กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > กระทู้ธรรม > ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 12-04-2010, 15:39
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default แม่พระทั้ง ๕

แม่พระทั้ง ๕
เสมือนหนึ่งมารดาทางธรรม

สมเด็จองค์ปัจจุบัน ทรงพระเมตตาสอนไว้ เมื่อ ๒๙ ส.ค. ๒๕๓๕ ที่วัดท่าซุง จ. อุทัยธานี เพื่อสะดวกในการจดจำและความเข้าใจของผู้อ่าน จึงขอเขียนแยกออกเป็นข้อ ๆ มีความสำคัญดังนี้

๑. ในทางโลก บิดา-มารดาท่านเสพกามกัน ดวงจิตของเราก็มาจุติได้ มารดาอุ้มท้องเลี้ยงดูเรามาตราบกระทั่งชีวิตของท่านหาไม่ พระคุณแห่งบุพการีทั้งสอง ขอจงจดจำไว้ อย่าตำหนิหรือลบหลู่เป็นอันขาด

๒. ในทางธรรม กายเกิด ธรรมก็เกิด เกิดด้วยธาตุ ๔ เข้ามาประกอบกันโดยมีแม่พระโพสพ (ข้าว) เป็นอาหารหลักที่เลี้ยงกาย แม่พระทั้ง ๕(แม่ธาตุทั้ง ๔ และ แม่โพสพ ๑) จึงเสมือนหนึ่งมารดาทางธรรม ที่อยู่กับเราตั้งแต่วันเกิดจนวันตาย

๓. บุตร บิดา มารดา ฆ่ากันในทางโลก หากมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดตั้งจิตสร้างอภัยทานให้เกิด กล่าวขออโหสิกรรม และเป็นฝ่ายยอมรับผลของกรรม ที่ตนได้ก่อไว้ในอดีตชาติอย่างสงบ กรรมนั้น ๆ ก็จะลุล่วงเลิกแล้วต่อกันไปได้ เช่น อย่างตถาคตตรัสอโหสิกรรมให้พระเทวทัต หรือพระอรหันต์สาวกทั้งหลายทุก ๆ องค์ ที่เคารพในกฎแห่งกรรมสำแดงปฏิปทาให้ปรากฏ ตั้งแต่ต้นพุทธันดรมาจนถึงปัจจุบัน และล่วงเลยไปในอนาคตปลายแห่งพุทธันดร ผลแห่งอภัยทานกล่าวคืออโหสิกรรม และรับในผลแห่งกรรมย่อมมีอยู่ให้เห็นเป็นตัวอย่างสืบเนื่องตลอดไป

๔. ต่างกับผู้ที่ฆ่าตัวตาย ทำร้ายแม่พระทั้ง ๕ โทษของกรรมนั้นยากนักที่จะพ้นได้ จะอย่างไรก็ต้องฆ่าตัวตายไปอีกตั้ง ๕๐๐ ชาติ เพราะเนรคุณไม่รู้คุณแห่งแม่พระธรรมทั้งปวง

๕. เรามาจุติ (เกิด) เราก็ต้องอาศัยเขาสร้างพระบารมี จะไปนรก สวรรค์ นิพพานได้ ก็ด้วยชาติที่มนุษย์ส่งผลนี้แหละ เพราะฉะนั้นอย่าเนรคุณ เวลาป่วยไข้ก็จงหมั่นดูกฎของกรรมเป็นต้นเหตุ

๖. ตัวเวทนาของกาย คือ วิญญาณธาตุ (ระบบประสาทรับสัมผัสของกาย) จงรู้เท่าทันมันให้ดี ๆ เพราะตัวนี้เป็นตัวผสม ทำสุข ทุกข์ให้เกิด ถ้าแยกจิตไม่เป็น เวทนาของกายก็จะทำให้เวทนาของจิตเกิดขึ้นด้วย ขอให้ศึกษาธรรมนี้ให้ดี ๆ จะได้แยกจิต แยกกาย แยกเวทนาออกจากกันได้

๗. การทำร้ายตนเองหรือผู้อื่นทางกาย ด้วยโทสะก็ดี ด้วยโลภะก็ดี ด้วยความหลงก็ดี เช่น คนฆ่าตัวเองตาย เท่ากับทำร้ายดิน น้ำ ลม ไฟ ผู้มีพระคุณ ในเมื่อตัวเองยังไม่รู้จักคุณค่าของตัวเอง จึงปล่อยให้จิตเศร้าหมองทำร้ายตนเองได้

๘. คนไม่รู้จักพระคุณของแม่พระทั้ง ๕ จึงมีโทษหนัก เกิดภพใด ชาติใด ก็ต้องฆ่าตัวตายไปถึง ๕๐๐ ชาติ ด้วยเหตุผลดังกล่าว บุคคลประเภทนี้หาความเจริญได้ยาก เพราะมักจะชอบทำร้ายบุคคลอื่นอยู่เนือง ๆ ด้วยเหตุมิละเว้นการทำร้ายตนเองได้ (ทรงหมายความว่า สิ่งที่เขารักที่สุดในโลกนี้ ก็คือร่างกายที่เขาอาศัยอยู่ เขาก็ยังทำร้ายฆ่ามันให้ตายได้ ดังนั้นเขาผู้นี้จึงสามารถทำร้าย และฆ่าผู้อื่นได้ทุกคนในโลกนี้) เจ้าจงหมั่นระวังจิต อย่าให้คิดทำร้ายตนเองและทำร้ายผู้อื่น เห็นโทษเห็นทุกข์ตามนี้ด้วยเถิด

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-04-2010 เมื่อ 19:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 74 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 16-04-2010, 10:53
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

วิจารณ์ (ธัมมวิจัย) เนื่องจากพระธรรมจุดนี้ละเอียดอ่อนมาก พระองค์จึงสอนแต่เฉพาะพวกพุทธจริตเท่านั้น ผมจึงขออนุญาตอธิบายเพิ่มเติม เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่พวกจริตอื่น ๆ

๑. บุคคลส่วนใหญ่ ยังไม่รู้จักบุญคุณของพระแม่ทั้ง ๕ และยังไม่ทราบว่าร่างกายนี้ประกอบด้วยธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และพระแม่โพสพหรือข้าว ก็คือธาตุ ๔ หรือประกอบด้วยธาตุ ๔ ครบ ในเมื่อคนในโลกนี้ต่างก็เติบโตและมีชีวิตอยู่ได้ด้วยข้าว อันเป็นอาหารหลัก และต้องบริโภคอยู่ทุกวัน แต่จิตยังหยาบเกินไป จึงไม่รู้จักบุญคุณของพระแม่ทั้ง ๕ ยิ่งมองเห็นแม่พระทั้ง ๕ เป็นพระธรรมเพื่อนำไปสู่ความพ้นทุกข์ด้วยแล้ว ก็ยิ่งห่างไกลสุดประมาณ

๒. ผมจึงเน้นเอา แต่พวกที่มีศรัทธาอย่างแท้จริงในพระพุทธศาสนา และตั้งใจที่จะปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นทุกข์จากเกิด แก่ เจ็บ ตาย อย่างถาวร ในชาติปัจจุบันนี้เป็นหลักสำคัญ ท่านเหล่านี้สะสมบารมีมามาก เข้าใจและยอมรับเรื่องบุญ บาป เรื่องนรก สวรรค์ นิพพาน และกฎของกรรม อันเป็นอริยสัจขั้นสูง โดยจิตหมดความสงสัย (วิจิกิจฉา) ในธรรมเหล่านี้แล้ว

๓. คำสอนของพระองค์เกี่ยวกับพระแม่ทั้ง ๕ ทั้งคุณและโทษที่ทรงตรัสสอนไว้ พอสรุปมีความสำคัญดังนี้

๓.๑ พระแม่ธรณี (แผ่นดิน, ธาตุดิน) พวกทำลายชาติไม่รู้คุณค่าของมาตุภูมิที่เลี้ยงดู ได้อาศัยอยู่มาจนถึงปัจจุบันว่า ท่านมีพระคุณอย่างใหญ่หลวง จงอย่าเหยียบย่ำและลบหลู่พระคุณของท่าน กรรมของพวกขายชาติจึงต้องลงนรกชั้นโลกันตมหานรก (นรกขุมที่ ๙)

๓.๒ พระแม่โพสพ (ข้าว) พระองค์เน้นให้เห็นพวกที่มีโทสะจริตสูง เวลาบริโภคอาหารมิได้สำรวม รวมไปถึงพวกสมมุติสงฆ์ด้วย จะกินอาหารอย่างกระหายก็ดี ขยุ้มข้าวสุกลงมาจากยอดก็ดี หรือปุถุชนที่เมียปรุงอาหารไม่ถูกปาก สาดข้าวสุกเททิ้งก็ดี พอกายแตกดับ ก็มาเสวยกรรมแห่งโทสะนั้นในนรก

อีกรูปแบบหนึ่ง ทรงเมตตาให้เห็นภาพสัตว์นรก หิวกระหายจะกินข้าว ข้าวก็กลายเป็นเม็ดทรายร้อนแรงด้วยเปลวไฟ บาดปากบาดคอให้พังเป็นแถบ ๆ แล้วล้มตัวลงนอนดิ้นจนตัวละลายไป เพราะพอทรายร้อนไปถึงส่วนไหน ส่วนนั้นก็พัง ดังนั้นเมื่อพระแม่โพสพมีพระคุณแก่เรามากนัก เจ้าจงอย่าลบหลู่หรือเหยียบย่ำพระคุณท่าน

๓.๓ พระแม่คงคา (พระแม่คงคาหรือแม่น้ำ) สมมุติสงฆ์บ้วนน้ำลาย ถ่ายของเสียออกจากทวารหนัก-เบา คนธรรมดาก็เช่นกัน ทิ้งของ ขยะลงไปบ้าง ถ่ายของเสียลงไปบ้าง บางรายอยากได้ปลาก็ใช้ยาเบื่อปลาละลายลงไปบ้าง บุคคลเหล่านี้เมื่อตายไปก็ไปเสวยกรรมในนรก มีทีท่าหิวกระหายน้ำจัด เห็นแม่น้ำอยู่ใกล้ ๆ ก็วิ่งกระโจนลงไป วักน้ำขึ้นมาดื่ม น้ำก็กลายเป็นทรายร้อนจัด ถูกปาก-คอ-ท้องก็พัง ละลายไปเป็นแถบ ๆ เพราะผลกรรมที่เหยียบย่ำพระแม่คงคา

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 16-04-2010 เมื่อ 16:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 16-04-2010, 17:26
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๓.๔ แม่พระพาย สัตว์นรกบางเหล่า ไม่รู้บุญคุณของลมหรืออากาศ ทำกรรมบ่น-ด่า-ว่า พายุที่พัดให้เสียหาย ทั้งทางข้าวของ-ทรัพย์สิน-ชีวิต บ้างบ่นว่าอากาศร้อนหาลมพัดไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็ยังมีอากาศให้หายใจอยู่ โมหะเข้าครอบงำจิต คิดแต่จะเอาความเย็นมาบำเรอร่างกาย จึงสร้างโทสะให้เกิด กล่าวโทษแม่พระพายหรือลมบริโภคอยู่ทางจมูก ทั้งลมภายนอกและภายในอย่างสมบูรณ์ พอลมหยุดพัดเพียงชั่วขณะ จิตก็วุ่นวาย เพราะความโง่ทำจิตให้เศร้าหมอง

พวกเหล่านี้เมื่อตายไป ต้องไปเสวยกรรมในห้องเปลวไฟที่ร้อนแรง อันหาอากาศหายใจมิได้ พอบ่นมาก ๆ ว่าต้องการลม ศาสตราวุธมากมายก็ตกลงมาทิ่มแทงกายแทนลมที่ต้องการ นี่คือผลจากการลบหลู่พระคุณของท่านแม่พระพาย

โดยเฉพาะการเจริญอานาปานุสติ จักต้องพึ่งท่านโดยตลอด อย่าเหยียบย่ำหรือลบหลู่เป็นอันขาด ตถาคตเองก็ยังต้องพึ่งท่านในขณะที่ยังทรงขันธ์ ๕ อยู่

๓.๔ แม่พระเพลิง ไฟเป็นของร้อน หากรู้จักนำมาใช้ก็มีประโยชน์มหาศาล พลังงานต่าง ๆ ในโลกล้วนต้องอาศัยความร้อนทั้งสิ้น แม้ขันธโลกก็เช่นกัน ถ้าไม่มีไฟ (Energy) กายก็เคลื่อนไหวไม่ได้ แม้สิ่งอุปโภค บริโภค รวมทั้งอาหาร เครื่องใช้ทั้งมวลล้วนอาศัยไฟทั้งสิ้น นอกจากนั้นทุกสิ่งในโลกล้วนประกอบจากธาตุ ๔ ทั้งสิ้น

สรุปแล้วจงอย่าลืมพระคุณของไฟ อย่าลบหลู่เหยียบย่ำไฟ เพราะท่านมีพระคุณแก่โลกและสัตว์โลกอย่างมาก โมหะชนที่เอาแต่โทสะเป็นที่ตั้ง จึงตำหนิไฟ เวลาไฟไหม้ ทั้ง ๆ ที่คนประมาทเป็นผู้ก่อขึ้น สร้างกรรมขึ้นเองทั้งสิ้น แม้แต่คนป่วยไข้ขึ้นสูง ก็เพราะกรรมที่ตนทำไว้เองทั้งสิ้น แต่ก็อดตำหนิไฟไม่ได้ จิตของคนพวกนี้จึงเศร้าหมอง หากตายตอนนั้นก็ไปสู่ทุคติ ถูกไฟนรกเผาไหม้ตามกรรมที่ตนทำไว้
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 16-04-2010, 18:07
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๔. พระองค์ทรงสรุปว่า ธาตุทั้งหลายจงหมั่นบูชา ระลึกถึงบุญคุณของแม่พระทุก ๆ ท่าน ถ้าเจ้าไม่ลืมพระคุณของแม่พระทั้ง ๕ ท่านแม่ทั้ง ๕ ก็จะช่วยให้ธาตุทั้งปวงสามัคคีกันได้จนวันตาย และจงหมั่นอุทิศผลบุญให้กับแม่พระทั้ง ๕ ไว้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงพระนิพพาน

๕. กรรมเรื่องการลบหลู่บุญคุณของแม่พระทั้ง ๕ นี้อัศจรรย์มาก หากพระองค์ไม่ทรงเมตตามาสอนให้ ก็ไม่มีความรู้และเข้าใจได้ ในอดีตผู้ใหญ่ท่านเคยสอนว่า อย่าดูถูกดูหมิ่นหรือลบหลู่พระแม่โพสพ (ข้าว) บ่อย ๆ แต่มิได้อธิบายเหตุผลให้ทราบ จึงจำกันต่อ ๆ มาเป็นสัญญา ความสงสัยหรือวิจิกิจฉาจึงยังมีอยู่กับจิต เมื่อพระองค์ทรงเมตตาให้รู้-เห็น ตามความเป็นจริงแล้ว ความสงสัยก็หมดไป

๖. โดยปกติของพระพุทธองค์ ธรรมใดที่ไม่จริง พระองค์จะไม่ตรัส ตรัสอย่างใดก็เป็นอย่างนั้น ไม่เป็นอื่น คำสอนของพระองค์จึงเป็นหนึ่งเสมอ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพราะเป็นอริยสัจ หรือความจริงทุกคำพูด จัดเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างไม่รู้จะเอาอะไรมาเปรียบได้

พวกเราจึงควรตอบแทนพระคุณของท่าน โดยใช้ขันธ์ ๕ หรือร่างกายของเรานี้ รับใช้พระพุทธศาสนาไปจนกว่าจะพัง โดยไม่บ่นแม้แต่ทางใจ (มโนกรรม) คำสอนใด ๆ ที่พระองค์ว่าดี ก็ควรรีบปฏิบัติให้เกิดผลโดยเร็ว ธรรมใดที่พระองค์ห้ามไว้ ก็พยายามละให้เด็ดขาดในเวลาอันสั้นที่สุด
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 19-04-2010, 10:46
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๗. เรื่องกรรมบถสิบหมวดวาจา ๔ (ไม่พูดโกหก-คำหยาบ-ส่อเสียด-และเรื่องไร้สาระ) บุคคลที่ขาดความดีในหมวดนี้ จึงหลงลืม พูดวาจาลบหลู่ดูหมิ่นพระแม่ทั้ง ๕ เพราะมีโมหะ โทสะ ราคะเป็นเหตุ ใช้คำพูดว่าดินมันแข็ง น้ำมันท่วม ลมมันพัดหรือร้อน ไฟมันไหม้ ข้าวมันแข็ง มันเหนียว มันแฉะ มันไหม้ มันบูด เป็นต้น

ล้วนแต่เป็นคำหยาบที่ใช้กับผู้มีพระคุณทั้งสิ้น จะโดยเจตนาหรือไม่มีเจตนาก็ดี ล้วนแต่ยังมีจิตหยาบขาดกรรมบถสิบ หมวดวาจา ๔ ทั้งสิ้น หากไม่ระวังและแก้ไขจิตตนเอง จิตก็จะชินในความชั่วเรื่องวจีกรรม ในที่สุดกลายเป็นนิสัย เป็นสันดานประจำจิต และที่สุดก็อาจปรามาสพระรัตนตรัยโดยไม่ตั้งใจ โดยเอาคำว่ามันนำหน้า เช่น พระมัน ครูมัน พ่อมัน แม่มัน ผลเมื่อกายพังก็ต้องลงนรกไปตามกรรมที่ตนเองทำไว้ทั้งสิ้น

๘. พระพุทธองค์เคยเมตตาให้ดูตัวอย่างของจริง ตอนที่หลวงพ่อฤๅษียังมีชีวิตอยู่ มีความสำคัญสั้น ๆ ดังนี้

ทรงบอกล่วงหน้าว่า “ให้สังเกตบุคคลท่านหนึ่ง ซึ่งจะร่วมวงกินข้าวด้วยในวันนี้ ซึ่งมีนิสัยกินไปบ่นไป ว่าข้าวมันแฉะ ข้าวมันไหม้ ข้าวมัน...แล้ว จะเห็นผลปรากฏ ผลก็จริงตามนั้น เขาผู้นั้นกินไปติกรรมของพระแม่โพสพไป ทำให้เกิดอาการสำลักข้าว และอาหารที่กินจนเกือบจะหายใจไม่ออกตาย และทรงเมตตาตรัสสอนต่อไปว่า บุคคลเหล่านี้มักจะมีอาการธาตุ ๔ ไม่สมดุลกัน ทำให้เกิดอาการท้องเสีย หรือเป็นโรคเกี่ยวกับระบบการย่อยอาหารเสมอ (โรคกระเพาะและลำไส้) จึงขอเตือนผู้อ่านบทความนี้ไว้ ให้ระมัดระวังเรื่องการตำหนิกรรมของพระแม่ทั้ง ๕ เพราะไม่มีคำว่าสายเกินแก้ในพระพุทธศาสนา เมื่อรู้ว่าผิด รู้ว่าไม่ดี รู้ได้ที่ใจเราก่อนทั้งสิ้น กรุณาอ่านเรื่องอุบายละความชั่วที่ใจเราประกอบจะมีประโยชน์มาก

ด้วยพระคุณของพระพุทธ พระธรรมและพระอริยสงฆ์ อันหาประมาณมิได้เป็นที่ตั้ง ผมขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านจงโชคดี อ่านแล้วจำได้ก่อน จึงค่อยนำไปคิดพิจารณา เพื่อให้เกิดความเข้าใจหรือตัวรู้ อันเป็นตัวปัญญาที่แท้จริงในพระพุทธศาสนา ทำให้เกิดผล มีดวงตา (ใจ) เห็นธรรมได้ตามลำดับ จนถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยกันทุกท่านเทอญ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 19-04-2010 เมื่อ 12:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 19-04-2010, 10:47
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

ธรรมที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ (เล่ม ๔)
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:34



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว