กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 19-10-2010, 06:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,703
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ช่วงนี้เวลาทำกรรมฐาน ทำไมอยากกลับไปที่บ้านเก่า ?
ตอบ : อยากกลับก็กลับสิ ใครจะไปว่าอะไร ไปวนดูซะให้สะใจ

อย่าลืมว่าเราไปตอนนั้นจิตเป็นสมาธิอยู่แล้ว ในเมื่อจิตเป็นสมาธิอยู่แล้ว เราก็ไปสำรวจให้ทุกซอกทุกมุม เพราะสภาพจิตของเราอาจจะมีความผูกพันอยู่กับสถานที่ จึงต้องการจะไป

แต่บางทีก็ไม่แน่เหมือนกัน มีอยู่ครั้งหนึ่งอาตมาตั้งใจจะไปกราบพระ แต่พอออกจากร่างแล้วไปตกอยู่ที่หน้าบ้านของใครก็ไม่รู้ มารู้ทีหลังว่าครอบครัวนั้นเป็นกระสือ จึงไปสอบถาม ไปพูดคุย รับรู้รายละเอียดของเขามา

หลังจากนั้นประมาณสองวันก็มีคนมาถามเรื่องนี้ จึงพูดคุยกับเขาได้ ฉะนั้น..บางอย่างอาจจะมีเหตุ ต้องรอจนเกิดแล้วเราถึงจะรู้ว่าเพราะอะไร เราไปลักษณะอย่างนั้นไม่ขาดทุนหรอก อย่างน้อยเราก็ทรงสมาธิอยู่ กิเลสกินไม่ได้ เราก็แค่ไปเที่ยวบ้านเก่าของเรา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 09:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 19-10-2010, 06:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,703
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราเป็นเจ้ากรรมนายเวรเขา แต่เราไม่อยากไปยุ่งกับเขา ?
ตอบ : ให้ตั้งใจอโหสิกรรมให้กับทุกคน

ถาม : ก็คือ อโหสิกรรมให้ฝั่งเราด้วย ฝั่งเขาด้วย ?
ตอบ : อโหสิกรรมเฉพาะฝั่งเรา เพราะเขาคงไม่รับรู้ด้วย แต่นี่เป็นการปลดตัวเราออกจากสิ่งนั้นมา เวรกรรมจะไม่สามารถเบียดเบียนเราในชาติต่อ ๆ ไปได้ ส่วนเขาจะจองเวรหรือให้อภัยก็แล้วแต่เขา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-02-2019 เมื่อ 20:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 19-10-2010, 06:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,703
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สอนให้ลูกภาวนาพุทโธ บอกเขาว่าถ้าจำภาพได้ก็ให้จำไปด้วย ทีนี้ลูกเขาฟังแล้วเข้าใจผิด จำแต่ภาพพระอย่างเดียวค่ะ
ตอบ : ไม่เป็นไร ขอให้ได้สักอย่างหนึ่งก็ใช้ได้

ถาม : หนูจึงไปเปลี่ยนเขาให้ภาวนาแทน ภาพพระเอาไว้ทีหลัง
ตอบ : อย่าลืมว่าภาพพระจำได้ยากกว่า

ถาม : หนูนึกว่าคำภาวนาสำคัญกว่า
ตอบ : จริง ๆ จะสำคัญก็ต่อเมื่อรู้จักเรื่องของสมาธิอย่างแท้จริง คำภาวนาเป็นเครื่องโยงจิตใจให้เป็นสมาธิที่แน่นขึ้นไป ระหว่างการจำภาพพระกับการจับลมหายใจ การจับภาพพระจะยากกว่ามาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-02-2019 เมื่อ 20:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 19-10-2010, 08:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,703
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ผู้หญิงพออายุมากแล้วจะขาดความมั่นใจในตัวเอง มีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่า ถ้าเราอยู่คนเดียว เกิดเป็นอะไรไปแล้วใครจะดูแล ก็เลยมีจำนวนมากกระโดดลงเหวไปอย่างเต็มใจ เพราะอยากได้คนดูแล ท้ายสุดก็ซวยหนักเข้าไปอีก เพราะต้องไปดูแลเขา

ฉะนั้น..ความรู้สึกที่กลัวว่าจะไม่มีคนดูแลนี่เลิกคิดไปเลย แต่ถ้าคิดว่า เดี๋ยวไม่มีใครเอาไว้ข่มเหงรังแกก็ว่าไปอย่าง ถ้ารู้สึกอย่างนั้นก็พยายามหามาสักคน จะได้ข่มเหงรังแกได้..!

จากที่กล่าวมา เรื่องสำคัญก็คือ กำลังใจยังไม่มั่นคง ก็เลยต้องการที่พึ่ง เราจึงต้องเร่งกำลังใจให้มั่นคง ถึงเวลาแล้วเราจะได้ไม่ต้องพึ่งใคร และจะได้ไม่ต้องไปกระโดดลงเหว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 09:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 19-10-2010, 08:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,703
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาอ่านเจอศีลข้อหนึ่ง ในโภชนปฏิสังยุต ของเสขิยวัตร ข้อที่ว่า ภิกษุห้ามฉันเลียบาตร

อาตมาก็สงสัยว่าบาตรจะเลียได้อย่างไร จะมุดเข้าไปในบาตรได้อย่างไร พอไปเจอบาตรพม่าจึงรู้ เพราะบาตรพม่าตื้นนิดเดียว ลักษณะเหมือนกับชามตื้น ๆ จึงได้เลียได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 19-10-2010, 09:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,703
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าเรื่องเสียงดังให้ฟังว่า "ท่านโฆสกเทพบุตร เสียงปกติเวลาท่านพูด ได้ยินไปถึง ๑ โยชน์ แต่ถ้าท่านพูดเต็มเสียงได้ยินไปทั่วดาวดึงส์

พวกเรามีใครบ้างไหมที่เสียงดังระดับนี้ ? สมัยก่อนมีพระครูมะลิ วัดเทพศิรินทร์ ท่านขึ้นนะโมเสียงดังจนเด็กร้องไห้ เวลาค่ำตอนสวดศพ พระครูมะลิสวดคนเดียวโดยไม่ต้องใช้ไมค์ได้ยินไปถึง ๓ - ๔ ศาลา เพื่อน ๆ ต้องใช้ไมค์ช่วย แต่พระครูมะลิไม่ต้องใช้ หุ่นของท่านล่ำสันสูงใหญ่ สงสัยชาติก่อนคงจะถวายระฆังเอาไว้เยอะ

หลวงพ่อท่านเล่าให้ฟังว่า หลวงปู่ปานก็เคยขึ้นนะโมแล้วเด็กตกใจจนร้องไห้ ตอนนั้นหลวงปู่เสียงดังมาก หลวงปู่ปานมาบอกทีหลังว่า วันนั้นไม่ค่อยมีแรง ท้าวมหาราชท่านก็เลยช่วย

เรื่องเสียงดังของหลวงพ่อวัดท่าซุง อาตมาก็เคยเจอกับตัวเอง ตอนนั้นอาตมาเพิ่งบวชใหม่ ๆ ยังไม่ได้พรรษา มีหน้าที่ขึ้นไปช่วยงานบนศาลานวราชบพิตรเพื่อจำหน่ายวัตถุมงคล

วันนั้นพอหลวงพ่อลงรับสังฆทาน มีรถทัวร์เข้ามา ๔ คัน ได้คุยกับโยมทีหลังว่าเขามาจากสัมพันธวงศ์ พวกเราก็รู้ว่าสัมพันธวงศ์เป็นดงของคนจีน เวลาคนจีนคุยกันเหมือนกับคนทะเลาะกัน แล้วคนจีนจำนวน ๔ คันรถทัวร์ เบียดกันขึ้นไปบนศาลานวราชบพิตร เวลาคุยกันเสียงจะดังแค่ไหน ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 09:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 19-10-2010, 09:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,703
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"หลวงพ่อท่านนั่งอยู่ก่อนแล้ว และมีโยมประมาณ ๕ - ๖ คน ถามปัญหาธรรมะอยู่ตรงหน้า บรรดาอาซ้อ อาซิ้ม อาเจ็ก ขึ้นมาก็ส่งเสียงเกรียวกราว

หลวงพ่อท่านเตือนว่า "โยมเบา ๆ หน่อย ข้างหน้าเขาคุยธรรมะกันอยู่" ปรากฏว่าไม่มีเบาแม้แต่นิดเดียว แถมยังดังมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะข้างหลังประดังกันเข้ามาอีก

พออีกสักพักหนึ่ง ท่านก็เตือนอีก "โยมเบา ๆ หน่อย คุยกลบเสียงธรรมะอันตรายนะ" ก็ยังคงเหมือนเดิม มีแต่ดังขึ้นมาเรื่อย ๆ เพราะเขาบูชาวัตถุมงคลกัน

"โคตรแม่มึง..ถ้าจะคุยกันก็กลับไปคุยที่บ้านโน่น..!" เสียงท่านดังชนิดกระเบื้องหลังคากระพือ ทั้งหมดเงียบสนิทชนิดเข็มตกยังได้ยิน พอตั้งสติได้ คนแรกก็ย่องลงบันได คนที่สองสามสี่ก็ตามกันไปจนหมด สี่คันรถไม่เหลือเลย

หลวงพ่อท่านมาบอกทีหลังว่า "จำเป็นต้องดุ เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้นโทษจะเกิดแก่เขามาก ประเภทนี้มาวัดก็ไม่รู้บุญบาปคุณโทษว่าเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น..อย่าให้มาได้อีกเลยเป็นดี"

เพิ่งจะรู้ว่าเสียงคนดังได้ขนาดนี้ คงจะลักษณะเดียวกันกับท่านท้าวมหาราชท่านช่วย หลวงปู่ปานท่านทำได้ หลวงพ่อท่านทำได้ ถือว่าปกติ แต่พระครูมะลิไม่ต้องมีใครช่วย ท่านก็เสียงดังได้

มีอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือ เคยเจอหลวงพ่อท่านส่งเสียงทางลมปราณ ถ้าใครเคยอ่านหนังสือกำลังภายในจะรู้ เป็นเสียงประเภทที่ได้ยินเฉพาะคนที่ตั้งใจให้ได้ยิน..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 09:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 19-10-2010, 09:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,703
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาตมานั้นสวดมนต์ได้ตั้งแต่ตอนเป็นนาค พอบวชแล้วเขาจึงให้ออกกิจนิมนต์ ตอนนั้นไปชัยนาท พอโยมเขาถวายปัจจัยไทยธรรมมา อาตมาก็มักจะเอาไปถวายหลวงพ่อ

พอสวดมนต์ฉันเพลเสร็จ อาตมากลับมาถึงวัด ได้เวลาหลวงพ่อรับแขก อาตมาจึงหิ้วถังสังฆทานขึ้นไปบนศาลา ญาติโยมนั่งอยู่ประมาณ ๒๐ - ๓๐ คน

ตอนที่อาตมาเดินเข้าไป ญาติโยมเขาก็หลีกทางให้ เพราะเราประเภทเดินไปไม่เกรงใจใครเลย เดินไปถึงตรงหน้าหลวงพ่อ คุกเข่าลง ยกถังสังฆทานพร้อมกับซองปัจจัยถวายท่าน เพื่อน ๆ น้อง ๆ ข้างหลังก็ตามมาอีกหลายรูป

หลวงพ่อหยิบแก้วน้ำขึ้นมา คนอื่นเห็นหลวงพ่อยกแก้วน้ำอยู่ แต่เราได้ยินเสียงหลวงพ่อลอดใต้แก้วมาว่า "โคตรแม่มึง..เดินดูชาวบ้านเขาบ้าง จะเหยียบเขาคอหักตายอยู่แล้ว..!" เสียงเหมือนฟ้าผ่า แต่อาตมาได้ยินอยู่คนเดียว..!

พอลงมาจากศาลา ท่านประสิทธิ์ที่เป็นรุ่นน้องเดินตามหลังมาติด ๆ ถามว่า "หลวงพ่ออวยพรอะไรให้พี่คนเดียว ไม่เห็นให้ผมบ้างเลย" เพิ่งจะรู้ว่าเสียงที่เราได้ยินอย่างกับฟ้าผ่า เราได้ยินเพียงคนเดียว คนอื่นไม่ได้ยิน

ตกกลางคืนก็ไปเล่าเรื่องนี้กันในห้องฉันน้ำปานะ หลวงตาวัชรชัยบอกว่า "กูเห็นท่ามึงเดินขึ้นไป กูก็รู้แล้วว่ามึงโดนแน่เลย กูแปลกใจว่ามึงรอดมาได้อย่างไร ?" อาตมาบอกว่า "ไม่ได้รอด ผมโดนเต็ม ๆ เลย แต่ผมได้ยินคนเดียว"

ฉะนั้น..เรื่องนี้ยังไม่เห็นคนอื่นทำได้ แต่หลวงพ่อทำได้แน่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 09:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #89  
เก่า 19-10-2010, 09:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,703
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default


มีโยมนำพระพุทธรูปปางประสูติมาถวายพระอาจารย์ ท่านจึงถามโยมว่า "เราเรียกว่าพระพุทธเจ้าได้หรือไม่ ?

ตอนประสูติ เจ้าชายชี้นิ้วขึ้นไปข้างบน พร้อมกับประกาศว่า อะหัง อัคโคหะมัสมิ โลกัสสะ เราเป็นผู้ที่เลิศที่สุดในโลก อะหัง เชฏโฐหะมัสมิ โลกัสสะ เราเป็นผู้ที่เจริญที่สุดในโลก อะหัง เสฏโฐหะมัสมิ โลกัสสะ เราเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลก ชาติ นัตถิทานิ ปุนัพภะโวติ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา

ทันทีที่เกิดมามีใครกล้าประกาศอย่างนี้บ้างไหม ?

เราเรียกรูปนี้ว่าเป็นพระพุทธเจ้าได้ แม้ว่าความเป็นพระพุทธเจ้าจะมาเมื่อท่านพระชนมายุ ๓๕ พรรษา แต่ที่เราเห็นรูป เรานึกถึงความเป็นพระพุทธเจ้า ไม่ได้นึกถึงความเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ เพราะฉะนั้น..เรียกว่าพระพุทธเจ้าได้

ท่านอาจารย์พระมหาณรงค์ศักดิ์ ให้เขาทำภาพพระพุทธเจ้าปางประสูติ และติดเอาไว้ในงานสาธยายพระไตรปิฎก พอโยมเขาเห็น เขาถามว่า "กุมารทองวัดไหน ?" เห็นพระพุทธเจ้าเป็นกุมารทองไปได้..!"
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg Prnews_65796.jpg (64.8 KB, 686 views)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 11:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #90  
เก่า 19-10-2010, 09:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,703
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"กุมารทองในประเทศไทยที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ กุมารทองของหลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม จังหวัดนครปฐม แต่ท่านไม่ได้เรียกกุมารทอง ท่านเรียกว่า ตุ๊กตาทอง

บางคนเอาวัตถุอาถรรพ์ อย่างขี้เถ้ากระดูกผี ๗ ป่าช้า มาปั้นเป็นรูปเด็กแล้วให้หลวงปู่ท่านเสก แล้วเขาเกิดสงสัยทีหลังว่าจะมีโทษหรือเปล่า ? หลวงปู่ท่านยืนยันว่า "ข้าอุทิศส่วนกุศลให้ จนเป็นเทวดาไปหมดแล้ว"

เพราะฉะนั้น..ถ้าเป็นกุมารทองของหลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม มั่นใจได้ว่าไม่มีโทษแน่ มีแต่ก่อประโยชน์ให้อย่างเดียว แต่ถ้าเป็นกุมารทองของเณรแอก็ต้องคิดกันหน่อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 11:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #91  
เก่า 19-10-2010, 10:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,703
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ปฏิบัติสมาธิแล้วเกิดการชา เหมือนเป็นจุด ๆ ตรงกลางหน้าผาก บางทีก็ไหลมาอยู่ตรงจมูก ถ้านั่งสมาธิแล้วเห็นเป็นกายของเรา พิจารณาไปว่ามันเป็นกาย ถ้ามีอาการเจ็บปวด ก็ตามดูเวทนา ดูที่จิตเหมือนกับว่ามีแสงเหมือนสามเหลี่ยมตรงตัวผม พอจะรีบออกจากสมาธิ มันออกไม่ได้ มันมึนครับ อีกข้อ ที่ปรารถนาอยู่ ถ้ายังโลเลอยู่ จะเป็นมิจฉาทิฏฐิหรือเปล่าครับ ?

ตอบ : จะเรียกว่ามิจฉาทิฏฐิก็ไม่ได้ เพียงแต่ว่าบารมียังไม่เข้มข้นพอ ตกลงทั้งหมดที่ว่ามามีคำถามนี้คำถามเดียว นอกนั้นเป็นคำบอกเล่าเฉย ๆ ไม่ถามก็ไม่เป็นไร แต่อาตมาอยากจะบอก

ในเรื่องของการปฏิบัตินั้น อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย เขาไม่ให้ใส่ใจ เพราะถ้าใส่ใจสมาธิจะไม่ก้าวหน้า ต้องตัดสินใจว่าอะไรเกิดขึ้นกับเราก็ตามที ถึงจะตายลงไปตอนนั้นก็ตาม เรากำลังทำความดีอยู่ เราต้องไปดีแน่ ถ้าตัดใจได้ขณะนั้น ความก้าวหน้าในการปฏิบัติก็จะมี

พอเราเข้าถึงอุปจารสมาธิ ภาพและแสงสีต่าง ๆ ก็จะปรากฏ ถ้าเราไปให้ความสนใจ ความก้าวหน้าในสมาธิก็จะไม่มี จะติดอยู่แค่นั้น ถ้าเราไม่สนใจ ภาพนั้นจะยิ่งชัด เหมือนกับตั้งใจจะก่อกวนเรา เราจึงจำเป็นที่จะต้องสักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น

ส่วนข้อสุดท้ายมีใครบอกไหมว่า คุณพูดเร็วฉิบหายเลย..!

ถาม : ใช่ครับ มีคนบอก
ตอบ : ระวังเอาไว้บ้าง คนแก่เขาจะฟังไม่ทัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-02-2019 เมื่อ 20:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 137 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #92  
เก่า 19-10-2010, 10:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,703
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หลังจากนั่งสมาธิ ถ้าเห็นเหมือนแสงเล็ก ๆ ตรงพระพุทธรูป ก็อย่าไปสนใจใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ให้กำลังใจทั้งหมดของเราอยู่กับลมหายใจเข้าออก ถ้ายังมีลมหายใจอยู่..กำหนดรู้ลม ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่..กำหนดรู้คำภาวนา

ถ้าลมหายใจเบาลง คำภาวนาหายไป หรือลมหายใจหายไปด้วย เรากำหนดรู้อย่างเดียว อย่าอยากให้เป็นอย่างนั้น และอย่าอยากเลิกเป็นอย่างนั้น มีหน้าที่กำหนดรู้ไปเท่านั้นเอง

ถ้าหากเราไปดิ้นรนอยากให้เป็นอย่างอื่น หรืออยากให้หายจากอาการอย่างนั้น สมาธิจะถอยออกมา แล้วพอถึงสมาธิระดับนั้นก็จะเป็นอีก ทำให้เราไม่ก้าวหน้า ติดอยู่แค่นั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 19-10-2010 เมื่อ 12:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 127 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #93  
เก่า 19-10-2010, 10:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,703
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเวลาอธิษฐาน มีสิ่งเข้ามาแทรกแล้วเราตามรู้ไป ควรตั้งจิตอธิษฐานใหม่ แผ่เมตตาใหม่ หรือควรจะทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ช่างมัน เราทำกุศลอยู่ อกุศลก็พยายามขัดขวาง จิตของเราตั้งอยู่ในเรื่องไหนให้ตั้งในเรื่องนั้นต่อไป อย่างเช่น อธิษฐานปรารถนาโพธิญาณ อธิษฐานปรารถนานิพพานชาตินี้ หรือเกิดเมื่อไรขอให้รวยก็ว่าไป แล้วความตั้งใจของเราจะมีผลตามนั้น

แต่ถ้าหากจิตมั่นคง เหลืออยู่อารมณ์เดียว คำอธิษฐานนั้นจะได้ผลเร็วขึ้น เวลาที่อกุศลกรรมแทรก ไม่ได้หมายความว่าคำอธิษฐานจะไม่มีผล แต่ว่ามีช้าหน่อย ถ้าจิตใจมีคุณภาพ สมาธิทรงตัวตั้งมั่น ไม่เคลื่อนไปไหน คำอธิษฐานจะมีผลเร็วขึ้น โดยเฉพาะเร็วขึ้นอีกหลายชาติ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 11:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 130 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #94  
เก่า 19-10-2010, 10:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,703
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระปัจเจกพุทธเจ้ากับพระพุทธเจ้าต่างกันอย่างไร ?
ตอบ : พระปัจเจกพุทธเจ้าเหมือนกับพระพุทธเจ้าทุกประการ เพียงแต่สร้างบารมีมาน้อยกว่า ขาดแต่สัพพัญญุตญาณเท่านั้น นอกนั้นสามารถรู้เท่าพระพุทธเจ้า

เหตุที่ท่านขาดสัพพัญญุตญาณ เพราะท่านไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ ท่านไม่ได้ประกาศพระศาสนา สมมติว่าวัดอาตมามีรถโฟร์วีลอยู่หนึ่งคัน อีกวัดหนึ่งไม่มี เพราะเขาไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้าป่าเข้าดง ก็ลักษณะเดียวกัน พระปัจเจกพุทธเจ้าก็เลยไม่จำเป็นต้องมีสัพพัญญุตญาณเพราะท่านไม่ได้ประกาศพระศาสนา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 11:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 126 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #95  
เก่า 19-10-2010, 10:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,703
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : น้องสาวของหนู ชอบนั่งสมาธิแล้วเขาจะเห็นเป็นวิญญาณ เห็นอยู่เรื่อย ๆ จนเขาไม่กล้านั่ง ไม่คิดจะนั่งต่อ
ตอบ : บอกเขาว่าทำต่อไป เริ่มดีแล้ว การที่เรารู้เห็นท่านทั้งหลายเหล่านั้น ให้ตั้งใจว่า ผลบุญที่เราทำในครั้งนี้หรือบุญจากกรรมฐาน ขอให้วิญญาณ ผี หรืออะไรที่เราเห็น ให้โมทนาบุญเราด้วย เราได้รับประโยชน์รับความสุขเท่าไร ขอให้เขาได้รับด้วย แล้วเขาก็จะไปเองจ้ะ
ส่วนใหญ่เขามาเพราะลำบาก เขาต้องการการช่วยเหลือ

ถาม : แล้วอีกอย่างที่เขาไม่กล้านั่ง เพราะเขารู้สึกว่าตัวเขายืดขยาย หายใจไม่ค่อยออก
ตอบ : เป็นอาการของปีติ ในส่วนของผรณาปีติ ไม่มีอะไรน่ากลัว

เราอาจจะสงสัยว่าปีติเป็นเรื่องดี แต่ทำไมจึงมีอาการแปลก ๆ โบราณเขาเปรียบเทียบไว้ว่าเหมือนกับพ่อแม่ ทิ้งลูกให้อยู่บ้าน ส่วนตัวเองไปตลาด ไปไร่ไปนาทั้งวัน พอกลับมาตอนเย็น เด็กก็คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ เห็นพ่อแม่กลับมาก็ดีใจกระโดดโลดเต้น บางคนก็ร้องไห้ดีใจ นั่นคือปีติ

การปฏิบัติก็เหมือนกัน จิตที่เริ่มเข้าถึงความสงบ สิ่งที่ในอดีตเราเคยคุ้นเคยมาก่อน เมื่อเข้าถึงจุดนั้น อาการปีติก็เลยเกิดขึ้น แต่คนเราไม่เข้าใจว่าปีติมีหลายอย่าง หลายรูปแบบด้วยกัน ต่อไปจะมีอาการมากกว่านั้นอีก ฉะนั้น..แรก ๆ ปล่อยให้เป็นไปเต็มที่ ไม่ต้องไปกลัว ถ้าขึ้นเต็มทีแล้วก็จะเลิกไปเอง


ถาม : เขาบอกว่าหายใจไม่ออก สมควรจะหยุดหรือนั่งต่อ ?
ตอบ : ปล่อยต่อไป ให้ตัดสินใจว่าเรากำลังทำความดีอยู่ ถึงตายไปตอนนี้เราก็ยอม เพราะอย่างไรเราไปดีแน่นอน ถ้าตัดใจอย่างนั้นได้ก็ก้าวข้ามไปเลย ถ้าตัดใจไม่ได้ ทำเมื่อไรก็จะติดอยู่แค่นั้นแหละ บอกว่าสู้ต่อไปไอ้มดแดง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 11:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 129 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #96  
เก่า 19-10-2010, 12:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,703
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวให้ฟังว่า "รู้ไหมว่านั่งอยู่ตรงนี้ นั่งด้วยความหวัง ความหวังอันสูงสุดว่าจะมีใครถามปัญหาการปฏิบัติที่ไม่ใช่ระดับพื้น ๆ แบบนี้บ้าง เดี๋ยวจะเหมือนกับครูจบปริญญามา อยากให้ความรู้แก่เด็กมากเลย แต่กี่ครั้ง ๆ ก็ถามแค่ไม่เกิน ป.๕ หรือ ป.๖..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 16:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 128 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #97  
เก่า 19-10-2010, 12:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,703
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าตอนที่อารมณ์เราดีสุด ๆ เหมือนกับว่า กำลังทำความดี แล้วฟูมาก ๆ เราควรจะเอาอารมณ์ตอนนั้นไปทำอะไร ?
ตอบ : ตอนนั้นให้ระมัดระวังตัวให้สุดขีดเลยว่า มารจะแทรกได้ เพราะตอนที่เราฟูมาก ๆ จริง ๆ แล้วสมาธิเราตก ขึ้นไม่ถึงฌาน ปีติจึงเกิดได้ เท่ากับเปิดโอกาสให้ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ เข้าได้มาก โดยเฉพาะการยินดีในอารมณ์นั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของราคะอยู่แล้ว

ช่วงนั้นมารจะแทรกได้ง่าย ถ้าเผลอเมื่อไรก็โดนจูงผิดทาง อย่างเช่นปีติมาก ๆ อาจจะทำบุญจนหมดตัว แล้วทำให้ครอบครัวเดือดร้อน หรือไม่ก็ปีติมาก ๆ ภาวนาไม่เลิก จนร่างกายทนไม่ไหว สติแตกไปอีก..!

ต้องระวังตัวสุดขีด..ไม่ใช่อารมณ์ฟูแล้วจะเอาไปทำอะไร แต่ต้องระวังสุดชีวิตเลย ถ้าถึงระดับนั้นแล้วจะทำอะไรต้องใช้สติสัมปชัญญะให้รอบคอบ พิจารณาแล้วว่าตนเองและคนรอบข้างไม่เดือดร้อนถึงทำ

หรือปฏิบัติธรรมไปแล้วก็ให้ตั้งเวลาไปเลย ว่าไม่เกิน ๑ ชั่วโมงเราจะพัก ไม่เกิน ๓ ชั่วโมงเราจะพัก ถ้าหากไม่มีอย่างนั้นแล้ว เดี๋ยวทำข้ามวันข้ามคืนไม่เลิก เพราะใจกำลังฟูอยู่ จะไม่รู้สึกเหนื่อยหรอก แต่ร่างกายจะอ่อนล้าสะสมไปเรื่อย พอถึงระดับที่ร่างกายทนไม่ได้ก็จะพัง..!

แต่สำหรับพวกเราคงไม่ต้องเตือนข้อนี้หรอก ขี้เกียจอยู่แล้วนี่..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 16:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 127 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #98  
เก่า 19-10-2010, 12:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,703
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แล้วการทรงฌานสี่ทั้งวัน ไม่ตึงเกินไปหรือครับ ?
ตอบ : ถ้าหากทำได้คล่องตัวจริง ๆ จะไม่เป็นไร ยกเว้นคนฝึกใหม่ ๆ จะรู้สึกตึงและเครียด เพราะสภาพจิตที่เคยดิ้นรน โดนกดนิ่งสนิทไป

จึงควรซ้อมการเข้า-ออก ขึ้น-ลงฌานต่าง ๆ ให้คล่องไว้ พอคล่องชนิดที่จะเข้าเมื่อไรก็ได้ ก็จะเกิดความเบาขึ้น พอคล่องตัวมากจริง ๆ ต้องการเมื่อไรก็จะมา ต้องการเมื่อไรก็จะเปลี่ยนระดับฌานได้ ถึงตอนนั้นก็จะกลายเป็นของเบา ไม่ใช่ของหนัก

คราวนี้ก็จะไม่ตึง ไม่เครียดแล้ว สามารถทรงได้เป็นเดือน เป็นปี สมัยอาตมาฝึกใหม่ ๆ ก็ปล้ำผีลุกปลุกผีนั่งอยู่กับฌาน จนกระทั่งสามารถทรงได้เป็นระยะเวลา ๒ เดือน ๓ เดือน ๔ เดือนต่อเนื่อง คิดว่าเราแน่...ที่ไหนได้..พลาดทีเดียว หายจ้อยไปเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 16:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 123 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #99  
เก่า 19-10-2010, 12:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,703
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อย่างเมื่อก่อนเวลาหนูพยายามจะทรงฌานสี่ให้ได้ตลอดเวลา แต่พอไปนาน ๆ เรื่อย ๆ ก็เริ่มหนัก พอเริ่มหนักหนูก็ถอยให้เบาลง แต่ก็ยังรู้สึกว่าหนักอยู่ดี ก็ถอยให้เบาลงอีก ก็ยังหนักอยู่ดี จนกระทั่งสุดท้ายหนูเลยตัดสินใจว่า ไม่เอาอะไรแล้ว ไม่เอาแม้กระทั่งอารมณ์ในการปฏิบัติ คราวนี้ปรากฏว่าเบา โล่ง พอเราได้อารมณ์ที่เบาโล่งของเรา เราก็ล็อกตรงนั้นไว้ให้อยู่ลักษณะนั้นตลอด พอหนูคิดว่าอยากจะให้อารมณ์มากกว่านี้ ก็กลายเป็นเครียด หนักไป ก็เลยให้เหลืออารมณ์แค่นี้ หนูควรจะรักษาอารมณ์ลักษณะอย่างนี้ไปตลอดหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ถ้ารักษาไปตลอด โอกาสจะพลาดก็มี เพราะว่ายังเบาไป ต้องมีเวลาเฉพาะของเราสักเช้า ๑ ชั่วโมง เย็น ๑ ชั่วโมง ที่ตั้งอารมณ์สมาธิให้ทรงฌานเต็มที่ก่อน แล้วค่อยถอยออกมา

ถาม : แต่ในขณะที่เห็นว่าเบาลง เราก็เห็นว่าแม้กระทั่งอารมณ์การละ เมื่อก่อนเราจะแต่ละที เราจะต้องรวบรวมกำลังใจในลักษณะที่สูงมาก แต่ตอนนี้คือ ละก็เหมือนไม่ได้ละ จะเบาลง
ตอบ : ขอให้ปล่อยได้เท่านั้น จะหนักหรือเบาช่างมัน เคยบอกเอาไว้ว่า ถ้าทำถูกแล้วจะเบา ถ้าหากยังหนักอยู่ ยังไม่ถูกจริง ค่อยยังชั่วหน่อย มีคำถามเลย ป.๗ ไปบ้าง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 16:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 119 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #100  
เก่า 19-10-2010, 13:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,703
ได้รับอนุโมทนา 4,397,155 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาอ่านหนังสือที่หลวงพ่อสอน ท่านบอกให้ทรงอารมณ์แล้วก็ไล่ฌานสี่ ไล่พรหมวิหาร อ่านไปก็นึกตามไป รู้สึกตามไป สุดท้ายก็ไปจับอารมณ์พระนิพพาน อันนี้เป็นกำลังของมโนมยิทธิครึ่งกำลัง หรือว่าทรงอารมณ์ได้ตามที่หลวงพ่อสอนจริง ?
ตอบ : ตอนนั้นอย่างน้อยจิตของเราไม่มีกิเลส ในเมื่อไม่มีกิเลส การที่เราจะไล่ตามอารมณ์ โดยเฉพาะในอารมณ์ความเป็นพระอริยเจ้าที่หลวงพ่อท่านสอน สามารถที่จะเข้าถึงได้โดยง่าย

แต่สำคัญตรงที่ว่า เราเข้าถึงแล้ว เราทรงอยู่ได้หรือไม่ เพราะฉะนั้น..ตรงจุดนี้เราก็ต้องพิจารณาด้วยความระมัดระวัง และหมั่นทำบ่อย ๆ หมั่นย้ำบ่อย ๆ จนกระทั่งกลายเป็นความเคยชินเฉพาะตัวว่า ทำเมื่อไรต้องให้ได้อารมณ์นี้เลย


ถาม : ไม่ต้องไล่ตามขั้นแล้ว
ตอบ : ไม่ต้อง แรก ๆ ก็เหมือนตีอวนเอาปลาทั้งทะเล ต่อไปพอเรารู้ว่าปลาตัวไหนดีที่สุด เราก็คว้าเอาปลาตัวนั้นตัวเดียว
แรก ๆ จะทำเยอะ แต่พอซักซ้อมจนคล่องตัวแล้วก็จะเหลือเพียงนิดเดียว


ถาม : อย่างนี้ถ้าเราตั้งอารมณ์เข้านิพพานอย่างเดียวก็จบเลยสิ ?
ตอบ : ถ้าทำได้จริง ๆ ก็จบ ระยะหลัง ๆ อาตมายังขี้เกียจไปกราบท่านปู่ท่านย่าเลย พอไปถึงนิพพานแล้วก็เชิญท่านขึ้นมากราบ

ตอนที่ยังไม่หายคัน ก็จะแวะนั่นแวะนี่ เที่ยวไปเรื่อย พอนาน ๆ เข้าก็จะเริ่มเบื่อ เหมือนโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะไม่เล่นซนอย่างเด็กแล้ว จะเหลือแค่ไม่กี่จุดที่เราจะไป


ถาม : แต่ก็ไม่เคยเห็นชัดจริง ๆ เลย อารมณ์พระนิพพานก็ไม่เห็นชัด
ตอบ : ไม่เป็นไร อย่าลืมว่าพระสุกขวิปัสสโกท่านไม่ได้เห็นอะไร แต่ขณะเดียวกันทำไมท่านถึงได้มั่นใจ ก็เพราะท่านเข้าถึงอารมณ์นั้นจริง ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2010 เมื่อ 16:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 117 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:13



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว