 12:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,351 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โยมที่ทำงานโดยเฉพาะงานบริการ ให้หัดสังเกตอารมณ์ใจตัวเองไว้ด้วย เราต้องสามารถสงเคราะห์คนให้เท่าเทียมกัน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่ใช่คนนี้สวยหน่อยเราก็เมตตา คนนี้ไม่สวยเราไม่เมตตา คนนี้ท่าทางรวยหน่อยก็เมตตา คนนี้แต่งตัวซอมซ่อมเราเมตตาไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้แสดงว่ากำลังใจแย่มาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2011 เมื่อ 03:50
สมาชิก 126 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 24-11-2009, 13:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,351 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ญาติโยมทั้งหลายที่เดินทางมาทั้งใกล้และไกล ตั้งใจมาเพื่อทำบุญกฐิน แสดงว่าพวกเรามีบารมี ก็คือ กำลังใจที่เข้มแข็งมาก โดยเฉพาะท่านเจ้าภาพ ก็คือครอบครัวของนายแพทย์ประสิทธิ์ จงเสริมศิริสกุล ท่านเป็นเจ้าภาพทอดกฐินที่นี่มาตั้งแต่ปีแรก ๆ จนบัดนี้ พูดง่าย ๆ ว่าเป็นเจ้าภาพตั้งแต่ลูกยังเล็ก ๆ จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ลูกเรียนปริญญาตรี เรียนปริญญาโทแล้ว

การที่ท่านทั้งหลายเดินทางมา ถ้านับตั้งแต่กรุงเทพฯ ก็ไม่ใช่ระยะทางที่ใกล้ ๆ แล้ว เนื่องจากว่าระยะทางกรุงเทพฯ - กาญจนบุรี ๑๒๙ กิโลเมตร , กาญจนบุรี-ทองผาภูมิ ๑๔๐ กิโลเมตร นอกจากระยะทางจะยาวแล้วยังขับรถยาก ตอนช่วงเช้ามีหมอกมาก ทางขึ้นเขาก็คดเคี้ยวด้วย แต่ว่าท่านทั้งหลายก็มาได้ทุกปี แสดงออกซึ่งกำลังใจอันแน่วแน่ ถ้าหากว่าเป็นกำลังใจในภาษาบาลีเขาเรียกว่า บารมี บารมีถ้าหากว่าไม่เข้มข้นพอจะทำอย่างนี้ไม่ได้

หลายต่อหลายท่านด้วยกัน มาไกลชนิดสุดเหนือสุดใต้ โดยเฉพาะญาติโยมจากปักษ์ใต้ ตั้งแต่สุไหงโกลกขึ้นมา ยะลา หาดใหญ่ ตรัง ภูเก็ต ฯลฯ ท่านทั้งหลายเหล่านี้มักจะมาก่อนเวลาด้วย คือ มาค้างก่อนสัก ๑ - ๒ วัน เป็นปรกติ ถ้ากำลังใจไม่เป็นปรมัตถบารมี คือ เข้มข้นสูงสุดพอเพียงจะทำเช่นนี้ไม่ได้

ตอนนี้กำลังใจในเรื่องทานบารมีของพวกเราเข้มข้นพอ ไม่ว่าไปอยู่ในสถานที่ใดเราก็พร้อมที่จะเสียสละ การสละออกนี้ที่เห็น ๆ อยู่ คือสละทรัพย์ ทรัพย์สินเงินทองที่เราหามาได้โดยยาก สละออกเป็นการตัดความโลภในจิตในใจเราได้ ถ้าหากเป็นกำลังใจของพระโพธิสัตว์จะสละได้แม้แต่อวัยวะหรือชีวิต ของเราก็อยู่ในลักษณะเดียวกัน ต้องเดินทางมาไกล ไม่แน่ว่าอุบัติเหตุใด ๆ จะเกิดขึ้นหรือเปล่า ? จะมีการบาดเจ็บล้มตายหรือไม่ ? แต่เราก็ตัดใจมา ก็แปลว่ากำลังใจของเราเข้มข้นแล้ว เหมือนพระโพธิสัตว์ คือสามารถสละทรัพย์ได้ สละอวัยวะได้ สละชีวิตได้

ถ้ากำลังใจของเราถ้าเข้มข้นอยู่ในระดับนี้ ไม่ห่วงใย ไม่กังวลในชีวิตบั้นปลายของพวกเราแล้ว ถ้าหากว่าเรามีปัญญาเพิ่มเข้าไปนิดหนึ่ง เห็นว่าร่างกายนี้มีความทุกข์อยู่เป็นปกติ แม้การทำบุญของเราก็ประกอบไปด้วยความทุกข์ เรามีความปีติรื่นเริงอิ่มใจ อยากทำบุญไม่รู้จักเหนื่อยจักเบื่อก็ตาม แต่ว่าการเดินทางไปไกลทั้งกลางวันกลางคืนก็ต้องเหนื่อยต้องเพลียเป็นปกติ เราก็จะเห็นได้ว่าร่างกายนี้มีแต่ความทุกข์

แต่ท่านทั้งหลายล่วงความทุกข์นั้นได้ คือ ลำบากแค่ไหนก็ขอให้ได้ทำบุญ กำลังใจอย่างนี้ถ้าหากตั้งใจไว้ว่า ร่างกายที่เต็มไปด้วยความทุกข์นี้เราไม่ต้องการอีก ถ้าหากสิ้นชีวิตลงเมื่อใดก็ตาม เราปรารถนาที่เดียวคือพระนิพพาน ถ้ากำลังใจของเราปักแน่วแน่มั่นคง ตอนที่เราจะตายสามารถยึดเกาะอย่างนี้ได้ สามารถคิดแบบนี้ได้ ถึงวาระเราก็จะไปนิพพานได้ง่าย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2011 เมื่อ 03:52
สมาชิก 115 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 24-11-2009, 14:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,351 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เราจะเห็นได้ว่า ทานเป็นปัจจัยให้เราละความโลภได้ก็จริง แต่ว่าเราสามารถนำเอาทานบารมีตรงนี้มาส่งให้เรามีศีล มีภาวนาได้

คำว่าศีลก็คือ การที่เราตัดใจ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม โกหกมดเท็จและดื่มสุราเมรัย ซี่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ถ้าไม่ใช่คนกำลังใจเข้มแข็งก็จะทำไม่ได้ แต่ว่าท่านทั้งหลายมีกำลังใจเข้มแข็ง ตัดใจในการสละทรัพย์ได้ สละอวัยวะได้ สละชีวิตได้ เรื่องของศีลก็เป็นเรื่องเล็ก เราต้องรักษาได้อย่างแน่นอน

อย่างการภาวนาก็คือการที่เราเห็นว่า การทำบุญนี้ประกอบด้วยทุกข์เป็นปกติ ขึ้นชื่อว่าโลกที่มีแต่ความทุกข์เช่นนี้เราไม่ต้องการมาเกิดอีก ร่างกายที่มีแต่ความทุกข์เช่นนี้เราไม่ต้องการอีกแล้ว เราปรารถนาที่เดียวคือนิพพาน ทุกอย่างที่เราทำ เราตั้งความปรารถนาไว้ว่า ขอพระนิพพานแห่งเดียว การที่เราตั้งเป้าหมายสูงสุดนั้น ตลอดระยะทาง เรามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเราก็จะพบ เราก็จะเห็น และเราก็จะได้สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเองโดยอัตโนมัติ

ฉะนั้น..ท่านทั้งหลายที่มาทำบุญกฐินที่เกาะพระฤๅษีแห่งนี้ก็ดี หรือกฐินสามวัดที่วัดท่าขนุนก็ดี รวมแล้ววันนี้เราสร้างอานิสงส์ในสังฆทานพิเศษ คือ ทำบุญกฐินสี่วัดด้วยกัน ขณะเดียวกันถ้าเราคิดเป็น ทำเป็น เราก็จะสามารถใช้บุญกฐินนี้ ส่งผลให้เราเป็นผู้มีศีล สมาธิ และปัญญา และท้ายสุดตั้งความปรารถนาสุดท้ายไว้ที่พระนิพพาน ถ้าท่านทั้งหลายสามารถรักษากำลังใจได้เช่นนี้ตลอดเวลา ชาตินี้ท่านทั้งหลายไม่พลาดจากพระนิพพานอย่างแน่นอน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2011 เมื่อ 03:54
สมาชิก 126 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
กระทู้ถูกปิด


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:57



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว