กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 04-01-2015, 21:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๘

ถาม : บุญกุศลต่าง ๆ ที่เราทำแล้ว และอุทิศให้บิดาหรือญาติพี่น้องที่เสียชีวิตไปแล้ว บุญที่อุทิศให้อยู่ในขอบเขตของ ศีล สมาธิ ปัญญา ทั้งหมด ถ้าดวงจิตนั้นยังไม่เข้าถึงพระนิพพาน แต่ลงมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง เราซึ่งเป็นลูกหลานก็ยังทำบุญกุศลและอุทิศบุญให้เรื่อย ๆ อยากเรียนถามว่า บุญกุศลจะส่งผลถึงบิดาหรือญาติพี่น้องที่ลงมาเกิดอีกครั้งที่อุทิศให้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าลงมาเกิดแล้ว ต้องแจ้งให้เขาทราบ จะได้โมทนาเอง

ถาม : เราไม่รู้ครับว่าเขามาเกิดใหม่แล้ว ?
ตอบ : เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าพ้นจากเขตนั้นมาแล้ว ความเป็นทิพย์ไม่มี บอกเขาสักแค่ไหนเขาก็ไม่รับรู้ จึงไม่ได้โมทนา ในเมื่อไม่โมทนา ผลบุญนั้นก็ไม่เกิดกับเขา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2015 เมื่อ 02:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 253 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 04-01-2015, 21:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ ๗ ธันวาคม ที่ผ่านมา พระอาจารย์ท่านเมตตานำกรรมฐานเช้าก่อนทำวัตรเช้าที่วัด ตอนที่แผ่เมตตานั้น ก็สะดุดที่พระอาจารย์นำว่า '...แผ่กว้างออกไป กว้างออกไป เบื้องบนสูงสุดถึงพรหมชั้นที่ ๑๖' เนื่องจากดิฉันจะชินกับที่ท่านนำว่า '...เบื้องบนถึงพระนิพพาน' มากกว่า จึงขอกราบเรียนถามว่า มีนัยของความแตกต่างนี้หรือไม่ ? อย่างไร ? และที่สะดุด แทนที่จะทำตามท่านไปเรื่อย ๆ นี้ เป็นเพราะสมาธิพร่องหรือฟุ้งใช่หรือไม่ ?
ตอบ : ฟุ้งแน่นอน สถานที่ซึ่งเขายังใช้บุญกันอยู่ ไม่เกินพรหมชั้นที่ ๑๖ นอกเหนือจากนั้นก็พ้นบุญพ้นบาปไปแล้ว ท่านไม่ได้ใช้อะไรหรอก ฉะนั้น..ให้หรือไม่ให้ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2015 เมื่อ 02:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 252 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 04-01-2015, 21:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตามความเข้าใจของกระผมนะครับ เจ้ากรรมนายเวรที่เป็นคนอื่นนอกจากตัวของเรานั้นไม่มีจริง แต่เจ้ากรรมนายเวรที่ผมเข้าใจ คือจิตของเราเอง ที่คิดดี หรือคิดไม่ดี ที่ติดตัวมาจากชาติปางก่อน หรือชาติภพปัจจุบัน สิ่งที่ไม่ดี ไม่บริสุทธิ์ในจิตของเรา จะส่งผลออกมาเป็นการกระทำ แล้วเราก็มักจะให้เหตุผลกันว่าเป็นกรรมเก่า เจ้ากรรมนายเวรจากอดีตชาติ เรียนขอคำแนะนำจากหลวงพ่อครับ ว่าผมเข้าใจถูกต้องหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ผิดร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับ..! พระพุทธเจ้าสอนให้เราเชื่อกรรม สอนให้เราเชื่อการส่งผลของกรรม ถ้าคุณไม่เชื่อก็ไม่ต้องคุยกัน

ถาม : มีเจ้ากรรมนายเวรเป็นตัวตนหรือครับ ?
ตอบ : ส่วนหนึ่งเป็นการกระทำของเราที่ส่งผล เพราะว่าบุคคลที่เรากระทำไม่ดีด้วย อาจจะไปอยู่อีกภพภูมิหนึ่งแล้ว แต่อีกส่วนหนึ่งเป็นพวกที่ผูกอาฆาตพยาบาทอยู่และยังไม่ได้ไปเกิด ตามจ้องจะเล่นงานอยู่ สรุปว่ามีทั้งที่มีตัวตนและไม่มีตัวตน แต่ว่าส่วนที่ส่งผลแน่นอนคือการกระทำของเรา ถ้าการกระทำนั้นส่งผลเมื่อไร ท่านที่มีตัวตนจะฉวยจังหวะนั้นเล่นงานคืน แต่ถ้าหากไม่มีตัวตนแล้ว จังหวะที่ผลกรรมนั้นถึงวาระจรเข้ามา กรรมนั้นก็จะสนองเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2015 เมื่อ 02:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 239 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 04-01-2015, 21:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กราบเรียนสอบถามการแบ่งที่ดินตำราปลูกเรือนของหลวงปู่สายครับ ผมตีตาราง ๓๖ ช่องโดยกำหนดเอาทิศเหนือเป็นหลัก ตารางที่ผมทำตามรูปนี้ ถูกต้องตามตำราปลูกเรือนของหลวงปู่สายใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ผิดตั้งแต่แรกแล้ว เพราะว่าที่ดินสมัยก่อนเป็นสิบ ๆ ไร่ ตีเป็น ๓๖ ช่องแล้วปลูกบ้านได้ สมัยนี้อย่างเก่งซื้อ ๒๐๐ ตารางวา ตี ๓๖ ช่องก็สร้างได้แค่ศาลพระภูมิ..!

ถาม : สำหรับอย่างนี้จะใช้ได้กับบ้านในปัจจุบันไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าจะสร้างศาลพระภูมิก็ใช้ได้..! แต่ถ้าใครมีที่ดินหลายไร่ก็ทำได้ ถ้ามีที่ดินอยู่หน่อยเดียว ก็ไม่ต้องเสียเวลาไปทำหรอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2015 เมื่อ 02:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 235 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 04-01-2015, 21:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตามหลักเถรวาทภิกษุณีได้สูญสิ้นไปแล้ว แต่มหายานยังมีการบวชภิกษุณีอยู่ กราบเรียนถามว่า ถ้าภิกษุณีในปัจจุบันที่บวชโดยมหายาน ได้ออกบิณฑบาตและให้ผู้คนกราบไหว้นับถือ โดยที่ไม่ได้เป็นภิกษุณีแบบครบถ้วนสมบูรณ์ ตามหลักวินัยปิฎกของเถรวาท ภิกษุณีที่ปฏิบัติตนดังกล่าวจะบาปหรือไม่คะ ?
ตอบ : ถ้าไม่ใช่นักบวชแล้วไปทำตัวแบบนักบวช ก็แปลว่ารับไปเต็ม ๆ..! กล่าวถึงในเรื่องของภิกษุณีต้องว่ากันตามพระธรรมวินัย ภิกษุณีต้องบวชในฝ่ายภิกษุณีก่อน แล้วก็มาญัตติซ้ำในฝ่ายของภิกษุอีกรอบหนึ่ง เรียกว่าบวชโดยอุภโตสงฆ์ คือสงฆ์ทั้งสองฝ่ายให้การรับรอง จึงจะเป็นภิกษุณีได้ ไม่ใช่นึกอยากจะบวชก็บวชขึ้นมา โดยให้พระภิกษุเป็นฝ่ายบวช แล้วก็กล่าวว่าตนเองเป็นภิกษุณี

เรื่องนี้ว่ากันตามหลักพระวินัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติเอาไว้ ไม่ใช่การกีดกันสิทธิสตรีอะไรทั้งสิ้น ในเมื่อเราต้องการเข้ามาอยู่ในธรรมวินัยนี้ ก็ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักวินัย ไม่ใช่เอาสิทธิสตรีหรือหลักกฎหมายสมัยใหม่มากล่าวว่าเป็นการกีดกัน แล้วพยายามที่จะเบียดแทรกเข้ามา ถ้าอย่างนั้นแปลว่าคุณกำลังหาเรื่องเดือดร้อนเอง

บ้านเรามีคำสั่งมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ ระบุชัดเจนว่าภิกษุณีและสามเณรีหมดสิ้นขาดหายไปจากประเทศไทยนานแล้ว ห้ามพระภิกษุที่เป็นพระอุปัชฌาย์ทุกรูป บวชสามเณรีและภิกษุณี จนป่านนี้คำสั่งนั้นยังมีผลใช้งานอยู่

ความจริงการบวชในลักษณะบวชใจจะสะดวกกว่า แต่บางทีเขาก็ใช้เหตุผลว่าเป็นการเติมเต็มพุทธบริษัท ซึ่งเหตุผลกับพระธรรมวินัยเป็นคนละเรื่องกัน เหตุผลคุณจะอ้างอย่างไรก็ได้ แต่ถ้าคัดค้านได้โดยพระธรรมวินัย ก็เป็นอันว่าเหตุผลนั้นใช้ไม่ได้


ถาม : สรุปว่าในเมืองไทย..?
ตอบ : ในเมืองไทยมีภิกษุณีไม่ได้ เพราะคำสั่งของสมเด็จพระสังฆราชถือว่าเป็นกฎหมายคณะสงฆ์

ถาม : ในประเทศอื่นยังมีภิกษุณีที่สืบเนื่องมาจากสมัยพุทธกาลอยู่หรือครับ ?
ตอบ : ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าสืบเนื่องมาถูกต้องหรือไม่ ? ต้องไปสืบสายค้นหากันเอาเอง เพราะว่าต้องบวชกันในสงฆ์ทั้งสองฝ่าย


** ไม่อนุญาตให้นำข้อความนี้ไปเผยแพร่นอกเว็บนะคะ เพราะจะเกิดการโต้เถียงกัน

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 05-01-2015 เมื่อ 11:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 04-01-2015, 21:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : บูชาวัตถุมงคลอย่างไรไม่ให้เป็นกิเลส ?
ตอบ : ให้ตั้งใจว่า เราขอยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง เพื่อความพ้นทุกข์ เข้าสู่พระนิพพานในชาตินี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2015 เมื่อ 02:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 245 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 04-01-2015, 21:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ดารานักร้องศิลปิน ทำกรรมอะไรถึงได้มีชื่อเสียงโด่งดัง ?
ตอบ : อย่างน้อยก็ต้องเคยทำบุญใหญ่มาในอดีต ในลักษณะเป็นผู้นำบุญคนอื่นเขา

ถาม : จำเป็นไหมครับว่าทำบุญแบบนี้แล้วต้องไปเกิดเป็นดาราศิลปิน ?
ตอบ : ไม่จำเป็น..จะเกิดเป็นอะไรก็ตาม มักจะโดนถีบให้ออกหน้าอยู่เสมอ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2015 เมื่อ 02:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 243 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 04-01-2015, 21:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีคนบอกว่า พระภิกษุเดินบนผ้าขาวแล้วเป็นอาบัติ ไม่ทราบว่าในพระวินัยมีศีลข้อห้ามนี้หรือไม่คะ ?
ตอบ : มีห้ามไว้อย่างชัดเจน ห้ามภิกษุเดินบนผ้าขาวที่เขาลาดเอาไว้เป็นทางเดิน เนื่องจากสมัยพระเจ้าโพธิราชกุมาร พระองค์ท่านตั้งใจอธิษฐานว่า ถ้าตนเองสามารถมีพระราชโอรสหรือพระราชธิดาได้ ขอให้พระพุทธเจ้าเดินบนผ้าขาวนี้ พระพุทธเจ้าไปถึงสั่งพระอานนท์รื้อทิ้งหมดเลย และด้วยความที่พระทุกรูปไม่ได้มีทิพจักขุญาณ บางท่านอาจจะเสียท่า ไปเดินบนผ้าขาวที่โยมตั้งใจอธิษฐานเอาไว้ พระพุทธเจ้าจึงตัดปัญหาด้วยการห้ามเดินบนผ้าขาวไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2015 เมื่อ 02:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 242 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 04-01-2015, 21:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระที่เข้านิโรธสมาบัติเป็นเดือน ท่านเอาจิตไปไว้ที่ไหน ท่องเที่ยวไปตามภพภูมิต่าง ๆ หรือว่าอยู่กับการพิจารณาธรรม ?
ตอบ : อยากทำใช่ไหม ? ถ้าอยากทำจะตอบให้ การเข้านิโรธสมาบัติมีสองลักษณะด้วยกัน ลักษณะแรกก็คือส่งจิตไปอยู่เฉพาะที่พระนิพพาน ลักษณะที่สองคือเอาจิตท่องเที่ยวไปตามภพต่าง ๆ แต่ว่าทั้งสองลักษณะนั้น จิตจะไม่เกี่ยวข้องกับร่างกาย ทิ้งร่างกายไปเหมือนกับตายเลย

ถาม : แตกต่างกับมโนมยิทธิเต็มกำลังหรือไม่ครับ ?
ตอบ : มโนมยิทธิเต็มกำลังสามารถใช้ในลักษณะการเข้านิโรธสมาบัติได้

ถาม : ปกติพระอาจารย์ทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ปกติก็นอน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2015 เมื่อ 02:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 255 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 05-01-2015, 10:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กระผมขอกราบเรียนถามข้อสงสัยเกี่ยวกับการนำวัตถุมงคล เช่น เหรียญพุทธบารมีหรือพระพุทธปฏิมาลอยองค์ของวัดท่าขนุน ที่เป็นมวลสารเนื้อเงิน มาชุบทองคำโดยเจตนาเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา อยากทราบว่าเมื่อชุบเสร็จแล้ว ผู้ครอบครองจะต้องนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกอีกครั้งใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่ต้อง อยากทำอะไรทำตามใจของตนเองไปเลย เพราะว่ามีเจตนาดี

ถาม : ไม่เป็นกรรมอะไรใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเนื้อทองเอาไปชุบเงินก็ไม่ค่อยดี เป็นกรรมเหมือนกัน

ถาม : จำเป็นต้องภาวนาเสกอีกครั้งเฉกเช่นเดียวกับกรณีที่ทองชุบบนเหรียญทำน้ำมนต์ลอก แล้วนำไปชุบทองใหม่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เหรียญทำน้ำมนต์ลอกแล้วเอาไปชุบใหม่ ถ้าต้องการใช้งานก็เอาไปนั่งเสกเอง ๑๐๘ จบ แต่สิ่งเหล่านี้ให้เข้าใจว่าเป็นคำสั่งเฉพาะแต่ละอย่างไป ไม่ต้องไปฟุ้งซ่านในเรื่องที่ท่านไม่ได้สั่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2015 เมื่อ 12:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 05-01-2015, 10:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : โรคซึมเศร้ารวมถึงโรคทางจิตเภทนั้น เกิดจากบุพกรรมใดในอดีตครับ ? เพราะมีญาติประสบปัญหาอยู่ โดยตอนนี้รักษาโดยจิตแพทย์และยาแผนปัจจุบัน (ยาต้านเศร้า) แต่ทำได้เพียงแค่ทรงอาการไว้ แต่ไม่ใช่การรักษาให้ดีขึ้นหรือกลับมาเป็นปกติอย่างที่ควรจะเป็น ?
ตอบ : สาเหตุที่เป็นเพราะไม่ได้ใช้วัสดุวอเตอร์พรูฟ (กันน้ำ) ทำให้ซึมได้ เพราะซึมได้ก็เลยเศร้า..! ..(หัวเราะ).. การเจ็บไข้ได้ป่วยทุกอย่างมีผลจากเศษกรรมปาณาติบาตทั้งสิ้น ที่บอกว่าเป็นโรคซึมเศร้าแล้วรักษาไม่ได้เพราะเป็นกรรม นั่นเข้าใจผิด ถ้าสามารถสอนให้เขาภาวนาได้ เมื่ออารมณ์ใจตั้งมั่น โรคนี้จะหายเอง

ถาม : หายขาดเลยหรือครับ ?
ตอบ : ถ้าหลุดจากสมาธิเมื่อไรก็เป็นอีกเพราะชอบคิด ส่วนใหญ่เกิดจากการคิดสงสารตนเอง เพราะรักตัวเองมากจนเกินไป มีอะไรก็โทษว่าตัวเองเป็นหลัก ท้ายสุดเป็นย้ำคิดย้ำทำ ไม่สามารถถอนจิตออกมาจากตรงนั้นได้ วิธีที่ดีที่สุดก็คือแนะนำให้ปฏิบัติในอานาปานสติ ให้จับลมหายใจเข้าออกเป็นหลัก ถ้าภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัวได้ โรคนี้จะหาย

ถาม : ขอความอนุเคราะห์จากท่านถึงวิธีการรักษาแบบสมัยก่อนที่ใช้รักษาผู้ป่วยกัน ?
ตอบ : ทั้งโบราณและปัจจุบันก็วิธีเดียวกัน วิธีอื่นใช้ยาก็ได้แค่กดสภาพไว้ชั่วคราวเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2015 เมื่อ 12:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 224 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 05-01-2015, 10:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีไหมครับที่ฝึกเรื่องเดียว ฝึกสิ่งเดียว วิธีเดียวไปตลอดชีวิตแล้วสำเร็จหมดทุกอย่าง ?
ตอบ : ภาษิตจีนบอกว่า รู้จริงเพียงหนึ่ง ร้อยอย่างก็ปรุโปร่ง เราฝึกกรรมฐานอย่างใดอย่างหนึ่งจนเข้าถึงที่สุดได้ ถ้าวิสัยเดิมเป็นปฏิสัมภิทาญาณอยู่ ทุกอย่างก็จะรู้หมด สำเร็จหมด

ถาม : มีข้อธรรมอะไรไหมครับที่ใช้อย่างเดียวแล้วสำเร็จหมด ?
ตอบ : อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถะ ไม่ประมาทข้อเดียวเท่านั้น สำเร็จทุกอย่าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-01-2015 เมื่อ 02:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 228 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 05-01-2015, 11:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระพุทธเจ้าท่านถือว่าเป็นผู้เลิศ เป็นหนึ่ง เก่งที่สุด ผมสงสัยว่ากรรมนี้มีอำนาจมากกว่าพระพุทธองค์ไหม ? ธรรมชาตินี้มีอำนาจมากกว่าพระองค์ไหม ?
ตอบ : มีมากกว่าเป็นปกติ เพราะพระองค์ท่านก็ยังเสวยกรรมเป็นปกติ แม้จะบรรลุมรรคผลแล้ว เศษกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังคงตามสนองอยู่ ขณะเดียวกันธรรมชาติ ก็คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็เกิดขึ้นกับพระองค์เป็นปกติ พูดง่าย ๆ ว่าพระองค์ท่านมีพระองค์เองเป็นคำสอนที่ดีที่สุดให้พวกเราได้เห็น แต่ส่วนใหญ่เราไม่ได้มองในจุดนั้น เพราะไปติดอยู่ตรงที่ว่า "พระองค์ท่านเก่งที่สุด" ก็เลยลืมไปว่า พระองค์ท่านก็คือมนุษย์ธรรมดาเหมือนกัน เพียงแต่เป็นอัจฉริยมนุษย์ ที่เกิดมาเพื่ออนุเคราะห์สงเคราะห์สัตว์โลกจำนวนมหาศาลให้ได้ประโยชน์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2015 เมื่อ 12:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 05-01-2015, 11:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระพุทธเจ้ามี ๓ ประเภท มีปัญญา ศรัทธา วิริยะ แล้วสมเด็จองค์ปฐมท่านจัดอยู่ในประเภทไหนครับ ?
ตอบ : อยู่ในประเภทองค์ปฐม..! พระองค์ท่านเป็นผู้มาก่อนหลักสูตร เมื่อพระองค์ท่านสำเร็จแล้ว จึงได้มีหลักสูตรในการปฏิบัติเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้าให้องค์ถัด ๆ มา เพราะฉะนั้น..เรื่องนอกเหตุเหนือผลแบบนี้อย่าไปจัดประเภท คุณจะจัดก็จัดเอาเองเถอะ อาตมาไม่บังอาจ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2015 เมื่อ 12:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 234 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 05-01-2015, 11:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุงที่ลงมาเกิด นอกจากมีหน้าที่ปฏิบัติเพื่อมรรคผลของตนเองแล้ว ยังมีหน้าที่อื่นติดตามมาด้วยหรือไม่คะ ?
ตอบ : ๑. เพื่อเกื้อกูลพระศาสนา ๒.เพื่อแบ่งเบาภารกิจการงานของหลวงพ่อ ๓.เพื่อมรรคผลพระนิพพานของตนเอง ใครรู้ตัวว่าทำไม่ครบก็รีบทำเสียให้ครบ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2015 เมื่อ 12:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 250 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 05-01-2015, 11:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้ามีบุคคลหนึ่งได้เข้ามาทำความรู้จักเพื่อจะคบหากัน ต่อมาเราทราบว่าเขาได้พูดโกหกกับเรา จนทำให้ส่วนรวมเสียหาย ถ้าภายหลังเราอภัยให้เขา แต่ไม่กลับไปคบหาสนิทสนมเหมือนเดิม ตรงนี้เป็นเพราะใจเรายังคับแคบเกินไป ขาดเมตตาต่อคนทำผิด หรือเป็นการสมควรแล้วครับ ?
ตอบ : ต้องพิจารณาดู ถ้าเรายังผูกโกรธอยู่ก็จิตใจคับแคบ แต่ถ้าเราทำไปเพราะรู้จักจำ มีความเข็ด ถือว่าเป็นการกระทำของผู้ที่มีปัญญา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2015 เมื่อ 12:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 05-01-2015, 11:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำอาชีพโรงแรม (ม่านรูด) ผิดศีลหรือไม่คะ ? และควรประกอบอาชีพนี้หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ทำต่อไป ไม่มีอะไรผิด พวกที่ไปใช้โรงแรมม่านรูดต่างหากที่ทำผิด

ถาม : บางทีไปนอนเฉย ๆ ครับ
ตอบ : ก็ผิด มีบ้านแล้วไม่นอน..!

ถาม : ทำงานม่านรูดไม่ถือว่าส่งเสริมเขา หรืออำนวยความสะดวกหรือครับ ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจอย่างนั้นก็ผิด อยู่ที่การตั้งเจตนา ถ้าคิดว่าเราสร้างขึ้นมาจะเป็นม่านรูดอะไรก็ตาม เราก็ทำมาหากินของเรา ส่วนใครจะมาใช้บริการอย่างไรก็เรื่องของเขา ตัดใจอย่างนั้นได้ก็ไม่ผิด คิดว่าให้เขามานอนหลับ ไม่ได้ให้มาหลับนอน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2015 เมื่อ 12:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 232 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 06-01-2015, 19:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมท่านใด ตลอดจนพระภิกษุสามเณรหรือแม่ชีที่ตั้งคำถามมา โปรดพิจารณาด้วยว่าคำถามเหล่านั้นก่อประโยชน์แก่ตนหรือเปล่า ถ้าไม่มีประโยชน์อะไร นอกจากความรู้เพิ่มขึ้นมาหน่อยเดียว แล้วเอาไปโม้ต่อ ก็เสียเวลาที่ตั้งคำถามมา ควรจะถามในสิ่งที่ก่อประโยชน์กับตนหรือส่วนรวมมากกว่า ส่วนใหญ่แล้วมักจะอยากรู้ทุกเรื่อง พวกนี้ต้องไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้าเอง..!

อย่างโยมวันนี้ถวายพระพุทธรูปไม้แกะมาหนึ่งองค์ น่าจะเป็นไม้จันทน์ ในพระหัตถ์พระพุทธรูปมีใบไม้อยู่หนึ่งใบ นั่นก็คือการแสดงออกว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้ามาสอนเราคือใบไม้ในกำมือ สิ่งที่พระองค์ท่านตรัสรู้ก็คือใบไม้ทั้งป่า ฉะนั้น..บางเรื่องถ้าอยากรู้จริง ๆ ชาตินี้ก็สร้างทิพจักขุญาณให้เกิดแล้วทูลถามพระ ถามพรหมเทวดาท่านได้ หรือไม่ถ้าอยากรู้ไม่หายคันจริง ๆ ก็ตั้งใจปรารถนาพระโพธิญาณไปเลย ถึงเวลามีสัพพัญญุตญาณ ก็จะรู้รอบในทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะในระดับอัครสาวกหรือแม้แต่พระปัจเจกพุทธเจ้า ก็ยังไม่มีสัพพัญญุตญาณ แต่เราสามารถยืมใช้ได้ ขอพระองค์ท่านแอดไลน์ให้เราอยู่ในไลน์กลุ่มด้วย

ฉะนั้น...อยากรู้เรื่องอะไรก็พึ่งพระบารมี ทูลถามพระองค์ท่านโดยตรง แต่อย่าถึงขนาดคุณสุภิตาก็แล้วกัน ถาม ๆ ๆ ๆ ถามจนพระองค์เห็นว่าเป็นการฟุ้งซ่านจนเกินไป ก็จำกัดว่า ต่อไปนี้ห้ามถามเกินวันละหนึ่งคำถาม คุณสุภิตาก็อุตส่าห์สงสัยอีกว่า แล้วถ้าเกิดสงสัยมากกว่าหนึ่งคำถาม ? พระองค์ท่านตรัสว่า "ให้ไปถามกับพระเล็กก็แล้วกัน" คุณสุภิตาหาทั่วประเทศไทยเลย บังเอิญไปเจอชื่ออาตมาเข้า นับว่าเป็นความเฮง จึงได้มาถามต่อ

ของบางอย่างไม่รู้ดีกว่า เพราะบางอย่างรู้เกินวาระของกรรม แล้วไม่สามารถจะบอกจะกล่าวให้คนอื่นทราบได้ อก
จะแตกตายเอา แต่อย่างว่านะ..ยังไม่มีประสบการณ์ก็คัน อยากจะรู้ พอรู้แล้วมีโยมบางท่านมาปรารภกับอาตมาว่า ทำอย่างไรจะปิดทิพจักขุญาณนี้ได้ รู้มากจนเบื่อ โดยเฉพาะรู้ใจคนอื่น แต่ละคนคิดอย่างหนึ่ง แต่พูดอีกอย่างหนึ่ง ทำอีกอย่างหนึ่ง ทำเอาเขาสับสนกับชีวิต

ด้วยความที่โลกอื่นเขาไม่มีการหลอกลวงกัน มีอะไรก็ว่ากันตรง ๆ พอมาถึงโลกนี้ทำไมสับสนกันอย่างนี้ ก็เลยอยากจะไม่มีทิพจักขุญาณ ความสามารถนี้พอทำไปแล้ว คุณไม่อยากก็ต้องรู้ ท้ายสุดก็เลยแนะนำเขาไปว่า ให้ไปซักซ้อมการเข้าออกสมาธิให้ชำนาญ แล้วรักษากำลังใจให้เกินอุปจารสมาธิ แต่อย่าให้ถึงฌานสี่ จะอยู่ที่ฌานหนึ่ง ฌานสอง ฌานสามอย่างไรก็ได้ อยู่แถว ๆ นั้นแหละ ไม่ขึ้นข้างบนไม่ลงข้างล่าง ก็ไม่มีทางที่จะรู้หรอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-01-2015 เมื่อ 02:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #19  
เก่า 06-01-2015, 19:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนที่มีงานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ในพระเจดีย์ที่วิหารร้อยเมตรวัดท่าซุง อาตมาเองไม่ได้รับการกำหนดให้เป็นผู้ถือพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุตามพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง แต่ในความที่คนอื่นช้า หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเดินนำเข้าวิหารไปแล้ว พระบรมสารีริกธาตุทุกพระเจดีย์ยังตั้งอยู่ที่รถ อาตมาก็คว้ามาหนึ่งพระเจดีย์ เพราะรู้ว่าถ้าช้าเดี๋ยวที่เหลือตายหมด..! พอท่านอื่นเห็นอาตมาคว้าพระเจดีย์ ท่านก็ได้สติก็รีบคว้าเหมือนกัน แล้วเดินตามพระเดชพระคุณหลวงพ่อไปเป็นพรวน

อาตมาอาศัยสัญชาตญาณ ไปถึงก็เลี้ยวขวา ปรากฏว่าทุกคนเลี้ยวซ้ายกันหมด ก็เลยกลายเป็นเวรกรรมว่า อาตมาถือพระบรมสารีริกธาตุหนึ่งพระเจดีย์ ยืนรออยู่กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ขณะที่ทั้งหมดไปยืนรอพระเดชพระคุณหลวงพ่ออยู่ที่อีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งปัจจุปันคือฝั่งมณฑปตั้งศพหลวงพ่อ อาตมาหลงไปได้อย่างไรคนเดียว ? ฉะนั้น..บางอย่างเราก็ต้องเชื่อสัญชาตญาณเหมือนกัน

คำว่าสัญชาตญาณจริง ๆ ก็คือทิพจักขุญาณนั่นเอง ถ้าสำหรับคนทั่ว ๆ ไป ที่ไม่ได้ซักซ้อมมา ก็จะเป็นทิพจักขุญาณอย่างอ่อน ทำให้เราไม่ค่อยเชื่อใจตัวเอง

วันนั้นพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านยังขาวผ่องอยู่ อาตมาก็โล่งใจ ยืนรอจนกระทั่งท่านอื่นมาถึง แทนที่จะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไปตั้งนานแล้ว ก็ไม่ได้บรรจุเสียที ถ้าวันนั้นเห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อดำปี๋ อาตมาก็คงส่งพระเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุให้คนอื่น ตัวเองเผ่นไปนานแล้ว
" ...(หัวเราะ)...
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-01-2015 เมื่อ 02:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #20  
เก่า 06-01-2015, 19:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวสอนพระว่า "ถึงเวลาเรียน ต้องให้ความสำคัญกับการเรียนเป็นอันดับหนึ่ง เรื่องอื่นเป็นเรื่องรองทั้งหมด ผมเองสมัยเรียน ถ้าตรงกับวันเรียนจะไม่รับกิจนิมนต์ใครเลย แม้กระทั่งทุกวันนี้ ถ้าตรงกับวันสอนหนังสือก็ไม่รับกิจนิมนต์ใครเหมือนกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-01-2015 เมื่อ 02:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:31



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว