กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 16-01-2009, 15:41
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 259
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,225 ครั้ง ใน 1,280 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default รู้สึกว่าตัวเองดีเมื่อไร ให้รู้ว่าตัวเองใกล้พังเต็มทีแล้ว

ถาม : (พระหลวงตาถามปัญหา)

ตอบ : หลวงตาครับ... อะไรบางอย่างที่เกิดขึ้น จริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องของเรา ถ้าหากว่าเรารับเข้ามา ก็จะทำให้เราวุ่นวายเสียเปล่า ๆ สำคัญที่สุดคือ ต้องรักษาใจของเราให้ดี ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูกหรอกครับ เป็นสมมติทั้งนั้น ทุกคนต่างเห็นว่าสิ่งที่ตนเองทำดีแล้วทั้งนั้นถึงได้ทำ แต่จริง ๆ แล้ว อาจดีแค่นั้น ถูกแค่นั้น ส่วนที่ดีกว่านั้น ถูกกว่านั้นยังมี เราต้องหาให้เจอ

สิ่งที่บรรพชิตต้องพิจารณาเนือง ๆ หลวงตาคงเคยศึกษามา ที่บอกว่า กาย วาจา ใจ ที่ดีกว่าอย่างนี้ยังมีอยู่ เราต้องทำ กาย วาจา ใจ เหล่านั้นให้ได้ เราติตัวเราเองโดยศีลได้หรือไม่ ? ผู้รู้ใคร่ครวญแล้วติเราโดยศีลได้หรือไม่ ? สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราสมควรจะต้องทำ เรื่องอื่นจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ถ้าตราบใดที่เรายังหวังพึ่งพิงคนอื่นอยู่ ตราบนั้นเราก็ยังเดินเองไม่ได้ ยืนเองไม่ได้ คนอื่นจะเป็นแบบอย่าง จะเป็นบทเรียน จะเป็นสิ่งที่เราอาศัย เพื่อก้าวไปสู่จุดหมายสิ่งที่เราต้องการ ต่อให้เป็นกัลยาณมิตรที่เป็นครูบาอาจารย์ก็ตาม เพื่อนสหธรรมมิกก็ตาม สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราอาศัยได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น สุดท้ายก็ต้อง อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตนเอง

เพราะฉะนั้น..สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น บอกตรง ๆ ว่าเป็นเรื่องของคนอื่นทั้งนั้น ไม่ใช่ของเรา ใครเขาจะมีความคิดอย่างไร ใครเขาจะมีความเห็นอย่างไร ก็ไม่ต้องไปฟุ้งซ่านตามเขา รักษาใจของเราให้ดีก็พอ ปกติของเราบางทีก็อดไม่ได้ ถึงเวลาก็ต้องคิดบ้าง..ใช่ไหม ?

ถาม : เข้าใจแล้วครับ ?

ตอบ : ของเราเองก็ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก ใครจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา เรามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งก็พอ เรื่องแบบนี้ต่างคนต่างความเห็น ต่างคนต่างความคิด ประเภทความเห็นไม่ตรงกัน สำหรับฆราวาส การพนันก็เลยเกิดขึ้น..ใช่ไหม ? สำหรับของพระ ความเห็นไม่ตรงกันขัดคอกันก็มี อยู่สุขอยู่สบายเกินไปก็ไม่ใช่โลกสินะ คำว่าโลกนี้เป็นทุกข์ครับ อนิจจัง ไม่เที่ยง ทุกขัง เป็นทุกข์ อนัตตา ไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายได้ ผมเองนอนป่วยอยู่โรงพยาบาล พอได้ข่าวก็ เออ..ชักจะไปกันใหญ่แล้ว

ถาม : .....................................

ตอบ : มารเขาจะพยายามดึงเราออกจากความดีทีละนิด ๆ โดยเฉพาะเขาจะให้ความสามารถจนเรานึกไม่ถึง แต่ไม่ใช่ความสามารถจริง ๆ ของเรา เป็นความสามารถที่เขาให้ แล้วเขาจะดึงเราให้เป๋ไปจากพระธรรมวินัยไปทีละน้อย ๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ตัวก็เสร็จเขาไปแล้ว

แล้วส่วนอื่นทั้งหมดจะเป็นลักษณะที่ว่า ทำเพื่อคนอื่น ทำเพื่อสงเคราะห์เขา ซึ่งเป็นจริตนิสัยของตัวเอง แต่ว่าลักษณะของการทำไปทำมา มารเขาจะชักให้เป๋ไปได้เอง

คนเรามีวิสัยทางด้านไหน เขาก็จะเอาตัวนั้นแหละมาหลอก ส่วนนี้ต้องระวังให้มาก ๆ เชื่อตัวเองไม่ได้เด็ดขาด รู้สึกว่าตัวเองดีเมื่อไร ให้รู้ว่าตัวเองใกล้พังเต็มทีแล้ว

สมัยก่อนผมเคยเตือนท่านทีหนึ่ง จนท่านไม่อยากดูหน้าคน หนีเข้าป่าไปเลย แล้วลูกศิษย์ไปตามออกมาใหม่ ตามออกมาใหม่ก็ตั้งท่าดีได้อยู่ระยะหนึ่ง ระวังตัว..แล้วก็เผลอเสร็จไปอีก แต่แหม..พระเขาก็ทำรุนแรงถึงขนาดขับไล่กัน ผมมารู้ทีหลังว่าเขามาอ้างชื่อผมด้วย ไปกันใหญ่เลย ผมนอนป่วยอยู่โรงพยาบาลแท้ ๆ กลายเป็นหัวหน้าทีมขับไล่ท่านไปได้อย่างไรก็ไม่รู้ ? เอาเถอะ..เราทำมาขนาดนี้แล้ว ถ้าบางอย่างมากระทบแล้วเราท้อถอย ก็จะเสียประโยชน์ไปเปล่า ๆ ฉะนั้น..ให้ก็ทำตัวเหมือนบ้านว่าง ๆ ไม่มีหลังคา ไม่มีข้างฝา ใครขว้างอะไรมาก็เลยไปหมด ถ้ามีข้างฝา มีหลังคา พอโดนปึงปังเข้า เราก็รู้สึกกระทบไปด้วย

สมัยก่อนผมทำ นั่งกำหนดใจเหมือนกับอยู่ในห้องว่าง ๆ ไม่ว่า รูป รส กลิ่น เสียง อะไรเข้ามา ผมไม่รับทั้งนั้นแหละ ทำเหมือนบ้านว่าง ไม่มีอะไรให้ขว้างหรอกครับ หลังคาก็ไม่มี ข้างฝาก็ไม่มี ขว้างมาก็เลยไปหมด พอทำ ๆ แล้วก็ เออ..ดีเหมือนกัน ไม่ต้องไปรับแรงกระทบของใคร

ถาม : แล้วถ้ามีใครมาถาม ?

ตอบ : ไม่ควรยุ่งเลยครับ คือในระหว่างนี้ ต่างคนต่างทำ ถ้าเราไปเข้าข้างใคร ก็จะกลายเป็นคนผิดในสายตาของอีกฝ่ายหนึ่ง นิ่งไว้เสียดีกว่า นาน ๆ ไปอะไรจะชัดเจนขึ้นมาเอง ในช่วงนี้ถ้าเราไปใส่อารมณ์ตามใคร ก็ขาดทุนทั้งขึ้นทั้งล่อง โอกาสที่ถูกมีน้อย เรื่องของทิฐินี่พูดยาก ให้ดูที่ตัวเรา แก้ที่ตัวเรา ดูกันแค่นั้น ดูผิดที่เมื่อไรก็ลำบาก จำไว้ว่าเรื่องของคนอื่นเป็นเรื่องของโลกทั้งหมด เราแก้ไขโลกไม่ได้ เราต้องดูที่ตัวเรา แก้ที่ตัวเรา แก้ไขโลกมักจะเกินกำลังไป ดีชั่ว ใครทำ คนนั้นก็รับ ถ้าหากว่าเขาไม่ละอายชั่วกลัวบาป เขาสามารถทำของเขาได้ เราเองก็ถอยห่างออกมา

แต่ขณะเดียวให้ดูว่าตัวของเราเองเป็นอย่างไร มีความดีส่วนไหนที่ควรจะเร่งทำ มีความชั่วส่วนใหญ่ที่เราควรจะละให้หมดไป ให้ตั้งหน้าตั้งตาแก้ไขตรงจุดนั้น ดูที่ตัวเอง แก้ที่ตัวเอง อัตตนา โจทะยัตตานัง กล่าวโทษโจทย์ตัวเองอยู่เสมอ ๆ อย่าเข้าข้างตัวเอง ให้เห็นอยู่เสมอว่า จริงแล้ว ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น เราเป็นคนผิด ถ้าหาจุดผิดไม่ได้ เราก็ผิดตั้งแต่เกิดมาแล้ว อยากเกิดมาเอง ถ้าไม่เกิดมาไม่เจอหรอก ไม่รู้ว่าจะโทษใคร โทษตัวเองสบายใจที่สุด


สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนตุลาคม ๒๕๔๕
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2016 เมื่อ 17:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 80 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:52



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว