กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ > ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ

Notices

ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ คุณสามารถตั้งคำถาม และทีมงานจะรวบรวม และคัดกรองเพื่อนำไปถามหลวงพ่อในตอนเย็นวันอาทิตย์ที่หลวงพ่อมารับสังฆทาน

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 12-05-2020, 14:13
สิทธารถะ สิทธารถะ is offline
สมาชิก VIP - ผู้ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ
 
วันที่สมัคร: Feb 2015
ข้อความ: 2
ได้ให้อนุโมทนา: 8,942
ได้รับอนุโมทนา 1,824 ครั้ง ใน 72 โพสต์
สิทธารถะ is on a distinguished road
Default การฝึกสมาธิและมโนมยิทธิ

กราบนมัสการหลวงพ่อครับ

๑.ขอเรียนถามเรื่องสมาธิครับ ปัจจุบันได้ฝึกกรรมฐานที่บ้าน โดยได้ศึกษาอาการของสมาธิตามหนังสือกรรมฐาน ๔๐ ใช้คำภาวนาว่า “พุทโธ” เมื่อมีความรู้สึกว่าคำบริกรรมหนักไป ก็เลยปลดคำบริกรรมออก และหลังตรงตั้งเองไม่เมื่อยเหมือนจะลอย ร่างกายเบาดีไม่มีเหน็บชา แล้วเป็นว่าง ๆ โหวง ๆ ซึ่งตรงนี้ก็มาทราบจากหนังสือว่า คืออาการของฌาน ๒ ไปต่อเนื่อง ๓ เพราะเหตุผลว่า คำบริกรรมก็คือ ตัววิตกวิจารณ์และตัวพองกับความเบาสบายใจ ก็คือตัวปีติกับสุข ได้หายไปแล้ว เหลือแต่เอกัคคตารมณ์และมีอุเบกขาเข้ามาเพิ่ม แต่เป็นได้เพียงชั่วขณะไม่เกิน ๑ ลมหายใจ เพราะกลัวลมขาด พอจะนิ่งในสมาธิระดับนี้แต่ร่างกายต้องการลมก็เลยหายใจ พอหายใจก็รู้ตัวว่าสมาธิลดลง ผมอยากทราบว่าตรงช่วงที่ลมหายในเวลาสั้น ๆ นั้นคือฌาน ๔ ใช่หรือไม่ครับ ?

๒.คำถามต่อมาคือสงสัยในอาการของฌาน ๔ ที่สงสัยเพราะว่าเมื่อมาถึงฌาน ๓ จะเข้าสู่ฌาน ๔ มันเบาอย่างที่กล่าวไปแล้วนั้น จิตมันเลยกลับไปหาคำภาวนาอีก และพอไปหาคำภาวนาก็ย้อนไปหาลมอีกและกลับไปที่ร่างกายอีก มันก็เท่ากับว่าย้อนคืนกลับมาหาฌาน ๓ หรือลงไปเรื่อย ๆ ในทางกลับกันพอฌาน ๓ เต็มที่เข้า ก็ดิ่งไปหาฌาน ๔ สลับกันไปมาอยู่อย่างนี้ ถ้าเราหาจุดให้จิตจับและสามารถทรงแต่เอกัคคตารมณ์อย่างเดียว ก็เป็นวิธีเลี่ยงไม่ให้จิตสนใจลมหายใจ ที่ทำอยู่ถูกไหมครับ ?

๓.มีโอกาสได้ไปฝึกมโนมยิทธิ โดยเปลี่ยนไปใช้คำภาวนา "นะมะพะธะ" ที่วัดท่าซุงแบบเต็มกำลัง ซึ่งอาจารย์ผู้สอนกล่าวว่ามันคือการใช้กำลังของฌาน ๔ ผมก็สามารถฝึกตามที่อาจารย์สอนได้บ้าง จึงคิดถึงส่วนที่ยังสงสัยมาตอบคำถามตัวเองว่า อาการของฌาน ๔ ตอนใช้มโนมยิทธิ เท่ากับว่าการออกไปนี่ มันก็คืองานที่เราหาให้จิตทำ ทำให้เราไม่สนใจกับลมหายใจและเลี้ยงจิตให้อยู่ในอารมณ์ฌาน ๔ ได้ดีกว่าตอนภาวนาดูลมเฉย ๆ และได้ทดลองกลับไปทำแบบแรก ก็ยังเหมือนเดิมคือพอจิตไม่มีอะไรให้รู้หรือมีงานให้ทำ มันก็หล่นลงไปฌาน ๓ แสดงว่ามโนมยิทธิในอีกมุมมองหนึ่งก็คือการหาอะไรให้จิตทำอีกอย่างหนึ่งใช่ไหมครับ ?

๔.เทคนิคที่ผมประยุกต์จากการนำมโนมยิทธิมาใช้เพื่อให้ข้ามการกังวลกับลม คือหางานให้จิตทำ เป็นความเข้าใจ ที่ถูกต้องหรือไม่ครับ ?

๕.ถ้าผมอยากทรงอารมณ์ฌาน ๔ เฉย ๆ ให้ได้ตามที่ต้องการ เพื่อฝึกต่อไปในอรูปฌานอีก ๔ ซึ่งก็ได้ลองทำเองไปบ้างแล้ว ก็เหมือนกับการที่เราเอาจิตจับประเด็นนามธรรมต่าง ๆ อีก ๔ อย่างตามที่หนังสือสอน ก็พบว่าก็พอทำได้บ้างเล็กน้อยและไม่รู้ว่าคิดเองเออเองหรือเปล่า ก่อนจะผ่านไปแต่ละขั้นเราใช้อะไรเป็นจุดสังเกตว่าฌาน ๕,๖,๗ และ ๘ นี้เราได้แน่นอนแล้ว

กราบขอบพระคุณครับ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สิทธารถะ : 12-05-2020 เมื่อ 16:34 เหตุผล: ใช้ภาษาบาลีผิดและเว้นวรรคไม้ยมกผิด
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สิทธารถะ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 12-05-2020, 16:57
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,751
ได้ให้อนุโมทนา: 268,238
ได้รับอนุโมทนา 837,236 ครั้ง ใน 12,756 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default

ถาม : ปัจจุบันได้ฝึกกรรมฐานที่บ้าน โดยได้ศึกษาอาการของสมาธิตามหนังสือกรรมฐาน ๔๐ ใช้คำภาวนาว่า “พุทโธ” เมื่อมีความรู้สึกว่าคำบริกรรมหนักไป ก็เลยปลดคำบริกรรมออก และหลังตรงตั้งเอง ไม่เมื่อย เหมือนจะลอย ร่างกายเบาดี ไม่มีเหน็บชา แล้วเป็นว่าง ๆ โหวง ๆ ซึ่งตรงนี้ก็มาทราบจากหนังสือว่า คืออาการของฌาน ๒ ไปต่อเนื่อง ๓ เพราะเหตุผลว่า คำบริกรรมก็คือ ตัววิตกวิจารณ์และตัวพองกับความเบาสบายใจ ก็คือตัวปีติกับสุข ได้หายไปแล้ว เหลือแต่เอกัคคตารมณ์และมีอุเบกขาเข้ามาเพิ่ม แต่เป็นได้เพียงชั่วขณะไม่เกิน ๑ ลมหายใจ เพราะกลัวลมขาด พอจะนิ่งในสมาธิระดับนี้แต่ร่างกายต้องการลมก็เลยหายใจ พอหายใจก็รู้ตัวว่าสมาธิลดลง ผมอยากทราบว่าตรงช่วงที่ลมหายในเวลาสั้น ๆ นั้นคือฌาน ๔ ใช่หรือไม่ครับ ?

ตอบ : เป็นการ "มโนฯ" เอาล้วน ๆ การภาวนานั้น ลมหายใจจะเบาลงเอง หรือว่าหายไปเอง ไม่ใช่เราไปปลดลมหายใจทิ้ง..! ในเมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกไม่ถูก ที่เหลือก็ย่อมผิดทั้งหมด..!

ถาม : สงสัยในอาการของฌาน ๔ ที่สงสัยเพราะว่าเมื่อมาถึงฌาน ๓ จะเข้าสู่ฌาน ๔ มันเบาอย่างที่กล่าวไปแล้วนั้น จิตมันเลยกลับไปหาคำภาวนาอีก และพอไปหาคำภาวนาก็ย้อนไปหาลมอีกและกลับไปที่ร่างกายอีก มันก็เท่ากับว่าย้อนคืนกลับมาหาฌาน ๓ หรือลงไปเรื่อย ๆ ในทางกลับกันพอฌาน ๓ เต็มที่เข้า ก็ดิ่งไปหาฌาน ๔ สลับกันไปมาอยู่อย่างนี้ ถ้าเราหาจุดให้จิตจับและสามารถทรงแต่เอกัคคตารมณ์อย่างเดียว ก็เป็นวิธีเลี่ยงไม่ให้จิตสนใจลมหายใจ ที่ทำอยู่ถูกไหมครับ ?

ตอบ : ดูคำตอบข้างบนแล้วคงจะหายสงสัย

ถาม : มีโอกาสได้ไปฝึกมโนมยิทธิ โดยเปลี่ยนไปใช้คำภาวนา "นะมะพะธะ" ที่วัดท่าซุงแบบเต็มกำลัง ซึ่งอาจารย์ผู้สอนกล่าวว่ามันคือการใช้กำลังของฌาน ๔ ผมก็สามารถฝึกตามที่อาจารย์สอนได้บ้าง จึงคิดถึงส่วนที่ยังสงสัยมาตอบคำถามตัวเองว่า อาการของฌาน ๔ ตอนใช้มโนมยิทธิ เท่ากับว่าการออกไปนี่ มันก็คืองานที่เราหาให้จิตทำ ทำให้เราไม่สนใจกับลมหายใจและเลี้ยงจิตให้อยู่ในอารมณ์ฌาน ๔ ได้ดีกว่าตอนภาวนาดูลมเฉย ๆ และได้ทดลองกลับไปทำแบบแรก ก็ยังเหมือนเดิมคือพอจิตไม่มีอะไรให้รู้หรือมีงานให้ทำ มันก็หล่นลงไปฌาน ๓ แสดงว่ามโนมยิทธิในอีกมุมมองหนึ่งก็คือการหาอะไรให้จิตทำอีกอย่างหนึ่งใช่ไหมครับ ?

ตอบ : คำว่าฝึกตามที่อาจารย์สอนได้ ไม่ได้เป็นการรับรองว่าเราจะทำถูก เพราะว่าถ้าอยู่ในลักษณะ "คนตาบอดขี่ม้าตาบอด" ก็มีหวังตกเหวตายในเวลาอันไม่นาน..!

ถาม : เทคนิคที่ผมประยุกต์จากการนำมโนมยิทธิมาใช้เพื่อให้ข้ามการกังวลกับลม คือหางานให้จิตทำ เป็นความเข้าใจ ที่ถูกต้องหรือไม่ครับ ?

ตอบ : "ถูกของคุณ" ไม่ใช่ของคนอื่น

ถาม : ถ้าผมอยากทรงอารมณ์ฌาน ๔ เฉย ๆ ให้ได้ตามที่ต้องการ เพื่อฝึกต่อไปในอรูปฌานอีก ๔ ซึ่งก็ได้ลองทำเองไปบ้างแล้ว ก็เหมือนกับการที่เราเอาจิตจับประเด็นนามธรรมต่าง ๆ อีก ๔ อย่างตามที่หนังสือสอน ก็พบว่าก็พอทำได้บ้างเล็กน้อยและไม่รู้ว่าคิดเองเออเองหรือเปล่า ก่อนจะผ่านไปแต่ละขั้นเราใช้อะไรเป็นจุดสังเกตว่าฌาน ๕,๖,๗ และ ๘ นี้เราได้แน่นอนแล้ว

ตอบ : การฝึกอรูปฌาน ต้องเริ่มจากกสิณกองใดกองหนึ่งใน ๙ กอง ยกเว้นอากาสกสิณที่คล้ายอากาสานัญจายตนฌาน จนหลายคนแยกไม่ออก ถ้าไม่มีพื้นฐานกสิณเหล่านี้ก็ได้แต่ "มโนฯ" ต่อไป
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 12-05-2020, 19:19
สิทธารถะ สิทธารถะ is offline
สมาชิก VIP - ผู้ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ
 
วันที่สมัคร: Feb 2015
ข้อความ: 2
ได้ให้อนุโมทนา: 8,942
ได้รับอนุโมทนา 1,824 ครั้ง ใน 72 โพสต์
สิทธารถะ is on a distinguished road
Default

ต้องขออภัยพระอาจารย์ด้วย ผมคิดว่าใช้ภาษาผิดไป คำว่าปลดลมหายใจทิ้งเป็นภาษาพูดส่วนตัวมากเกินไป จริง ๆ แล้วก็เป็นอาการที่ลมหายใจเบาลง ๆ นั่นแหละครับ ผมไม่ได้ไปเร่งให้เป็นอย่างนั้น พอทำบ่อย ๆ เข้าอาการที่มันเบาลงมันใช้เวลาเร็วขึ้นก็เลยเหมือนกับว่าข้ามจุดนี้ได้เร็วแค่นั้นเองครับ ผมไม่ได้หมายถึงไปตัดเอามันทิ้งไป

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สิทธารถะ : 12-05-2020 เมื่อ 19:32 เหตุผล: แก้ไขภาษาพูดเป็นภาษาเขียน
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สิทธารถะ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:02



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว